ชาวบ้านแม่เมาะแห่ขอศาลปกครอง โอนคดีฟ้อง กฟผ.เข้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม หวังคดีจบรวดเร็ว จวก สคบ.ปล่อยโฆษณา กฟผ.หลอกลวงประชาชน
วันนี้ (22 ก.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และนางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ แกนนำชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ พร้อมด้วยชาวบ้าน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง จำนวนกว่า 50 คน ได้เดินทางมาเรียกร้องขอให้โอนคดีหมายเลขดำที่ อ.1110/2552 ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง จ.เชียงใหม่ ที่สั่งให้ กฟผ.จ่ายค่าเสียหายให้กับประชาชนในพื้นที่ และคดีหมายเลขดำที่ อ.16/2552 ในคดีที่ กฟผ.ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง จ.เชียงใหม่ มีคำสั่งให้ กฟผ.ปฏิบัติตามเงื่อนไขในประทานบัตร และมาตรการการป้องกันแก้ไขสิ่งแวดล้อมให้ไปอยู่ในแผนกคดีสิ่งแวดล้อมของศาลปกครองสูงสุด ตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้จัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเห็นว่าหากได้ไปอยู่ในแผนกคดีดังกล่าวจะทำให้การพิจารณาคดีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นางมะลิวรรณกล่าวว่า การมายื่นเรื่องครั้งนี้เพื่อขอความเมตตาจากศาล เนื่องจากคดีที่ศาลปกครองกลาง จ.เชียงใหม่ พิพากษาไปแล้ว ทั้งสองคดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด ที่ชาวบ้านเป็นผู้ชนะคดีส่งผลให้ยังไม่ได้รับค่าเสียหาย อีกทั้งทางโรงไฟฟ้ายังคงมีการปล่อยมลพิษทางอากาศ รวมถึงยังนำที่ดินในพื้นที่เหมืองที่ศาลปกครองกลางจ.เชียงใหม่สั่งให้ กฟผ.ปลูกป่าทดแทนนำไปสร้างสนามกอล์ฟ หากคดีได้รับการโอนไปที่แผนกคดีสิ่งแวดล้อมก็เชื่อว่าคดีจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะคดีในแผนกดังกล่าวยังมีไม่มาก นอกจากนี้ ภาพยนตร์โฆษณาของ กฟผ.ที่มีลักษณะว่าโรงไฟฟ้าแม่เมาะไม่ได้สร้างมลพิษ และชาวบ้านสามารถอยู่ร่วมกับโรงไฟฟ้าได้นั้นเป็นเรื่องที่ขัดต่อความเป็นจริงอย่างมาก ตนไม่เข้าใจว่าทำไม กฟผ.ต้องหลอกลวงชาวบ้าน เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านแม่เมาะต้องทนอยู่กับฝุ่นละออง รวมทั้งน้ำฝนที่ตกลงมาก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เนื่องจากมีสารปนเปื้อน
“อยากถามว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ไปอยู่ที่ไหน ไม่เคยดูโฆษณาชิ้นนี้หรืออย่างไร ถึงได้ปล่อยให้โฆษณาชิ้นนี้หลอกประชานทั่วประเทศอยู่ได้ สคบ.เป็นหน่วยงานของรัฐ รับภาษีประชาชน ก็ต้องทำหน้าที่ดูและประชาชนอย่างเต็มที่ด้วย”
วันนี้ (22 ก.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และนางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ แกนนำชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ พร้อมด้วยชาวบ้าน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง จำนวนกว่า 50 คน ได้เดินทางมาเรียกร้องขอให้โอนคดีหมายเลขดำที่ อ.1110/2552 ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง จ.เชียงใหม่ ที่สั่งให้ กฟผ.จ่ายค่าเสียหายให้กับประชาชนในพื้นที่ และคดีหมายเลขดำที่ อ.16/2552 ในคดีที่ กฟผ.ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง จ.เชียงใหม่ มีคำสั่งให้ กฟผ.ปฏิบัติตามเงื่อนไขในประทานบัตร และมาตรการการป้องกันแก้ไขสิ่งแวดล้อมให้ไปอยู่ในแผนกคดีสิ่งแวดล้อมของศาลปกครองสูงสุด ตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้จัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเห็นว่าหากได้ไปอยู่ในแผนกคดีดังกล่าวจะทำให้การพิจารณาคดีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นางมะลิวรรณกล่าวว่า การมายื่นเรื่องครั้งนี้เพื่อขอความเมตตาจากศาล เนื่องจากคดีที่ศาลปกครองกลาง จ.เชียงใหม่ พิพากษาไปแล้ว ทั้งสองคดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด ที่ชาวบ้านเป็นผู้ชนะคดีส่งผลให้ยังไม่ได้รับค่าเสียหาย อีกทั้งทางโรงไฟฟ้ายังคงมีการปล่อยมลพิษทางอากาศ รวมถึงยังนำที่ดินในพื้นที่เหมืองที่ศาลปกครองกลางจ.เชียงใหม่สั่งให้ กฟผ.ปลูกป่าทดแทนนำไปสร้างสนามกอล์ฟ หากคดีได้รับการโอนไปที่แผนกคดีสิ่งแวดล้อมก็เชื่อว่าคดีจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะคดีในแผนกดังกล่าวยังมีไม่มาก นอกจากนี้ ภาพยนตร์โฆษณาของ กฟผ.ที่มีลักษณะว่าโรงไฟฟ้าแม่เมาะไม่ได้สร้างมลพิษ และชาวบ้านสามารถอยู่ร่วมกับโรงไฟฟ้าได้นั้นเป็นเรื่องที่ขัดต่อความเป็นจริงอย่างมาก ตนไม่เข้าใจว่าทำไม กฟผ.ต้องหลอกลวงชาวบ้าน เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านแม่เมาะต้องทนอยู่กับฝุ่นละออง รวมทั้งน้ำฝนที่ตกลงมาก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เนื่องจากมีสารปนเปื้อน
“อยากถามว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ไปอยู่ที่ไหน ไม่เคยดูโฆษณาชิ้นนี้หรืออย่างไร ถึงได้ปล่อยให้โฆษณาชิ้นนี้หลอกประชานทั่วประเทศอยู่ได้ สคบ.เป็นหน่วยงานของรัฐ รับภาษีประชาชน ก็ต้องทำหน้าที่ดูและประชาชนอย่างเต็มที่ด้วย”