รก.เลขาฯ ปปง.เผยโครงการปราบยาเสพติดคู่ปราบฟอกเงิน หวังนำร่องยึดทรัพย์ หวังอุดช่องว่างสาวไม่ถึงคนชักใย จ่อตั้งกรรมการธุรกรรมใช้อายัดทรัพย์สิน
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงการสัมมนาและบรรยายเรื่อง “นโยบายและแนวทางในการบูรณาการการปฏิบัติตามกฎหมายฟอกเงิน” ว่า การสัมมนาในครั้งนี้ได้เชิญตำรวจภูธรภาค 1 ได้มาร่วมกันบูรณาการในโครงการปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับการนำเอามาตรการปราบปรามการฟอกเงินมาใช้ในการปราบปรามยาเสพติด โดยมีข้าราชการตำรวจภูธรภาค 1 มาร่วมประชุม 300 นาย
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า โครงการนี้เป็นการนำร่องเป็นโครงการแรกจะเน้นในเรื่องการยึดทรัพย์ เพราะเนื่องจากมาตราตามกฎหมายยาเสพติดผูกติดการกฎหมายคดีอาญา ส่วนมาตรการฟอกเงินจะไม่ไปยึดติดกับกฎหมายอาญา แต่จะนำแนวทางต่างๆ ของกฎหมายการฟอกเงินมายึดทรัพย์ สำหรับโครงการนี้จะเป็นโครงการนำร่อง และต่อไปจะเชิญตำรวจทุกกองบัญชาการ และกองบังคับการมาร่วมในการประชุมครั้งที่จะมีขึ้นในเดือนนี้ 2-3 ครั้ง และเดือนต่อไป
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญคือการนำเอามาตรการการฟอกเงินมาใช้โดยกำหนดไว้นโยบายของรัฐบาล ทาง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้ ปปง.ผลักดันในเรื่องการฟอกเงินมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เพราะจะเป็นมาตรการแก้ไขหรืออุดช่องว่างในกรณีที่เอากฎหมายหรือเรื่องป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามกฎหมายยาเสพติดมาใช้ และบางที่จุดหนึ่งอาจไปไม่ถึงกลุ่มนายทุน หรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังยาเสพติด แต่มาตรการปราบปรามการฟอกเงินสามารถนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางสำนักงาน ปปง.มีความพร้อม อีกไม่กี่สัปดาห์จะมีการประชุมคณะกรรมการ ปปง.เพื่อตั้งคณะกรรมการธุรกรรมอีกหนึ่งท่าน ถ้าตั้งคณะกรรมการครบถ้วนแล้ว จะสามารถนำมาตรการยึดทรัพย์มาใช้ได้อย่างจริงจัง เพราะคณะกรรมการธุรกรรมจะทำหน้าที่ยึดอายัดทรัพย์สิน
“สถานการณ์การฟอกเงินในขณะนี้ ทางสำนักงาน ปปง.ยังไม่ได้นำเอามาตรการยึดทรัพย์ได้อย่างเต็มที่ แต่ทางสำนักงาน ปปง.ก็เตรียมความพร้อมในเรื่องของการฟอกเงิน แต่ตอนนี้ยังมีการขยายตัวอย่างมุมกว้าง เพราะเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเราไม่มีคณะกรรมการธุรกรรม เราจึงไม่สามารถเอามาตรการยึดทรัพย์มาใช้ได้อย่างเต็มที่ เพราะเขายังสามารถใช้สถาบันการเงินเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดและเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถจะไปเปิดบัญชี และหลอกประชาชนให้โอนเงิน ก็แสดงว่ายังมีการแพร่ระบาดและยังมีการเกิดขึ้นอยู่ ตอนนี้ยังมีความรุนแรงในระดับหนึ่ง” พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า การนำกฎหมายใหม่มาใช้ หรือกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 3 ในเรื่องของการรายงานธุรกรรม การจัดให้ลูกค้าแสดงตน และกลุ่มให้ลูกค้าประกอบ 9 อาชีพนั้นแสดงธุรกรรม แต่ขณะนี้มีคดีการฟอกเงิน 140 กว่าคดีเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการธุรกรรมมีทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการธุรกรรมแล้ว ขณะนี้ได้ประสานงานกับประธานกรรมการหรือรองประธาน เพื่อขอวาระในการจัดประชุมคณะกรรมการ ปปง.แต่งตั้งคณะกรรมการธุรการต่อไป
ทั้งนี้ ตามกำหนดการเดิม ร.ต.อ.เฉลิมมาเป็นประธานในการเปิดงาน แต่ปรากฏว่า ร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้เดินทางมาตามกำหนดการ โดยทีมงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แจ้งว่า ร.ต.อ.เฉลิมติดประชุมอยู่ที่รัฐสภาเพื่อไปตอบกระทู้ของฝ่ายค้านจึงไม่สามารถเดินทางมาได้
