มติ กกต.4 ต่อ 1 ปล่อยผี “จตุพร” เป็น ส.ส.“อภิชาต” 1 เดียวที่คัดค้าน ด้าน “ณัฐวุฒิ” เดินหน้าประกันตัว ลั่นพร้อมปรองดอง ย้ำ ไม่เลิกม็อบแดง ขณะที่ “เมียกี้ร์” เผย “ผัวจอมตะกายตึก” กลับไทยแน่ปลายปี
วันนี้ ( 1 ส.ค.) นายบุญเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต. แถลงภายหลังการประชุม กกต.นานกว่า 3 ชั่วโมง ว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งใหม่ใน 2 เขตเลือกตั้ง และหนึ่งเขตที่มีการนับคะแนนใหม่ โดยประกาศให้นายสมคิด บาลไธสง เป็นส.ส.เขต 2 หนองคาย พรรคเพื่อไทย และนายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล เป็นส.ส.เขต 3 สุโขทัย พรรคภูมิใจไทย และอับดุลการิม เด็งระกีนา เป็น ส.ส.เขต 2 ยะลา พรรคประชาธิปัตย์
ส่วนกรณีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ นั้น กกต.มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 เห็นชอบประกาศให้นายจตุพรเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ส่วน 1 เสียงข้างน้อยนั้นเห็นว่า จากการรายงานของคณะกรรมการไต่สวนฯ ได้รายงานว่า แม้ในวันสมัครรับเลือกตั้งนายจตุพรจะมีคุณสมบัติครบถ้วนแต่ในวันที่ 3 ก.ค.ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง นายจตุพรถูกคุมขังอยู่โดยหมายศาล ถือเป็นบุคคลต้องห้ามใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค และทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.
ทั้งนี้ กกต.เสียงข้างมากยังพิจารณาตามความเห็นของด้านกิจการพรคการเมืองที่เสนอให้มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นตรวจสอบว่านายจตุพรพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการจัดทำและบริหารระบบฐานข้อมูลว่าสมาชิกพรรคการเมือง 2552 ข้อ 9 (3) ที่กำหนดให้ในกรณีที่สมาชิกพรรคการเมืองผู้ใดขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค หรือ มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 19 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งสามารถปรับปรุงแก้ไขข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคได้ แต่การแก้ไขปรับปรุงต้องได้รับความเห็นชอบและตรวจสอบความถูกต้องจากคณะกรรมการการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อน
อีกทั้งให้สำนักงานฯไปพิจารณาด้วยว่ากรณีของนาย จตุพรมีเหตุต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ที่ต้องยื่นประธานสภาผู้แทนราษฏรให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงหรือไม่ ซึ่งก็มี กกต.อีก 1 เสียงที่เห็นควรให้สำนักงานฯ ดำเนินการเสนอเรื่องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 245 และมาตรา 257 ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการขัดกันของกฎหมายระหว่างรัฐธรรมนูญมาตรา 101ว่าขัดกับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 50 มาตรา 8 วรรค 1 มาตรา 19 และมาตรา 20 (3) ที่เกี่ยวกับการเป็นสมาชิกภาพว่าสิ้นสุดลงด้วยเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ และให้สำนักงานฯไปดำเนินการพิจารณากรณี น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายถวิล ไพรสณฑ์ และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ที่ร้องคัดค้านการประกาศรับรองนายจตุพร แล้วเสนอให้ กกต.พิจารณาโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการประกาศรับรองดังกล่าวถือว่า กกต.ได้รับรองส.ส.ครบทั้ง 500 คนแล้ว ซึ่งการพิจารณาของ กกต.ในครั้งนี้ นายคารม พลทะกลาง และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายจตุพร มารอรับฟังผลการลงมติของกกต.ด้วย และเมื่อทราบมติก็ได้มีการสอบถามถึงขั้นตอนรายละเอียดการรับหนังสือรับรองโดยจะขอรับหนังสือรับรองของนายจตุพรไปเลย แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่ายังไม่แล้วเสร็จ โดยให้มารับได้ในวันที่ 2 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งนายคารม ระบุว่า หลังรับหนังสือรับรองของนายจตุพรแล้ว ก็จะเดินทางไปที่ศาลเพื่อยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวนายจตุพร และนายนิสิต สินธุไพร รายละ 1 ล้านบาท โดยของนายจตุพรจะมีการนำหนังสือรับรองที่ กกต.ออกไปแนบไปพร้อมด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการลงมติในกรณีของนายจตุพรนั้น กกต.เสียงข้างมาก 4 เสียงที่เห็นควรให้ประกาศรับรองนั้นประกอบด้วย นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น นายสมชัย จึงประเสริฐ นายประพันธ์ นัยโกวิท และนางสดศรี สัตยธรรม ส่วนเสียงข้างน้อย1 เสียงที่มีมติไม่รับรองคือนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.
