รมว.กลาโหม รับปาก ผบ.เหล่าทัพ ไม่ล้วงโผทหาร ลั่นไม่มีแผนโยกย้ายนอกฤดูกาล เชื่อ การแอบอ้างสถาบันไปอ้างอิงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองคลี่คลายแล้ว จ่อตั้งนายทหารประสานงาน ผบ.เหล่าทัพ หวังเสริมสร้างความเข้าใจ มอบนโยบายสร้างความสามัคคี ทำใต้สงบ ด้าน ส.ว.สหรัฐฯ เข้าถกแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางทหาร
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.พลางกูร กล้าหาญ ปฏิบัติหน้าที่แทนโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลัง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมพูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ ว่า รมว.กลาดโหม ได้มอบแนวทางปฏิบัติงานในชั้นต้นในฐานะที่มาเข้ารับตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นวันแรก โดยได้รับฟังบรรยายสรุปการต้อนรับในตำแหน่ง รมว.กลาโหม โดยในโอกาสที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ได้มาดำรงตำแหน่งในหน้าที่นี้ ได้กล่าวย้อนหลังถึงที่อดีตที่ได้เคยทำงานในกระทรวงกลาโหมมาเป็นระยะเวลา กว่า 10 ปี ตั้งแต่ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กระทรวงกลาโหม และตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม, ปลัดกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหม รวมทั้งที่ปรึกษารัฐมนตรี ซึ่งการทำงานที่ผ่านมา พล.อ.ยุทธศักดิ์ มีความรู้จัก และเคยร่วมงานกันมาก่อน และการกลับมาครั้งนี้คงจะได้รับร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกฝ่ายเช่นในอดีต
“กระทรวงกลาโหมเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญในด้านความมั่นคงของประเทศ และมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุกหมู่เหล่า สถาบันทหาร และคนไทยทุกหมู่เหล่ามีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งพระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจะมีความเห็นที่แตกต่าง และเกิดความขัดแย้ง แอบอ้างสถาบันไปอ้างอิงเพื่อประโยชน์แก่กลุ่ม แต่ในขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายไปในทางที่ดีไประดับหนึ่ง และทุกคนทุกฝ่ายก็ต้องการให้เกิดความรัก ความสามัคคี ความปรองดอง ซึ่งการที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เข้ามาทำหน้าที่ในวันนี้เพื่อสร้างความสงบสุข สำหรับนโยบายในชั้นต้น คือ นโยบายด้านความมั่นคงตามรัฐธรรมนูญมาตราที่ 77 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยกำหนดให้รัฐจะต้องรักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และจัดให้มีกำลังทหาร เพื่อพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา คือ จะเทิดทูนปกป้องและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันและบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ รวมทั้งน้อมนำพระราชดำริทั้งปวงไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม พร้อมทั้งอัญเชิญไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น” พล.อ.พลางกูร กล่าว
พล.อ.พลางกูร กล่าวว่า ขอให้ทุกส่วนของกระทรวงกลาโหม และกองทัพไทยปฏิบัติการทำงานด้วยความสื่อสัตย์สุจริต มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของกองทัพเพื่อตอบสนองงานด้านความมั่นคง ตอบสนองนโยบายรัฐบาล รวมทั้งการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกรูปแบบ นอกจากนี้ ยังเน้นไปที่การพัฒนาและความร่วมมือด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน กลุ่มอาเซียนและมิตรประเทศ การสร้างความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ น้อมนำแนวทางพระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง และ พัฒนา” การสนับสนุนกิจกรรมเทิดพระเกียรติในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา การสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกองทัพกับคนไทยทุกหมู่เหล่า ดำรงรักษาบทบาทของกองทัพให้มีเกียรติ และศักดิ์ศรีในฐานะสถาบันสำคัญของชาติ ส่วนเรื่องการพิจารณาปรับย้ายกำลังพล ให้ยึดหลักคุณธรรม ความรู้ ความสามารถ ความถูกต้องเป็นธรรม ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการปฏิบัติภารกิจของกระทรวงกลาโหม