กกต.เดินเครื่องสอย “คุณตู่” คาดไม่นานแล้วเสร็จ เปิดผลสอบ คกก.ไต่สวนเสียงข้างมาก เห็น “จตุพร” พ้นจากสมาชิก พท.แล้ว เหตุต้องคุมขังโดยหมายศาล จึงเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งตาม ม.100(3) อันทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกพรรคเพื่อไทย สิ้นสุดลงตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ก่อนสรุปให้นายทะเบียนพรรคเมืองยื่นฟ้องศาลรธน.วินิจฉัยคุณสมบัติ
วันนี้ (5 ส.ค.) ที่ กกต.หลังจากที่ประชุมใหญ่มีมติเสียงข้างมากประกาศรับรอง นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยแล้ว และได้สั่งให้ด้านกิจการพรรคการเมืองทำการตรวจสอบ ว่า การที่ นายจตุพร ถูกคุมขังโดยหมายศาล ทำให้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 100(3) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยสิ้นสุดลงหรือไม่ ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการจัดทำและบริหารระบบฐานข้อมูลว่าสมาชิกพรรคการเมือง 2552 ข้อ 9(3) ซึ่งมี นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองเป็นประธาน ได้มีการประชุมนัดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยได้มีการกำหนดกรอบในการตรวจสอบ และให้มีการขอรายละเอียดการสอบสวน หลักฐานต่างๆ จากคณะกรรมการไต่สวนที่ได้มีการสอบสวนเรื่องดังกล่าวเมื่อครั้งที่กกต.จะพิจารณาประกาศรับรองผล ไม่ว่าจะเป็นคำให้การของนายจตุพร หรือ คำให้การของเลขาธิการพรรคเพื่อไทย มาพิจารณา ซึ่งได้มีการนัดประชุมครั้งถัดไปกลางสัปดาห์หน้า
“ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะต้องเชิญคุณจตุพร หรือใครมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องรอดูหลักฐานที่มีอยู่ก่อนว่าพอที่จะวินิจฉัยหรือไม่ ซึ่งกฎหมายบอกว่าให้สำนักงานกกต.มีฐานข้อมูลสมาชิกพรรคระบบอิเล็กทรอนิกส์ และให้สันนิษฐานว่า ข้อมูลที่อยู่ในระบบนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้องตามกฎหมาย เว้นแต่พิสูจน์ได้เป็นอย่างอื่น ซึ่งกรณีของ คุณจตุพร เมื่อมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคอยู่ในระบบฐานข้อมูล กกต.ก็ต้องถือว่าเขายังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ แต่เมื่อมีการร้องเรียนว่า คุณจตุพร เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง จึงทำให้สมาชิกภาพความเป็นสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง คณะกรรมการก็ต้องมาตรวจสอบว่า จริงๆ แล้วคุณจตุพร ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่หรือไม่ และถ้าไม่ได้เป็นแล้ว พ้นจากสมาชิกพรรคไปเมื่อใด ซึ่งก็จะยึดข้อบังคับพรรค กฎหมายพรรคการเมือง และรัฐธรรมนูญ เป็นหลัก คิดว่า ใช้เวลาไม่นานคงแล้วเสร็จ” แหล่งข่าวระบุ
อย่างไรก็ตาม หากการตรวจสอบของคณะกรรมการ เมื่อแล้วเสร็จก็จะเสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งหากพบว่านายจตุพร ขาดสมาชิกภาพการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย การพิจารณาว่าจะมีผลทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส.หรือไม่ และถ้าขาดต้องยื่นเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 หรือไม่ เป็นเรื่องที่ กกต.จะต้องพิจารณา
ทั้งนี้ ตามรายงานของคณะกรรมการไต่สวนเมื่อครั้งที่ กกต.จะพิจารณาประกาศรับรองนายจตุพร มติเสียงข้างมากเห็นว่า คุณสมบัติความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของนายจตุพร สิ้นสุดลงเนื่องจากต้องคุมขังโดยหมายศาล จึงเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งตาม ม.100(3) อันทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกพรรคเพื่อไทยสิ้นสุดลงตาม ม.8 วรรคหนึ่ง ม.19 และมาตรา 20(3) แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งเป็นผลให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.แม้จะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคเพื่อไทยแล้ว แต่ข้อบังคับพรรคดังกล่าวก็ต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.พรรคการเมือง