ด้านนายสมชัย กล่าวว่า หลังจาก กกต.ได้รับการยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของนายจตุพร จากนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าเพื่อไทยแล้ว กกต.เสียงข้างมากจึงให้ประกาศรับรองนายจตุพร เป็น ส.ส.ไปก่อน เนื่องจากครบกำหนด 30 วันที่ กกต.มีอำนาจในการพิจารณาเพื่อรับรองผลการเลือกตั้ง และให้ด้านกิจการพรรคการเมืองตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำร้องคัดค้านที่มีการร้องมา พร้อมกับทำความเห็นส่งมายังที่ประชุม กกต. เพื่อพิจารณาส่งให้ประธานสภาฯ แล้วเป็นกระบวนการของสภาฯ ที่จะส่งเรื่องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ส่วน ส.ส.ที่ กกต.รับรองไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น กกต.ก็จะทยอยพิจารณาในเรื่องร้องคัดค้านต่อโดยมีเวลาในการพิจารณา 1 ปี หากเห็นว่ามีความผิดก็จะต้องส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณา ซึ่ง กกต.ก็ต้องทำงานต่อไป ส่วเรื่องแรงกดดันก็น่าจะลดลง
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) จะประกาศสถานภาพของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช.ว่า ก็ต้องรอการรับรองจาก กกต.ในวันนี้ (1 ส.ค.) อีกครั้ง ซึ่งน่าจะมีข้อสรุป แต่ผลสรุปจะออกมาอย่างไรก็ว่ากันอีกที หาก กกต.ประกาศรับรองก็จะเปลี่ยนขอประกันตัว นายจตุพร แต่ถ้า กกต.ไม่รับรองก็คงจะต้องมีการหารือกันต่อ ซึ่งในขณะนี้ใกล้ถึงเวลาที่ กกต.มีมติ ตนก็คาดหวังในทางบวกไว้ก่อน
เมื่อถามว่า หลังจากที่ได้ก้าวเข้ามาเป็น ส.ส แล้ว มีแนวคิดในการสร้างความปรองดองอย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนจะให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย เพราะคำว่าปรองดองเกิดขึ้นได้ด้วยความจริงใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ตนเป็นส่วนหนึ่งของสถานการณ์นี้ ก็พร้อมยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ประเทศนี้ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน แต่ถ้าจะคิดแตกต่างก็จะต้องสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
เมื่อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงควรจะมีการยุติการเคลื่อนไหวการชุมนุมทางการเมืองหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ประชาชนก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพระเวลานี้สถานการณ์หลังการเลือกตั้งก็ยังไม่แน่นอน ว่า ประเทศจะเดินไปในทิศทางใด รูปแบบในการต่อสู้ และเคลื่อนไหวก็เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรหารือกัน
“กระบวนการยุติธรรมจะต้องมีความอิสระ และอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกฝ่ายได้อย่างเท่าเทียม และปราศจากการแทรกแซงจากอำนาจรัฐและอำนาจนอกระบบ หากเป็นเช่นนี้ได้บ้านเมืองจะสามารถเดินต่อไปได้ ซึ่งตนคิดว่า การตื่นตัวของประชาชนเป็นแรงเสียดทานที่สำคัญของอำนาจนอกระบบ ที่คอยมาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและกลไกรัฐก็ต้องแข็งแรงพอที่จะดูแลทุกๆ โครงสร้างของประเทศให้เป็นที่พึ่งและเป็นที่ยอมรับของประชาชน” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ขณะที่ นางรพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปร่วมรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐสภาถึงการทำหน้าที่ ส.ส.ใหม่ ว่า รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก ทั้งนี้ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง สามี แล้ว โดย นายอริสมันต์ ได้อวยพรด้วยว่า ขอให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่และให้ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเดินทางกลับมามอบตัวของ นายอริสมันต์ นางรพิพรรณ กล่าวว่า น่าจะเป็นช่วงปลายปี รอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ถึงวันนี้ นายอริสมันต์ ก็ยังยืนยันว่าไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายตามที่มีการตั้งข้อกล่าวหา