xs
xsm
sm
md
lg

ไทย-อิเหนาสัญญาส่งเสริม ปชต. ยึดธรรมาภิบาลบริหารบ้านเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังกรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ นับเป็นประเทศที่ 2 หลังเดินทางเยือนบรูไน หลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“ยิ่งลักษณ์” เยือน “อิเหนา” แนะนำตัวนายกฯไทยอย่างเป็นทางการ ชื่นชมบทบาทอินโดนีเซียฐานะประธานอาเซียน ระบุไทยพร้อมให้ความร่วมมือในทุกด้าน ต่างยึดมั่นในค่านิยมส่งเสริมประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ธรรมาภิบาล และนิติรัฐ

วันนี้ (12 ก.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะประกอบด้วยบุคคลสำคัญ อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยาน Halim Perdanakusuma กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพื่อเยือนอย่างเป็นทางการพร้อมแนะนำตัวหลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย โดยมี ดร.ซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ประธานาธิบดีของอินโดนีเซียรอให้การต้อนรับที่ทำเนียบประธานาธิบดี (Istana Merdeka) พร้อมเดินตรวจแถวทหารกองเกียรติยศและทักทายบุคคลสำคัญของอินโดนีเซีย

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีได้หารือข้อราชการร่วมกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย จากนั้นมีการหารือเต็มคณะ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้เยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ และขอขอบคุณสำหรับการต้อนรับอันอบอุ่นในฐานะมิตรประเทศสมาชิกอาเซียน ที่มีความสัมพันธ์และความร่วมมืออย่างใกล้ชิด

ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หยิบยกประเด็นความสัมพันธ์และความร่วมมือขึ้นหารือ โดยทั้งสองฝ่ายพอใจพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินโดนีเซียที่มีความใกล้ชิดและมีพลวัตรในทุกด้านและทุกระดับ

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงนโยบายและเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยที่จะส่งเสริมและเพิ่มพูนความร่วมมือกับอินโดนีเซีย เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนของประเทศ

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีในด้านต่างๆ ระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ซึ่งเห็นว่าไทยและอินโดนีเซียต่างยึดมั่นในค่านิยมและหลักการที่คล้ายคลึงกันในอันที่จะส่งเสริมประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ธรรมาภิบาล และนิติรัฐ

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีอินโดนีเซียต่างพอใจพอใจในความร่วมมือทางเศรษฐกิจของสองประเทศ ที่เพิ่มพูนขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังคงมีลู่ทางที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมฮาลาล พลังงาน และประมง โดยใช้จุดแข็งของกันและกันส่งเสริมความร่วมมือต่อกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประธานาธิบดีอินโดนีเซียว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนความร่วมมือกับอินโดนีเซีย บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน และสนับสนุนให้บริษัทเอกชนของไทย ดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซีย ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility - CSR) ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องช่วยผลักดันให้มีการลงนามในความตกลงทางการค้าระหว่างกันได้ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ไทยประสงค์ที่ขยายความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งไทยเองมีจุดแข็งด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาล และประสงค์ที่จะส่งสินค้าอาหารไทยที่มีตราฮาลาล ออกไปยังอินโดนีเซียให้มากขึ้น เนื่องจากอินโดนีเซียมีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามจำนวนมาก ทำให้ตลาดสินค้าฮาลาลในอินโดนีเซียมีขนาดใหญ่

สำหรับความร่วมมือด้านการประมง อินโดนีเซียมีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งประมงนอกน่านน้ำที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของไทย และไทยมีนโยบายที่จะร่วมมือกับอินโดนีเซียในเรื่องการประมง บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ

ส่วนด้านพลังงาน นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีต่างให้ความสำคัญต่อการพัฒนาพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะการผลิตไบโอดีเซล และประสงค์ที่จะให้มีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ เทคโนโลยีรวมถึงงานวิจัย ระหว่างสองประเทศให้มากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณที่รัฐบาลอินโดนีเซียให้การสนับสนุนบริษัทของไทยเป็นอย่างดี พร้อมย้ำว่า บริษัทเอกชนของไทยต่างดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซีย โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นหลัก

นอกจากนี้ ในประเด็นความสัมพันธ์พหุภาคี นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมบทบาทนำของอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ในการผลักดันบทบาทอาเซียนให้โดดเด่น ทั้งในภูมิภาคและเวทีระหว่างประเทศ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันเจตนารมณ์ทางการเมืองและความมุ่งมั่นของไทยในการสนับสนุนการดำเนินการของอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 19 ซึ่งอินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพที่บาหลี ในเดือนพฤศจิกายนศกนี้จะประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนที่มีบทบาทสนับสนุนการแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา และยืนยันว่าไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว อีกทั้งขอบคุณประธานาธิบดีต่อการสนับสนุนและความเข้าใจนโยบายของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ตลอดจนความร่วมมือในกรอบองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organization of Islamic Cooperation - OIC)

จากนั้นเวลา 11.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ และดร.ซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ได้แถลงข่าวร่วมกัน ณ ทำเนียบประธานาธิบดี ภายหลังการหารือข้อราชการเต็มคณะ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีที่ได้เยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียได้กรุณาให้เกียรติต้อนรับอย่างดียิ่งและอบอุ่น ในฐานะมิตรประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีความสัมพันธ์และความร่วมมืออย่างใกล้ชิด

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเยือนอินโดนีเซียในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง การหารือกับประธานาธิบดีมีสาระครอบคลุมทั้งในระดับทวิภาคี ภูมิภาค และพหุภาคี โดยนายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้ แสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสำหรับความสำเร็จด้านนโยบายการปฏิรูปประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของอินโดนีเซีย ซึ่งมีความก้าวหน้าภายใต้การนำดร. ซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน

นอกจากนี้ ในระดับทวิภาคี นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีอินโดนีเซียต่างพอใจพัฒนาด้านความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินโดนีเซียที่มีความใกล้ชิดและมีพลวัตรในทุกด้านและทุกระดับ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงนโยบายและเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยที่จะส่งเสริมและเพิ่มพูนความร่วมมือกับอินโดนีเซีย เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศทั้งสอง

นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีในด้านต่างๆ ระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ซึ่งมีความคืบหน้า นอกจากนี้ ทั้งไทยและอินโดนีเซียต่างยึดมั่นในค่านิยมและหลักการที่คล้ายคลึงกันในอันที่จะส่งเสริมประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ธรรมาภิบาล และนิติรัฐ

นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีพอใจที่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพิ่มพูนขึ้นระหว่างสองประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งต่างฝ่ายต่างเป็นคู่ค้าที่สำคัญของกันและกัน ในปี 2553 มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับอินโดนีเซียมีมูลค่าประมาณ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องว่ายังคงมีลู่ทางที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมฮาลาล พลังงาน และประมง โดยใช้จุดแข็งของกันและกันส่งเสริมความร่วมมือ ปัจจุบัน มีภาคเอกชนไทยจำนวนมากที่ลงทุนและดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซีย โดยเฉพาะด้านพลังงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำกับประธานาธิบดีว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนความร่วมมือกับอินโดนีเซียบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน และสนับสนุนให้บริษัทเหล่านี้ของไทยดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซียด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility - CSR) นอกจากนี้ เรายังหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถลงนามในความตกลงทางการค้าระหว่างกันได้ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น

ในระดับภูมิภาค นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมบทบาทนำของอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ในการผลักดันบทบาทอาเซียนให้โดดเด่น ทั้งในภูมิภาคและเวทีระหว่างประเทศ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี ค.ศ. 2015 พร้อมทั้งยืนยันเจตนารมณ์ทางการเมืองและความมุ่งมั่นของไทยในการสนับสนุนการดำเนินการของอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนอย่างเต็มที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 19 ซึ่งอินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพที่บาหลี ในเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ จะประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง

ในฐานะประเทศมุสลิมสายกลางที่มีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในโลก อินโดนีเซียเป็นพันธมิตรและตัวเชื่อมสำคัญระหว่างไทยกับประเทศมุสลิมอื่นๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ถือโอกาสนี้ขอบคุณประธานาธิบดีอินโดนีเซียต่อการสนับสนุนและความเข้าใจนโยบายของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้รวมทั้งการให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ตลอดจนความร่วมมือในกรอบองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organization of Islamic Cooperation - OIC)

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา สานต่อผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีในการเยือนครั้งนี้ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม อันจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศและประชาชนของเราทั้งสองต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น