“สุริยะใส” ชี้ “ยิ่งลักษณ์” ควง “น้องไปป์” ออกงานบ่อยๆ หวังใช้เป็นเกราะป้องกันตัวเอง เพื่อเลี่ยงคำถามหนักๆ ของนักข่าว เตือนอันตราย เป็นการทำลายลูกทางอ้อม พร้อมมองว่าคราวนี้ “ทักษิณ” ต้องรบกับตุลาการภิวัฒน์ ซึ่งถ้าสำเร็จประเทศจบ ด้าน “มาลีรัตน์” แนะแม่ยก ปชป.เลิกโกรธเกลียดพันธมิตรฯ เหตุวันหนึ่งอาจต้องสู้ร่วมกันอีก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนเคาะข่าว”
วันที่ 26 ส.ค. เมื่อเวลา 20.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนางมาลีรัตน์ แก้วก่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ดำเนินรายการโดยนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
ผู้ดำเนินรายการเปิดประเด็นถามว่า กรณีที่ประชาธิปัตย์ยื่นยุบพรรคเพื่อไทย จากการที่ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ คิดว่า กกต.จะกล้าทำเรื่องนี้หรือไม่ นางมาลีรัตน์กล่าวว่า ไม่กล้า แค่รับเรื่องไม่รู้จะรับหรือเปล่า ไม่ได้หมิ่นศาล แต่วิจารณ์เชิงวิชาการ ยกตัวอย่างคดีภาษีคุณหญิงพจมาน ศาลชั้นต้นบอกว่าเนื่องจากเป็นบุคคลในระดับสูงกลับไม่มีสำนึก ละเลยการเสียภาษี แต่พออุทธรณ์ศาลบอกว่าเนื่องจากเป็นบุคคลระดับสูง บริจาคให้มูลนิธิไทยคมจำนวนมาก เพื่อช่วยในด้านการศึกษา อย่างนี้เราก็เห็นแนวโน้มแล้วว่าเป็นอย่างไร
นายสุริยะใสกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณถ้าจะรบคราวนี้ต้องรบกับตุลาการภิวัฒน์ นี่เป็นด่านเดียว และความหวังเดียวที่เราเหลืออยู่ ถ้าเขาแซะตุลาการภิวัฒน์ให้อ่อนแอ หรือล้มลงได้ ตนว่าประเทศนี้จบ นางมาลีรัตน์กล่าวเสริมว่า แต่ตนยังเชื่อมั่นว่าประเทศนี้ไม่มีทางจน อาจทรุดได้ในบางช่วงแต่สุดท้ายก็จะมีอะไรมากู้วิกฤตได้ กระบวนการมันจะเดินไปของมันเอง อาจจะเป็นประชาชนเองก็ได้ที่ลุกขึ้นมา เมื่อทนไม่ได้กับการที่อันธพาลครองเมือง
นายสุริยะใสกล่าวว่า สิ่งที่เป็นสัญญาณที่ฉุดสภาให้แย่ลงจาก 2 ปีที่แล้ว ก็คือตอนที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ลุกขึ้นแนะนำตัวในสภาว่าเป็นเสื้อแดง ทั้งๆ ที่ต้องเป็นผู้แทนของคนไทยทุกคน คิดแบบนี้ไม่แม้แต่จะคู่ควรสมัครรับเลือกตั้ง
ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ทุกวันนี้แม่ยกประชาธิปัตย์ ยังคงไม่หายโกรธพันธมิตรฯ จากการที่โหวตโน และยังมีการเขียนจดหมายมาด่าอยู่ตลอด นางมาลีรัตน์กล่าวว่า ตนเห็นว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เดือดร้อนเลย พวกแม่ยกรู้สึกโกรธแค้นเกินเหตุ เตือนๆไว้วันหนึ่งเราอาจได้สู้ร่วมกัน หรือแยกทางกันไปก็ไม่ว่ากัน
นายสุริยะใสกล่าวเสริมว่า เราต้องมองยาวๆ ถ้ามองแค่ผลเลือกตั้งก็ทะเลาะกันไม่จบ ประเทศนี้มีการบ้านให้ต้องช่วยกันทำอีกเยอะ สำคัญที่สุดไม่มีรัฐบาลไหนโกงแล้วอยู่ได้นาน ถ้าเพื่อไทยคิดว่าชนะแล้วคิดผิด การชนะเลือกตั้งต้องมองว่ามาเพื่อไถ่บาป ที่เคยบริหารทำบ้านเมืองแตกแยก
หน้าที่ของพวกเราที่ควรทำคือ ต้องติดตามข่าวสาร หลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง มันพอแล้วกับการไปชี้หน้าด่ากัน ต้องให้โอกาสรัฐบาลบริหารประเทศไป ส่วนเรื่องพลังงานในอ่าวไทยตนเห็นว่าทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่เคลียร์ เหมือนซูเอี๋ยกัน สมคบคิดกันหรือเปล่า สมคบคิดกันเรื่องเงิน แล้วแกล้งทำทะเลาะกันเรื่องเจ้า คนแบบนี้น่ากลัว
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า จุดที่จะแตกกันของเสื้อแดงกับเพื่อไทยก็คือประเด็นแก้มาตรา 112 รวมทั้งเรื่องศาล ที่คุณหญิงอ้อรอด แต่แกนนำตามต่างจังหวัดประกันตัวไม่ได้ คำถามจะเกิดขึ้นมา สุดท้ายคนที่ลาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ลงมาอาจไม่ใช่เสื้อเหลือง แต่อาจเป็นพวกเดียวกันเอง
พูดตรงๆ ตนสงสาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณเอาน้องตัวเองมาทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะเขาเหมาะกับการเป็นประธานตัดริบบิ้นมากกว่า อีกมุมหนึ่งการใช้ลูกชายออกงานบ่อยๆ ตนมองว่าเพื่อเป็นเกราะกำบังตัวเอง หวังช่วยลดความตึงเครียด ลดอุณหภูมิทางการเมือง เลี่ยงคำถามหนักๆของนักข่าว ลดความเกลียดชัง แต่ว่าลูกจะอันตราย นี่คือการทำลายลูกทางอ้อม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้เลยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีลูก แล้วเวลาเจอนักข่าวก็จะเห็นได้ว่าน้องจะเกร็ง เด็กไม่สนุกหรอกที่ต้องเจออะไรแบบนี้
นางมาลีรัตน์กล่าวเสริมว่า มีคนพูดไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า น้องไปป์บอกว่าถ้าแม่ไม่ได้เป็นนายกฯ ไปป์ก็คงไม่ได้ไปไหนกับแม่