xs
xsm
sm
md
lg

“กษิต” ลั่นไทยจะสู้คดีโบอิ้งถึงที่สุด ยันไม่วางมัดจำ 20 ล้านยูโร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ (แฟ้มภาพ)
รัฐมนตรีต่างประเทศลั่นไทยจะไม่วางเงินค้ำประกัน หลังศาลเยอรมนีเชื่อไม่ใช่เครื่องบินของรัฐบาลไทย แต่เป็นพระราชพาหนะส่วนพระองค์ แต่ทาง “ชไนเดอร์” ยังติดใจ ต้องสู้กันอีกยก เตรียมทีมสู้คดีขั้นสุดท้ายกลางเดือนสิงหาคมนี้



วันนี้ (21 ก.ค.) ที่ห้องรับรองพิเศษ สนามบินสุวรรณภูมิ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย หลังจากที่เดินทางไปติดตามผลกรณีที่ศาลเยอรมนีสั่งอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ศาลเยอรมนีได้พิจารณาเอกสารที่ไทยเสนอไปแล้ว และได้เห็นว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นพระราชพาหนะส่วนพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสามารถจะนำเครื่องบินออกจากการอายัดได้ แต่มีเงื่อนไขว่าไทยจะต้องวางเงินประกันไว้จำนวน 20 ล้านยูโร หรือประมาณ 845 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้ศาลเพิ่งจะพิจารณาเป็นลำดับแรก คดียังไม่แล้วเสร็จ โดยศาลยังต้องมีการพิจารณาไต่สวนเหตุผลในรายละเอียดไปจนถึงประมาณสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม นี้

“จากเอกสารที่ไทยเราได้ยื่นไป ศาลเยอรมนีได้พิจารณาและเชื่อได้ว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นพระราชพาหนะส่วนพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร แต่ว่าทางฝ่ายที่กล่าวหาไทย คือ มิสเตอร์ชไนเดอร์ ซึ่งเป็นตัวแทนบริษัท วอเตอร์ บาวน์ ของเยอรมนี ยังมีความสงสัยที่จะต้องถามต่อศาลบางประการ ศาลจึงจะพิจารณาขั้นสุดท้ายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคมอีกครั้ง” นายกษิตกล่าว

นายกษิตกล่าวต่อว่า เมื่อคืนวันที่ 20 ก.ค. ตนและอัยการสูงสุด และอธิบดีกรมสนธิสัญญา พร้อมด้วยทูตไทยประจำประเทศเยอรมนี ได้เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ถึงผลการพิจารณาของศาลเยอรมนีแล้ว และในเบื้องต้นเราจะสู้คดีในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม ดังนั้น เมื่ออัยการสูงสุดเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 22 ก.ค.นี้ กระทรวงการต่างประเทศก็จะร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเพื่อเตรียมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อไปยืนยันความชัดเจน รวมถึงจะมีการซักซ้อมความเข้าใจผู้ที่จะไปเป็นพยาน คือ อธิบดีกรมการบิน และผู้แทนจากกองทัพต่างๆ และนักกฎหมายที่มีความเข้าใจด้านการซื้อขายและกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สิน รวมถึงการคัดเลือกล่ามภาษาไทย-เยอรมัน ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการไปยืนยันกับศาลว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นพระราชพาหนะส่วนพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นอกเหนือจากเอกสารที่ไทยได้ยื่นไปให้กับศาลเยอรมนีแล้ว

“จากการหารือกันเบื้องต้นได้เห็นพ้องต้องกัน และเรามั่นใจว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นพระราชพาหนะส่วนพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระองค์ท่านก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้เลย เพราะเป็นคดีระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท วอเตอร์ บาวน์ ของเยอรมนี เป็นเรื่องที่น่าอดสู น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้พระองค์เข้ามาเกี่ยวข้องโดยใช่เหตุ เพราะฉะนั้นเมื่อเรายืนยันในความถูกต้องของเราแล้ว เนื่องจากเรามีหลักฐานแน่นว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นของพระองค์ท่าน และเรามีการจดทะเบียนของสำนักงานการบินพลเรือนระหว่างประเทศถูกต้อง จึงไม่มีเหตุผลใดที่เราจะต้องนำเงินไปวางมัดจำ 20 ล้านยูโร อย่างไรก็ตาม ผมจะนำเรื่องนี้ไปรายงานต่อนายกรัฐมนตรีด้วย และในวันที่ 22 ก.ค.อัยการสูงสุดจะเดินทางกลับถึงประเทศไทย ผมก็จะไปหารือในเรื่องนี้ต่อไปเพื่อหารือในรายละเอียดและเตรียมการในเรื่องนี้ ส่วนเครื่องบินก็ยังคงอยู่ที่ประเทศเยอรมนี เพื่อรอการตัดสินขั้นสุดท้ายของศาลเยอรมนีในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม” นายกษิตกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น