ว่าที่ หน.ปชป.เตรียมวางกรอบทำงานฝ่ายค้านปลาย ส.ค.นี้ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พรรคพร้อมแต่งตั้งคุณหญิงกัลยา เป็นประธาน ส.ส. ตั้งธงแขวะนโยบาย พท.มั่วนิ่ม หวังดึงเรตติ้งเพียงอย่างเดียว เชื่อก้าวข้ามผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ได้ เหน็บ “ยิ่งลักษณ์” อย่าใช้ความเป็นสตรีขอโอกาสบริหารชาติ
วันนี้ (9 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านว่า พรรคจะมีการจัดสัมมนาปลายเดือน ส.ค.หลังรัฐบาลแถลงนโยบายแล้ว เพื่อสรุปยุทธศาสตร์การทำงานของพรรคทั้งงานการเมืองและงานรัฐสภา โดยขณะนี้แต่งตั้งให้คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นประธาน ส.ส. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นประธานวิปฝ่ายค้าน
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ในส่วนการตั้ง ครม.เงาจะดูตามความจำเป็นของเนื้องาน ซึ่งจะตั้งขึ้นมาหลังรัฐบาลแถลงนโยบาย โดยกรอบการทำงานของครม.เงาจะเข้ามาดำเนินการติดตามนโยบาย และการตรวจสอบปัญหาการใช้อำนาจมิชอบ การทุจริต การช่วยเหลือพวกพ้อง
“น่าเป็นห่วงว่าพรรคเพื่อไทยนำเสนอนโยบายช่วงหาเสียงในลักษณะคาดหวัง ซึ่งการแถลงนโยบายครั้งนี้ฝ่ายค้านจะอภิปรายให้เห็นว่าการนำเสนอนโยบายกับคนหมู่มากโดยไม่เตรียมการ ไม่มีความพร้อมจะทำให้เกิดปัญหา ดังนั้น รัฐบาลต้องให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการตามนโยบายหาเสียงทั้งเรื่องค่าแรง เพิ่มเงินเดือน และนโยบายรับจำนำที่จะต้องมีความชัดเจนในทิศทาง และในการแถลงนโยบายเราจะต้องทราบว่านโยบายที่หาเสียงไว้จะดำเนินการได้เมื่อไร”
อย่างไรก็ตาม ต้องให้โอกาสรัฐบาลและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนใหม่ในการทำงานเพื่อพิสูจน์ก่อน แต่สิ่งที่หนักใจของรัฐบาลนี้คือปัญหาผลประโยชน์ที่มีความทับซ้อนอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งปฏิเสธได้ยาก เมื่อวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์สวมหมวกเป็นรัฐบาลจึงมีหน้าที่จะทำอย่างไรที่จะก้าวข้ามปัญหาทับซ้อนนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงเป็นเพียงการแสดงเจตนาในการเข้ามาทำงาน แต่ในวันแถลงนโยบาย เป็นเรื่องที่ประชาชนคาดหวัง แบละต้องยอมรับว่าวันนี้มีประชาชนที่เขาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย มียังหลายเรื่องที่เริ่มมีการสอบถามแล้ว คงจะต้องมีคำตอบให้ประชาชน ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์จะสามารถชี้แจงต่อสภาฯ ได้หรือไม่ รัฐบาลก็จะต้องรับผิดชอบต่อผู้แทนของประชาชน
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ความท้ายในเรื่องการทำงานให้ก้าวข้ามความเป็นผู้หญิง เพราะไม่ใช่อุปสรรคนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่คิดเรื่องความเป็นผู้ชายผู้หญิง แต่สิ่งที่น่าหนักใจคือเรืองปัญหาของผลประโยชน์ที่ซ้อนกันอยู่ และปฏิเสธได้ยาก ตนเคยพุดเรื่องนี้หลายครั้ง เรื่องความเป็นพี่น้อง แต่เมื่อวันนี้มาสวมหมวก ผู้นำรัฐบาล ตรงนี้คิดว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายและอยากให้นายกคนใหม่ก้าวข้ามไปโดยเร็วที่สุด