นายกฯ ปล่อยขบวนคาราวานช่วยน้ำท่วม 23 คันรถบรรทุก ยันเงินบริจาค 363 ล้านถึงมือชาวบ้านแน่ พร้อมตั้ง กก.อนุมัติเงินช่วย ก่อนลงพื้นที่เมืองนนท์ คาด 2-3 วันน้ำเพิ่มสูงขึ้น สั่งผู้ว่าทำแนวกั้น เร่งปล่อยน้ำลงทะเลช่วงน้ำลด พร้อมทอดไข่เจียว ทอดปีกบนไก่โชว์ เจ้าคณะจังหวัดมอบพระพุทธชินราชที่ระลึก
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนคาราวาน “รวมพลังไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” ร่วมกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางกฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ น.ส.เขมนิจ จามิกรณ์ หรือแพนเค้ก นักแสดงร่วมด้วย โดยขบวนคาราวานนี้มีรถบรรทุกสิ่งของจำนวนทั้งสิ้น 23 คัน ประกอบด้วย เรือท้องแบน 30 ลำที่จะส่งไปยังจ.อ่างทอง 10 ลำ จ.พระนครศรีอยุธยา 10 ลำ จ.อุทัยธานี 10 ลำ เรือพายจำนวน 210 ลำ ส่งไปยัง จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.อุทัยธานี จังหวัดละ 70 ลำ อีกทั้งยังมีถุงยังชีพจำนวน 8,000 ถุง ซึ่งจะส่งไป จ.อุดรธานี 4,000 ถุง จ.พระนครศรีอยุธยา 3,000 ถุง และ จ.อ่างทอง 1,000 ถุง สุขาเคลื่อนที่ 16 หลัง ส่งไปจ.พระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ยังได้เตรียมรถบรรทุกน้ำของการประปาจำนวน 2 คัน รถปฏิบัติการฉุกเฉิน (ERT) จำนวน 1 คัน รถกู้ชีพกู้ภัย 2 คัน รวมถึงกล่องส้วมฉุกเฉิน 94 กล่องด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวก่อนปล่อยขบวนคาราวานว่า เงินที่ได้รับบริจาคจากพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนที่ระดมทุนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมจำนวน 363 ล้านบาทนั้น ยืนยันว่าจะถึงมือผู้ประสบอุทกภัยอย่างแน่นอน ซึ่งมีทั้งหมด 55 จังหวัดทั่วประเทศที่ได้รับความเสียหาย และล่าสุดยังมี 26 จังหวัดที่ยังประสบอุทกภัยเข้าขั้นวิกฤติ ซึ่งต้องเยียวยาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ รัฐบาลได้เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เกษตรกรรมพื้นที่ปลูกข้าว ข้าวโพด รวมถึงบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายด้วย โดยได้เร่งรัดให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทย ให้ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกจังหวัด ทั้งนี้จะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อดูแลรับผิดชอบในการอนุมัติเงินเพื่อนำเงินไปถึงมือพี่น้องประชาชนอย่างเป็นธรรมด้วย
จากนั้นได้มีตัวแทนจากบริษัท ไทยแมททอล เซ็นเตอร์ ซัพพลาย กิจการในเครือเจ๊พร และบริษัท เคอ๊อฟฟิตเซ็นเตอร์ เดินทางมามอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั้งหมด 3 แสนบาทให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วย
ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะได้เดินทางถึงยังเทศบาลปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อพบปะและตรวจเยี่ยมประชาชนริมน้ำเจ้าพระยาพร้อมมอบถุงยังชีพ โดยมี พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. และนายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยประชาชนจำนวนกว่า 50 คน ให้การต้อนรับ
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อีก 2-3 วันข้างหน้านี้ น้ำจะเพิ่มขึ้นสูงมาก เราจึงต้องปั่นกระแสน้ำเพื่อเร่งนำน้ำออก ซึ่งตนเป็นห่วงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และพื้นที่โดยรอบที่เป็นแหล่งรับน้ำเหนือ จึงสั่งการให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดทำเขื่อนหรือแนวกั้นน้ำ เพื่อเตรียมป้องกันน้ำเหนือไว้ จะเร่งแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องน้ำนั้นเป็นแผนระยะยาวที่ต้องมาหารือกันต่อไป ย้ำว่าจะป้องกันให้มากที่สุดเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมคณะได้ลงเรือไปยังเกาะเกร็ด เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนประชาชน และแจกถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัย ก่อนที่จะออกเดินทางโดยเรือเพื่อตรวจสถานการณ์น้ำและแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาในฝั่งตะวันตกไปตามจุดต่างๆ ในจังหวัดนนทบุรีที่ประสบภัยน้ำท่วม ได้แก่วัดฉิมพลี เกาะเกร็ด และเดินทางไปยังมัสยิดท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด เพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่พี่น้องชาวมุสลิม
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เดินทางมาให้กำลังใจประชาชนและห่วงสถานการณ์น้ำท่วม อย่างไรก็ตามระดับน้ำทะเลจะลดลงใน 1-2 วันนี้ เราจะเร่งกระแสน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันน้ำไม่ให้ท่วมในพื้นที่นนทบุรีและปทุมธานี ซึ่งรัฐบาลเป็นห่วงพี่น้องมุสลิมและยืนยันว่าจะเดินหน้านโยบายที่เกี่ยวกับชาวมุสลิมต่อไป โดยเฉพาะการเพิ่มโควต้าเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของชาวมุสลิม ซึ่งตนกำลังเจรจาในเรื่องนี้อยู่ ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอกับจำนวนพี่น้องชาวมุสลิม รวมถึงเรื่องของนโยบายอาหารฮาลาล ตนจะผลักดันไปสู่ครัวโลกด้วย
ในเวลาต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางถึงยังวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร อ.เมืองนนทบุรี เพื่อมอบถุงยังชีพแก่พี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยนายกรัฐมนตรีได้ขึ้นไปบนรถประกอบอาหารเคลื่อนที่ของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้ลงทอดไข่เจียวและทอดน่องไก่ปีกบน เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชน จากนั้นได้แวะไปกราบนมัสการพระธรรมกิตติมุนี (สายฐานมังคโล) เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี โดยพระธรรมกิตติมุนีได้มอบพระพุทธชินราชบูชา จากนั้นได้เดินทางไปสักการะพระบรมรูปพระพุทธเลิศล้านภาลัย พร้อมไปเปิดรถกรองน้ำดื่มเคลื่อนที่ของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชน
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปที่ท่าน้ำนนท์ เพื่อมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ก่อนออกเดินทางล่องเรือตรวจสภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยแวะสำรวจระดับน้ำที่ท่าน้ำศิริราช ก่อนที่จะไปขึ้นท่าเทียบเรือหอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพมหานคร