การทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. เป็นรัฐวิสาหกิจของกระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานที่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการ มีเม็ดเงินมหาศาลจึงเป็นหน่วยงานที่ผู้มีอำนาจให้ความสนใจ และมักจะเข้าไปกำกับดูแลเองมาโดยตลอด
กทพ.ขณะนี้กำลังมีการสรรหาผู้ว่าการคนใหม่ แทน ผู้ว่าคนเดิมคือ พ.ท.ทวีสิน รักกตัญญู ที่เกษียณอายุไป ในการสรรหาครั้งนี้มีผู้สนใจสมัคร 2 คน คือ นายอัยยณัฐ ถินอภัย รองผู้ว่าฝ่ายกฎหมาย ของ กทพ.และ พล.ท.ภัสสร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย
เกี่ยวกับผู้สมัครทั้งสองคนมีความน่าสนใจอย่างไร มีความรู้ความสามารถอย่างไร คงหาดูข้อมูลประวัติกันได้ไม่ยากเข็ญ แต่บรรดาเซียนหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า พลโท ภัสสรวันนี้มาแรง แซงโค้ง และมีความมั่นใจว่าจะได้นั่งเป็นผู้ว่าการ กทพ.คนต่อไปแน่นอน
เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเป็นนายทหารใหญ่ นามสกุลดังและใหญ่ในวงการการเมืองของไทย โดยเฉพาะเป็นคนสำคัญในพรรคแกนนำรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหาร และที่สำคัญมีข่าวว่าได้รับการสนับสนุนจากอดีตผู้ว่าการสายเดียวกัน ซึ่งมีความสนิทสนมแนบแน่นกันเป็นอย่างดี
ผิดกับผู้สมัครคนในที่ค่อนข้างจะโนเนม เป็นลูกหม้อที่ทำงานแบบข้าราชการประจำ ตรงไปตรงมา เข้าประเภทหักไม่ยอมงอ ทั้งยังเป็นที่หวาดกลัวของบรรดาเอกชนคู่สัญญาทั้งหลายอีกด้วย เพราะบุคคลิกของแกที่เป็นคนไม่ยอมโง่
การจัดวางหมากเกมล็อกตัวผู้ว่ากันอย่างนี้ หากเป็นจริงก็เข้าข่ายเป็นการวางทายาทไว้สืบทอดอำนาจในการบริหารผลประโยชน์ใน กทพ.โดยตรง จะให้มองเป็นประการอื่นไปไม่ได้
อย่าลืมว่า หน่วยงานนี้เคยมีปัญหาจนถูกสังคมวิพากษ์อย่างเสียหาย มาแล้ว กรณีค่าโง่ทางด่วน คำพิพากษาศาลมีให้อ่านและศึกษากันได้ สังคมต้องช่วยกันสอดส่องและทักท้วงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในองค์กรภาครัฐทั้งหลายในลักษณะนี้ ในทุกๆ องค์กร อย่าปล่อยให้หน่วยงานภาครัฐต้องเสียค่าโง่เหมือนที่ผ่านมาอีก
ในขณะนี้มีกลิ่นสาบๆและเกิดการวิพากษ์ วิจารณ์ กันว่าโครงการทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ที่มีการดำเนินการไว้ในสมัยอดีตผู้ว่าการมีอะไรพิลึกพิลั่น ทั้งรีบร้อน รวบรัด เร่งรีบ กำลังจะเป็นค่าโง่ไปอีกแล้ว
หากเป็นเช่นนั้นจริงก็น่าใจหาย และอาจทำให้คนเข้าใจได้ว่า เมื่องานโครงการสำคัญที่ทำไว้ในสมัยอำนาจเก่ายังไม่เสร็จ จึงจำเป็นต้องมีการวางทายาทมาสืบทอดอำนาจสานต่อโครงการนี้ต่อไป
จึงอยากให้ผู้มีอำนาจพิจารณาคัดเลือกผู้ว่าการ กทพ.คนใหม่ ได้ใช้ความรู้ความสามารถและความกล้าหาญ พิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ เหมาะสม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผลประโยชน์ใดๆ เป็นผู้ว่าการ กทพ. คนใหม่
เพื่อมิให้รัฐต้องเสียค่าโง่ ทางด่วน อีก ประชาชนก็น่าจะปรบมือให้ทุกคน
อยากจะฝากข้อคิดไว้ว่า หน่วยงานของรัฐ มิใช่สมบัติของคนใดที่จะนำไปผลัดกันชม เป็นภาษีอากรของประชาชน เสียงทักท้วงของประชาชนจึงควรมีน้ำหนักที่ต้องรับฟัง อย่าให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมาแสดงตนเป็นผู้หวงแหนและจัดวางคนของตนเป็นทายาท
เพื่อการสืบทอดอำนาจในการบริหาร เพียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนและพวกพ้องเท่านั้น