ผ่าประเด็นร้อน
ต้องบอกว่าการแถลงอย่างเป็นทางการหลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของประเทศไทยเมื่อค่ำวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมามองโดยภาพรวมถือว่าใช้ได้ทีเดียว แม้ว่าเป็นการอ่านสคริบต์ แบบติดๆ ขัดๆ บ้างก็ตาม แต่นั่นอาจเป็นเพราะต้องการแก้ปัญหาเรื่องความตื่นเต้นทำให้พูดไม่ออก ซึ่งไม่ใช่ประเด็น เพราะถึงอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการพูดสดๆ หรืออ่านตามเอกสารที่เขียนไว้ล่วงหน้า มันก็ออกมาจากปากของยิ่งลักษณ์ ถือว่าเป็นคำมั่นสัญญากับประชาชนอยู่ดี
ที่สำคัญเหมือนกับการให้สัตย์สาบานต่อเบื้องพระบรมสาทิสลักษณ์ ในพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์จะพูดพล่อยๆไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้าหากนำเอาสาระสำคัญจากคำพูดของยิ่งลักษณ์ ที่ให้สัญญาเอาไว้ล่วงหน้าหลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า จะ “สร้างสุขสลายทุกข์” จะเป็นนายกฯของคนทุกกลุ่ม ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อนำประโยชน์สูงสุดมาสู่ประเทศชาตินั้น ถือว่าเป็นคำพูดที่ฟังดูดีไม่น้อย
อย่างไรก็ดี นับจากนี้เป็นต้นไปก็จะเข้าสู่โหมดพิสูจน์คำพูดของเธอ พรรคเพื่อไทย รวมไปถึงคนในครอบครัวของเธอด้วยว่าจะทุ่มเททำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งก็ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำให้เห็นจริงเท่านั้น
สำหรับด่านแรกที่กำลังรอพิสูจน์อยู่ตรงหน้าก็คือ การฟอร์มรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของ ยิ่งลักษณ์ ว่าจะมีหน้าตาแบบไหน จะดูดี “ไม่มียี้” อย่างที่ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ รวมไปถึงจะมี “หัวโจก” คนเสื้อแดงบางคนที่ก่อนหน้านี้มีพฤติกรรมและคำพูดในเชิงหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ เนื่องจากคำสัญญาของนายกฯคนใหม่ได้กล่าวเอาไว้ระหว่างการแถลงหลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯว่าจะจงรักภักดี เทิดทูนไว้เหนือเกล้าฯหรือไม่
นอกจากนี้ คำสัญญาที่บอกว่าเธอจะนำความสุข ความสามัคคี ปรองดองมาสู่ประเทศชาตินั้นจะทำได้จริงหรือไม่ ที่สำคัญจะมีผู้ต้องหาที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการจลาจลขึ้นในบ้านเมืองจนถูกตั้งข้อหาเป็น “ผู้ก่อการร้าย” เข้ามาร่วมเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลภายใต้การนำของเธอหรือไม่
การคัดเลือกรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่กำลังจะประกาศออกมาในอีกไม่ช้าจะมีมาตรฐานได้รับการยอมรับจากสังคมมากน้อยแค่ไหน และการที่บอกว่าในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะมี “คนนอก” เข้ามาร่วมจำนวน 4 คนนั้น ในคำจำกัดความของคนนอกดังกล่าวนั้นหมายถึงอะไรกันแน่ หมายถึงคนนอกพรรคเพื่อไทย แต่อีกด้านหนึ่งเป็นเสมือนหนึ่งคนใน “ครอบครัวชินวัตร” หรือไม่
เพราะถ้าบอกว่าคนอย่าง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คนอย่าง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่มีข่าวว่าจะนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีตัวใดตัวหนึ่ง รวมไปถึงว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ ว่าจะเป็น สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล คนที่ได้รับการเอ่ยชื่อมาดังกล่าวล้วนเป็นคนที่สังคมให้การรับรู้ไปแล้วคนเหล่านี้เคยรับใช้ใกล้ชิดกับ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่ผลักดันให้ ยิ่งลักษณ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี รวมไปถึง พจมาน ณ ป้อมเพชร ที่มีข่าวว่าเข้ามามีอิทธิพลสำคัญในการคัดเลือกตัวรัฐมนตรีสำคัญหลายคน
ความหมายของ “คนนอก” ดังกล่าวนั้นคืออะไรกันแน่!!
นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะสามารถสลัดให้หลุดพ้นจากคำครหาว่าเป็น “หุ่นเชิด” อยู่ภายใต้การบงการชักใยของพี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร ได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาแม้แต่สโลแกนที่ใช้ในการหาเสียงก็ยังใช้ว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ"
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะต้องพิสูจน์ให้เห็นแบบเฉพาะหน้าไปก่อน เพราะถ้าเปิดเผยรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นมาแล้วได้รับการยอมรับจากสังคม คนทุกวงการมันก็เป็นการง่ายขึ้นสำหรับการปฏิบัติภารกิจในฐานะผู้นำประเทศ และแม้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสรออยู่ข้างหน้า แต่ถ้ามีความตั้งใจจริง มีความซื่อสัตย์สุจริต ทำตามคำมั่นสัญญาให้ได้ รวมทั้งทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว และครอบครัวแล้ว ก็เชื่อว่าเธอจะสามารถฟันฝ่าไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าที่ผ่านมามีแต่การสร้างภาพ หรือทำในสิ่งตรงกันข้ามมันก็ย่อมมีคำตอบล่วงหน้าเอาไว้แล้วเช่นเดียวกันว่าผลจะเป็นอย่างไร
เชื่อว่า นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งนาทีนี้เชื่อว่าชาวบ้านจำนวนมากมีความคาดหวังสูง คงจะสรุปบทเรียนเก่าๆ แล้วนำเอาสิ่งที่ดีนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ตามที่ได้กล่าวให้สัญญาเอาไว้!!
