ชัยชนะแบบถล่มทลายของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง 3ก.ค.2554 ยังไม่มีใครสามารถชี้ชัด ชี้ขาดลงไปว่า เป็นเพราะปัจจัยใดกันแน่ นโยบายพรรค กระแสยิ่งลักษณ์ กระแสทักษิณ หรือกระแสคนเสื้อแดง ??
ทุกปัจจัยถูกขยำรวมกัน ไม่อาจแจกแจงได้แน่ชัดว่าสิ่งไหนแน่ที่เป็นที่มาแห่งชัยชนะของพรรคเพื่อไทย
ราวกับว่าเป็นโชคชะตาที่ขีดเขียนไว้ สถานการณ์หลายด้านผลักดันให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องพลิกบทบาทจากมืออาชีพด้านธุรกิจ ต้องมานั่งเป็นประมุขฝ่ายบริหารในตำแหน่งทางการเมือง ตามรอยเท้าพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ต้องจบฉากชีวิตการเมืองกลายเป็นนักโทษหนีคดีอาญาไปเมื่อ5ปีที่แล้ว
แน่นอนว่า สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณเคยลงมือบุกเบิกทำไว้เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ “ยิ่งลักษณ์” ก้าวมาถึงจุดนี้ เหมือนสร้างสะพานไว้ให้ยิ่งลักษณ์สืบเท้าเข้ามาสานต่อ แม้สะพานอันนั้นจะชำรุด ถูกกระแทกกระทั้นกัดกร่อนไปบ้างตามกาลเวลา แต่ก็ได้คนรุ่นใหม่ ทีมงานรุ่นหลังมาช่วยกันซ่อมแซม ปะผุ ให้มาเดินถึงที่หมายได้
ฐานการเมืองที่แข็งแกร่งสมัยพ.ต.ท.ทักษิณยังคงยืนหยัด เหนียวแน่น มาจนวันนี้ และได้แปรรูปแบบไปจนเข้มข้นกลายเป็นจุดกำเนิดคนเสื้อแดง ที่ยิ่งนับวันยิ่งขยายใหญ่ ยิ่งนับวันยิ่งเติบโต แตกสาย แตกอุดมการณ์ จนยากจะควบคุมได้เบ็ดเสร็จ
ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งคือคนเสื้อแดง ที่รับบทเป็นแนวหน้าท้ารบศัตรูทุกขุมกำลังในสมรภูมิสงคราม ไม่ว่าจะเป็นทหารเลว ทหารราบ ขุนพล ตลอดจนเสนาบดี โดยที่พรรคเพื่อไทยเป็นทัพหลวง และทัพหลัง ไม่ต้องออกหน้าเปลืองตัว ไม่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย มีหน้าที่คอยส่งเสบียง ส่งกำลังสนับสนุนเท่านั้น
ช่วงเวลาการต่อสู้ที่ผ่านมา แนวหน้าหลายคนต้องสังเวยชีวิต หลายคนต้องถูกจับเป็นตัวประกัน แต่แลกมาด้วยชัยชนะ
วันนี้ เมื่อแผนเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ทัพหลวงพรรคเพื่อไทยสามารถปักธงในสนามรบ “ตีเมืองขึ้น” ได้ มันย่อมถึงเวลาที่จะต้องปูนบำเหน็จให้เหล่าทหารหาญ แม่ทัพนายกอง
แน่นอนว่า คนเสื้อแดงที่เป็นทัพหน้าย่อมมีสิทธิที่จะเรียกร้องรางวัล ความดีความชอบจากทัพหลวง ที่มี “ยิ่งลักษณ์” เป็น แม่ทัพใหญ่
แต่ทว่า นารีขี่ม้าขาวผู้ชนะศึก ยังไม่อาจควบคุมกลไกภายในของเมืองขึ้น ที่มีฝ่ายอำมาตย์ฝังตัวไว้ได้ ซ้ำยังดูมีอำนาจพลังที่ด้อยกว่า ด้วยความเป็นแม่ทัพมือใหม่ บารมียังไม่สามารถเทียบชั้นฝ่ายอำมาตย์เดิมที่เกาะกุมอยู่บนอำนาจมายาวนาน
การแต่งตั้งขุนพลผู้ชิตสงคราม เข้าไปมีอำนาจบาตรใหญ่รักษาการในเมืองขึ้น ย่อมเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกโค่นล้ม ยึดอำนาจคืนจากกลุ่มอำมาตย์เดิมที่ยังแข็งแกร่งกว่า เนื่องเพราะคนเสื้อแดงถูกหมายหัวว่าเป็นตัวจักรสำคัญที่ล้มล้างอาณาจักรของตน
ดังนั้น “ยิ่งลักษณ์” ในฐานะแม่ทัพใหญ่ ที่ต้องเอาชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จจาก “เมืองขึ้น” รวมทั้งชาวบ้านใน “เมืองขึ้น” ด้วยกลยุทธ์ทางใจมากกว่ากลยุทธ์ทางกำลัง เหมือนเช่น “ตำนานสามก๊ก” ที่จูกัดเหลียง ขงเบ้งสู้อุตส่าห์รบรากับหัวเมืองทางตอนใต้มณฑลเสฉวน ถึง 7 ครั้ง 7 ครา เพื่อเอาชนะใจเบ้งเฮ้ก ให้ยอมเป็นเมืองขึ้น ไม่รุกรานมณฑลเสฉวนอีก
เอาชนะด้วยใจไม่หักดิบ ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่เชิงเผด็จการ คือคำตอบของชัยชนะที่ยั่งยืน
วันนี้ คนเสื้อแดงยังถูกตั้งคำถามจากสังคม ยังคงมีความเคลือบแคลงระแวงจากหลายฝ่าย ทั้งยังมีความหวาดกลัววิกฤติรอบใหม่หากคนเสื้อแดงผงาดขึ้นมามีอำนาจแบบปัจจุบันทันด่วน อาจมีเกมโค่นล้ม ล้างแค้น นำมาสู่การจลาจลรอบใหม่ ดังนั้นจึงเป็นการบ้านที่ “ยิ่งลักษณ์” จะไปหาสูตรสำเร็จอย่างไร จะไปเจรจากับคนเสื้อแดงอย่างไรให้ลงตัว
ชัยชนะของพรรคเพื่อไทย เงื่อนไขที่สำคัญอีกประการคือเรื่องนโยบายที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นว่าทำได้จริง เพราะเคยทำให้เห็นผลสำเร็จมาแล้ว ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ป้อแป้ ต้วมเตี้ยม ไม่มีนโยบายที่ดึงดูดโดนใจชัดเจน คะแนนจึงไหลมาเทมา
แต่นโยบายต่างๆ ที่ร่างออกมาถูกตั้งสโลแกนว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงขึ้นอยู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ กึ๋นทางด้านความคิดยังต้องพึ่งพาพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ตลอดเวลา เมื่อ “ยิ่งลักษณ์” มาเป็นนายกฯแล้วจะมีภาพที่ยึดติดกับพ.ต.ท.ทักษิณแบบนี้ต่อไปไม่ได้
จะเอาแต่พึ่งพาพี่ชายไม่ได้ ต้องทำให้เห็นความสามารถที่แท้จริง ต้องสร้างความแข็งแกร่ง สร้างบารมีของตัวเอง มิฉะนั้น ย่อมไม่สามารถสลัดหลุดภาพของการเป็นหุ่นเชิด
วันนี้ “ยิ่งลักษณ์” ต้องทำอะไรให้ประชาชนเห็นว่า ตัวเองเป็นนายกฯที่มีอะไรที่มากกว่า กระแสฟีเวอร์ กระแสนายกฯหญิง เสน่ห์ดึงดูดความชื่นชมชั่วคราว เพราะจากนี้ไปจะต้องเจอะเจอบททดสอบที่แข็งแกร่งท้าทายจากสารพัดทิศทาง
ตอนนี้ “ยิ่งลักษณ์” ยังสามารถที่จะเลือกวางบทบาทตัวเองได้อยู่ จะตอบในบางเรื่องหรือไม่ตอบก็ได้ แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่งแล้ว “ยิ่งลักษณ์” จะต้องถูกคาดคั้น ต้องมีคำตอบให้สังคมแทบทุกเรื่อง ด้วยหน้าที่ภายใต้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ความเฉียบคม รวดเร็ว กระจ่างชัด ต้องมีมากกว่านี้
ภาวะผู้นำซึ่งเป็นคุณสมบัติใหญ่หลวงของนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์” ณ วันนี้ ยังไม่มีให้เห็นมากนัก ยังมีปัญหาอุปสรรคอีกมากที่ต้องฟันฝ่า ปัญหาภายนอกก็จ่อรอให้แก้ไข แต่เบื้องต้นที่เกิดแล้วคือปัญหาภายใน ความอหังการของแต่ละกลุ่มมุ้งภายในพรรคเพื่อไทย
ที่จ้องแก่งแย่งตำแหน่ง แย่งอำนาจกัน ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ
เสื้อแดงก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ กลุ่มการเมือง บรรดาส.ส.ก็คิดว่าตัวเองเป็นขุนศึกคนสำคัญ ในขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณยังคอยบงการชี้นิ้วชักใยเรื่องการตั้งรัฐมนตรี นอกจากนั้นยังมีวงศ์วานว่านเครือ เยาวเรศ เยาวภา พายัพ และ พจมาน ที่เสียงดังอำนาจต่อรองสูง ทำให้เรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรียุ่งเหยิงอลหม่านไม่รู้จบ หน้าตาครม.ที่ออกมาหลายฝ่ายส่ายหน้าผิดหวัง เซ็งสุดๆ
หากความวุ่นวายยังคงดำรงอยู่แบบนี้ ภาพลักษณ์มีหวังพังเอาง่ายๆ เลือกตั้งไม่ทันไร ก็มาเล่นแร่แปรธาตุ สนุกสนานกับการยื้อแย่งตำแหน่ง ไม่เห็นหัวชาวบ้าน
วันนี้ เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณเป็นเพียงคนไกล เหมือนคนตาบอดได้ยินแต่เสียง วงศาคณาญาติเป็นเพียงเทรนเนอร์ข้างสนาม
“ยิ่งลักษณ์”ต้องสวมบทโหดทุบโต๊ะเปรี้ยง!! ประกาศดังๆ ให้เครือญาติและคนทั้งประเทศรู้ว่า ตัวเองคือนายกฯตัวจริง จะต้องเป็นผู้แบกความรับผิดชอบไว้บนบ่า การตัดสินใจใดๆ ต้องถาม “ยิ่งลักษณ์”
ความขึงขัง กล้าคิดกล้าทำด้วยตัวเอง จะเสริมภาวะผู้นำ เปลี่ยนดาวเคราะห์ให้เป็นดาวฤกษ์ กล้าก้าวเดินออกมาจากกับดักนอมินีด้วยการทำงานพิสูจน์ให้ประชาชนยอมรับ...