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงการสัมมนาและบรรยายเรื่อง “นโยบายและแนวทางในการบูรณาการการปฏิบัติตามกฎหมายฟอกเงิน” ว่า การสัมมนาในครั้งนี้ได้เชิญตำรวจภูธรภาค 1 ได้มาร่วมกันบูรณาการในโครงการปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับการนำเอามาตรการปราบปรามการฟอกเงินมาใช้ในการปราบปรามยาเสพติด โดยมีข้าราชการตำรวจภูธรภาค 1 มาร่วมประชุม 300 นาย
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า โครงการนี้เป็นการนำร่องเป็นโครงการแรกจะเน้นในเรื่องการยึดทรัพย์ เพราะเนื่องจากมาตราตามกฎหมายยาเสพติดผูกติดการกฎหมายคดีอาญา ส่วนมาตรการฟอกเงินจะไม่ไปยึดติดกับกฎหมายอาญา แต่จะนำแนวทางต่างๆ ของกฎหมายการฟอกเงินมายึดทรัพย์ สำหรับโครงการนี้จะเป็นโครงการนำร่อง และต่อไปจะเชิญตำรวจทุกกองบัญชาการ และกองบังคับการมาร่วมในการประชุมครั้งที่จะมีขึ้นในเดือนนี้ 2-3 ครั้ง และเดือนต่อไป
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญคือการนำเอามาตรการการฟอกเงินมาใช้โดยกำหนดไว้นโยบายของรัฐบาล ทาง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้ ปปง.ผลักดันในเรื่องการฟอกเงินมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เพราะจะเป็นมาตรการแก้ไขหรืออุดช่องว่างในกรณีที่เอากฎหมายหรือเรื่องป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามกฎหมายยาเสพติดมาใช้ และบางที่จุดหนึ่งอาจไปไม่ถึงกลุ่มนายทุน หรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังยาเสพติด แต่มาตรการปราบปรามการฟอกเงินสามารถนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางสำนักงาน ปปง.มีความพร้อม อีกไม่กี่สัปดาห์จะมีการประชุมคณะกรรมการ ปปง.เพื่อตั้งคณะกรรมการธุรกรรมอีกหนึ่งท่าน ถ้าตั้งคณะกรรมการครบถ้วนแล้ว จะสามารถนำมาตรการยึดทรัพย์มาใช้ได้อย่างจริงจัง เพราะคณะกรรมการธุรกรรมจะทำหน้าที่ยึดอายัดทรัพย์สิน
“สถานการณ์การฟอกเงินในขณะนี้ ทางสำนักงาน ปปง.ยังไม่ได้นำเอามาตรการยึดทรัพย์ได้อย่างเต็มที่ แต่ทางสำนักงาน ปปง.ก็เตรียมความพร้อมในเรื่องของการฟอกเงิน แต่ตอนนี้ยังมีการขยายตัวอย่างมุมกว้าง เพราะเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเราไม่มีคณะกรรมการธุรกรรม เราจึงไม่สามารถเอามาตรการยึดทรัพย์มาใช้ได้อย่างเต็มที่ เพราะเขายังสามารถใช้สถาบันการเงินเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดและเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถจะไปเปิดบัญชี และหลอกประชาชนให้โอนเงิน ก็แสดงว่ายังมีการแพร่ระบาดและยังมีการเกิดขึ้นอยู่ ตอนนี้ยังมีความรุนแรงในระดับหนึ่ง” พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า การนำกฎหมายใหม่มาใช้ หรือกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 3 ในเรื่องของการรายงานธุรกรรม การจัดให้ลูกค้าแสดงตน และกลุ่มให้ลูกค้าประกอบ 9 อาชีพนั้นแสดงธุรกรรม แต่ขณะนี้มีคดีการฟอกเงิน 140 กว่าคดีเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการธุรกรรมมีทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการธุรกรรมแล้ว ขณะนี้ได้ประสานงานกับประธานกรรมการหรือรองประธาน เพื่อขอวาระในการจัดประชุมคณะกรรมการ ปปง.แต่งตั้งคณะกรรมการธุรการต่อไป
ทั้งนี้ ตามกำหนดการเดิม ร.ต.อ.เฉลิมมาเป็นประธานในการเปิดงาน แต่ปรากฏว่า ร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้เดินทางมาตามกำหนดการ โดยทีมงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แจ้งว่า ร.ต.อ.เฉลิมติดประชุมอยู่ที่รัฐสภาเพื่อไปตอบกระทู้ของฝ่ายค้านจึงไม่สามารถเดินทางมาได้
