xs
xsm
sm
md
lg

ล็อกชื่อ “ขุนค้อน” แต่ ส.ส.ยี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แม้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะทำงานกันแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่เชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้ กกต.น่าจะประกาศรับรองการเลือกตั้งให้มี ส.ส.ได้ 475 คนเป็นอย่างต่ำ เพื่อให้มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าน่าจะสามารถเปิดประชุมสภาฯนัดแรกได้ภายในวันอังคารที่ 2 สิงหาคมนี้

รอบสัปดาห์นี้ นอกจากความปั่นป่วนวุ่นวายในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแล้ว ลำดับแรกต้องดูกันว่า ใครที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยจะกำหนดตัวให้ไปเป็น

ประธานสภาผู้แทนราษฎร

น่าจะไม่พ้น “ขุนค้อน” สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น ข่าวว่า “น้องปู-ยิ่งลักษณ์” รับคำสั่งนี้มาแล้วตั้งแต่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ชื่อของ “สมศักดิ์” ยังเป็นเต็งหนึ่งอยู่กับการขึ้นเป็นประมุขนิติบัญญัติ

อย่างไรก็ตาม แรงต้าน “สมศักดิ์” ในพรรคเพื่อไทยก็ยังมีอยู่มาก ไม่เว้นแม้แต่กับ ส.ส.อีสานหรือส.ส.ขอนแก่นด้วยกันเองที่ชนะยกจังหวัดมา 10 คน ซึ่งมีหลายกลุ่มเช่นกลุ่มเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช-กลุ่มเสี่ยเต๋า จักริน พัฒน์ดำรงจิตร ลูกชายเสี่ยเล้ง ขอนแก่น อดีตผู้มากบารมีเมืองอีสาน ซึ่งในขอนแก่นเอง ส.ส.หลายคน ก็ไม่ได้แฮปปี้กับสมศักดิ์เท่าไหร่

เหตุเพราะบุคลิกของ “สมศักดิ์” ที่ไม่ได้สร้างบารมีเอาไว้ ไม่มี ส.ส.ในสังกัด สมัยอยู่กับกลุ่มอีสานพัฒนา กับพวกไพจิตร ศรีวรขาน ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข พีรพันธุ์ พาลุสุข ก็เคยมีปัญหาขัดแย้งกันในเรื่องการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน

โดยที่ “สมศักดิ์” ได้เป็นรัฐมนตรีสองรอบคือสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เป็นรมว.วัฒนธรรม ที่ตอนนั้นกลุ่มอีสานพัฒนาออกมาอัดว่า มีการไม่รักษาสัญญาใจกันในเรื่องโควต้ารัฐมนตรี ทำให้ “สมศักดิ์” ต้องแยกตัวออกไปจากกลุ่มอีสานพัฒนา แล้วพยายามตั้ง “กลุ่มขุนค้อน” ขึ้นในพรรคแต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ

จากนั้นในสมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ “สมศักดิ์” ก็ได้เป็น รมว.ยุติธรรมอีกรอบ จนกระทั่งมาถึงยุคพรรคเพื่อไทย ก็พบว่าแม้ “สมศักดิ์” จะพยายามสร้างอำนาจต่อรองในพรรค พยายามหา ส.ส.มาอยู่ในสังกัดและมีข่าวแวะไปหาทักษิณ ชินวัตรที่ต่างประเทศบ่อยครั้งเพื่อยกระดับตัวเองให้ขึ้นมาเป็นแกนนำพรรคสายอีสาน

แต่ข่าวว่า ขุนค้อนก็ยังไม่ค่อยได้รับการยอมรับเท่าที่ควร

เพราะขนาดส.ส.ขอนแก่นด้วยกันเอง “สมศักดิ์” ก็ไม่ค่อยดูแล หมู่บ้านเสื้อแดงในขอนแก่นที่มีจำนวนมากรวมถึงพวกแกนนำ นปช.ในจังหวัด “สมศักดิ์” ก็ไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือเกื้อกูล

ทำให้เป็นจุดอ่อนของ “สมศักดิ์” ในเรื่องการยอมรับในวงกว้างจากคนในพรรค

ขณะที่ จุดแข็งอย่างเดียวที่ “สมศักดิ์” น่าจะได้เปรียบก็คือ การมีประสบการณ์การเมืองสูง เป็นอดีตรองประธานสภาฯ บุคลิกเข้าได้กับพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งทักษิณสั่งซ้ายหัวขวาหันได้แบบไม่มีการขัดขืน

อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์กันไว้ก่อนหน้านี้ว่า เหตุที่แรงดัน “เสธ.เปีย” พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัยให้รับตำแหน่งประธานสภาฯไม่ค่อยแรง ทั้งที่คนส่วนใหญ่ทั้งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ กลุ่ม นปช.ในเพื่อไทย กลุ่ม ส.ส.ภาคกลาง อีสาน และเหนือในพรรคเห็นว่าเหมาะสมกว่า “สมศักดิ์” ก็คงเพราะภาพของ “เสธ.เปีย” แม้ตอนนั่งทำหน้าที่รองประธานสภาฯจะสุขุม เป็นกลาง ไม่เข้าข้างเพื่อไทยด้วยกันเอง

แต่กับภาพความเป็นแกนนำ นปช.ที่เวลาอยู่บนเวทีแล้ว หลุดเฟรมหลายครั้งโดยเฉพาะกับการกระทบกระเทียบบุคคลระดับสูง

ทำให้ทักษิณและแกนนำเพื่อไทยหลายคนย่อมรู้สึกไม่สบายใจ หาก “เสธ.เปีย” เป็นประธานสภาแล้วด้วยตำแหน่งประมุขนิติบัญญัติ จะต้องเจอผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายต่อหลายคนและหลายโอกาส จึงอาจทำให้แต่ละฝ่ายก็ไม่แฮปปี้

ส่วน วิทยา บูรณศิริ ส.ส.อยุธยา แม้จะเป็นอีกคนหนึ่งที่มีโอกาส เพราะเป็น ส.ส.สี่สมัย ได้รับการยอมรับสูงจากแกนนำพรรคทุกสายโดยเฉพาะแรงหนุนจากโควตาภาคกลาง แต่ชั่วโมงนี้ยังแรงสู้ “ขุนค้อน-เสธ.เปีย” ไม่ได้

ก็คงต้องดูกันแล้วว่า เก้าอี้ประธานสภาฯ สมศักดิ์ จะนอนมาเลยหรือไม่ ทั้งหมดแม้ภายนอกจะให้คณะกรรมการที่พรรคตั้งขึ้นเป็นผู้ตัดสินใจอันมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เป็นประธาน

แต่ของอย่างนี้ก็รู้ๆ กัน “ทักษิณ” สั่งคนเดียวจะโยนชื่อใครออกมา!
กำลังโหลดความคิดเห็น