เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 การตอบคำถามของนักข่าวปลายสัปดาห์ก่อนของนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่ยอมยืนยันว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร เนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ เป็นของไทย ถือว่า “สร้างความเสียหาย” อย่างใหญ่หลวงต่ออธิปไตยของชาติ ซึ่งสาเหตุอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยรู้เรื่อง หรือไม่เคยรู้เรื่องอะไรมาก่อนสักเรื่องเดียว เพราะที่ผ่านมาถูกชักใย ถูกผลักให้ถลำลงสู่การเมือง เพื่อมารักษาผลประโยชน์ “ธุรกิจการเมือง” ของพี่ชายคือ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น
00 คำพูดของ ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกฯของไทยที่นอกจากไม่ยืนยันว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทยแล้ว ยังดันบอกว่าทุกอย่างต้องยอมรับศาลโลก เมื่อมีข้อสรุปอย่างไร ก็ต้องว่าไปตามนั้น คำพูดเจื้อยแจ้วแบบนี้ทำให้หลายคน“เลือดขึ้นหน้า” เพราะเหมือนกับว่าเธอถือ “วิสาสะ” ไปยกอธิปไตยให้กับกัมพูชาหน้าตาเฉย ส่วนจะเป็น “ต่างตอบแทน” ส่วนตัวหรือเปล่ามันก็ชวนสงสัย ขณะที่อีกหลายคนก็รู้สึก“สมเพช” ที่เรามีนายกฯที่ไร้เดียงสา ไร้กึ๋น ไม่เคยมีความรู้ในเรื่องข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และขอบเขตของศาลโลกว่าเป็นอย่างไร
00 ทั้งที่ตามหลักการ และข้อเท็จจริงก็คือ ศาลโลกไม่อาจมาชี้นิ้วตัดสินว่า พื้นที่ตรงนั้น ตรงนี้เป็นอธิปไตยของประเทศใดได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะปั่นป่วนวุ่นวาย ขอบเขตอำนาจศาลโลกที่จะใช้บังคับได้ ต้องเป็นที่ยอมรับระหว่างประเทศคู่กรณีเท่านั้น เหมือนกับกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหารที่ไทย-กัมพูชา ยอมให้ศาลโลกตัดสิน และเมื่อเรา “เสียรู้” มหาอำนาจ ตัดสินให้กัมพูชาชนะ แต่ได้ “เฉพาะตัวปราสาท” ไปเท่านั้น และไทยเราก็ “สงวนสิทธิ์” เอาไว้เรื่อยมา จากนั้นก็สิ้นสุดอำนาจของศาลโลกในกรณีดังกล่าว
00 แต่ที่ผ่านมา แขมร์ฮุนเซน เจ้าเล่ห์ได้ยื่นเรื่องให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 ว่าครอบคลุมไปถึงพื้นที่โดยรอบ ซึ่งก็คือ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั่นแหละ พร้อมกับให้คุ้มครองฉุกเฉิน ให้ทั้งสองฝ่ายถอนทหารออกมา ซึ่งมันก็มีแต่ “เสมอตัวกับกำไร” เมื่อเป็นแบบนี้มันก็ทำให้ไทย “เสียเปรียบ” เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทยโดยชอบมาแต่เดิมอยู่แล้ว แล้วทีนี้ นายกฯไทยดัน (เจือก) ไปยอมรับโดย “ไม่ยืนยัน” ว่าพื้นที่ดังกล่าวว่าเป็นของเรา และให้ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก มันก็ “ฉิบหาย” ซีพี่น้อง
00 คำแก้ตัวผ่านเฟสบุ๊กในวันรุ่งขึ้น อ้อมแอ้มว่าพื้นที่ 4.6 เป็นของไทยก็จริง แต่มันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น และพลาดไปแล้ว เพราะยังยอมรับอำนาจของศาลโลกให้มาชี้ขาดอธิปไตยเหนือดินแดนดังกล่าว ซึ่งไม่มีผู้นำที่ไหนเขาโง่แบบนี้ เวรกรรมประเทศไทย ทุด !!
00 ได้เห็นภาพ ฮุนเซน สวมกอด ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีความผิด หนีหมายจับหลายคดีเยี่ยงผู้นำประเทศ มองอีกมุมหนึ่งมันก็อดสมเพชเวทนา และชวนสะอิดสะเอียน กับความ “ด้อยพัฒนา” ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งมันเหมือนกับว่าเป็นการ “ตบหน้า” ศาลไทยอย่างน่ารังเกียจที่สุด สังเกตหรือไม่ว่าที่ผ่านมาประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เยอรมัน ญี่ปุ่น หรือแม้แต่มอนเตเนโกร ที่ให้สัญชาติ แต่ก็ไม่เคยเสียมารยาทต้อนรับขับสู้เยี่ยงนี้มาก่อน
00 ไม่ว่าจะอธิบายแก้ตัวกันอย่างไรว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ด้านน้ำมันในอ่าวไทย ก็ว่ากันไป แต่รับรองว่าคนไทยในยุคนี้ไม่ได้โง่ ที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ ยิ่งลักษณ์ กลับจากเขมรถึงไทยเพียง 1 วัน ซีอีโอเชฟรอน ยักษ์ใหญ่น้ำมันของสหรัฐฯก็เข้าพบมอบของขวัญถึงทำเนียบฯ อย่างนี้ก็คือคำตอบ ไม่ต้องแก้ตัวให้เสียน้ำลาย
00 ทุเรศสุดจะบรรยายก็คือ ความเคลื่อนไหวของบรรดาส.ส. หัวโจกเสื้อแดง รวมไปถึงประธานสภาผู้แทน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ที่นำทีมกันตบเท้าเข้าไปประจบประแจง ทักษิณ และไป “เยี่ยมคารวะ” หลังรับตำแหน่งต่อ ฮุนเซน ถึงพนมเปญ อัปยศสิ้นดี !!
00 ถือว่า “ย้อนศร” ได้เจ็บแสบพอสมควรกับกำหนดการเตะฟุตบอลของ ส.ส.ปชป. ที่นำโดย กรณ์ จาติกวณิช กับเหล่าดาราในวันที่ 24 ก.ย. หารายได้ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม วันดังกล่าวตรงกับวันที่ส.ส.เพื่อไทย-หัวโจกแดง เตะบอลประจบ ทักษิณ-ฮุนเซน พอดีเสียด้วย ก็ว่ากันไป