รวมถึงการกำหนดให้มีนายทหารประสานงานของผู้บัญชาการเหล่าทัพมาประจำที่สำนัก งานรัฐมนตรีเพื่อการทำงานที่ถูกต้องรวดเร็ว ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ จะเดินทางเยี่ยมหน่วยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กองทัพภาคที่ 2 ด้านชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 3 ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังได้มอบหมายให้ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง มาดำรงแหน่งโฆษกกระทรวงกลาโหมต่อ ภายหลังจากที่เคยเป็นโฆษกกระทรวงกลาโหม เมื่อสมัยที่ผ่านมาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม
พ.อ.ธนา ธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากกรณีที่หลายคนมีความเป็นห่วงเรื่องการโยกย้ายนายทหารนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวในระหว่างการประชุมพูดคุยกับผบ.เหล่าทัพ ว่า ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวท่าน ว่า ท่านจะพิจารณาปรับย้ายกำลังพลด้วยความยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ ยืนยันว่า จะไม่มีการโยกย้ายนอกฤดูกาล การโยกย้ายที่ไม่ถูกต้อง จะไม่มีเรื่องเหล่านี้แน่นอน ซึ่งเมื่อผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม คือ ผบ.เหล่าทัพได้รับฟังแล้วคงคลายความกังวลใจ เพราะ รมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำเรื่องความโปร่งใสเป็นพิเศษ ส่วนการตั้งนายทหารประสานงาน เพื่อทำหน้าที่ในการประสานงานพูดคุยกับทางเหล่าทัพก่อนที่จะมีการประชุมสภากลาโหม เพราะบางเรื่องอาจมีความเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้น เมื่อมีการประสานพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อนก็จะทำให้ไม่เกิดปัญหาภาพความขัดแย้งเกิดขึ้น ทั้งนี้ นายทหารที่ประสานกับเหล่าทัพไม่ใช่ล็อบบี้ยีสต์ แต่มีหน้าที่ในการการทำงานระหว่างกระทรวงกลาโหมกับเหล่าทัพมีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ช่วงที่ พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีตผู้บัญชาการทหารบกที่มีบุคลิกเฉียบขาดมาดำรงตำแหน่งช่วงเหตุการณ์ พฤษภาคม 2535 ก็ เคยมีการตั้งคณะประสานงานเช่นนี้มาแล้ว ในส่วนของ รมว.กลาโหม ท่านนี้เข้ามาดำรงตำแหน่งในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงฉับ พลันจึงเห็นว่า การตั้งคณะทหารชุดนี้น่าจะสร้างความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมกับเหล่าทัพ ได้ดียิ่งขึ้น
ในวันเดียวกัน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ให้การต้อนรับ นายเจมส์ เว็บบ์ สมาชิก วุฒิสภาสหรัฐฯ/ ประธานคณะอนุกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ (ด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก) ที่เข้าเยี่ยมคำนับในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13-16 ส.ค.นี้ โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ โดยเฉพาะด้านความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างไทยและสหรัฐฯ รวมทั้งความร่วมมือทางทหาร เช่น การฝึกร่วม/ผสมคอบร้าโกลด์ ที่ได้ดำเนินมาครบปี ที่ 30 การสนับสนุนด้านการแลกเปลี่ยนการฝึกศึกษาในกองทัพภายใต้โครงการ IMET ที่มีส่วนช่วยเพิ่มพูนความรู้ความสามารถของกำลังพล เป็นต้น นอกจากนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังได้กล่าวแสดงความยินดีกับสหรัฐฯ ที่ได้เป็น 1 ใน 8 ประเทศคู่เจรจาการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคเป็นอย่างดี ด้าน นายเจมส์ เว็บบ์ ได้ กล่าวชื่นชมที่รัฐบาลและกองทัพไทยให้การสนับสนุนการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ และช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมภายใต้กรอบสหประชาชาติอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดกองกำลังเข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพในดาฟูร์ และการจัดส่งหมู่เรือปราบโจรสลัดในโซมาเลีย และอ่าวเอเดน ทั้งนี้ รมว.กลาโหม ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านความมั่นคงและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพไทยและสหรัฐฯ ต่อไป