รอบแรก 358 คนทั้งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์และระบบเขต ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ประกาศผลรับรองให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร
เรื่องที่ สร้างความตื่นเต้นตกใจ คือกกต. ”แขวน” ไม่ประกาศชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี
ข่าวเปิดเผยว่า รายของ ยิ่งลักษณ์ ว่าไปแล้วหนักกว่าอภิสิทธิ์มาก เพราะที่โดนแขวนไม่ใช่เรื่องที่ไปผัดหมี่ที่นคราชสีมาระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง กรณีนี้กกต.ได้ยกคำร้องไปแล้ว แต่เป็นกรณีป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ชูสโลแกน ”ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ซึ่งเรื่องนี้หลายกลุ่มได้ยื่นเรื่องต่อกกต.ให้ตรวจสอบและถึงขั้นยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย
เพราะทักษิณ ชินวัตร ติดโทษแบนการเมืองห้าปีแต่เพื่อไทยกลับชูให้เป็นตัวเอกในการหาเสียงเลือกตั้ง เลยทำให้ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบไปด้วย
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ร้องกกต.ด้วยว่าเบิกความเท็จต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดียึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร แต่กรณีนี้ดูแล้วเป็นเรื่องทางคดีอาญามากกว่าและเรื่องยังไม่ถึงที่สุด น่าจะเป็นอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ.จะดำเนินการ จึงมีแนวโน้มกกต.อาจจะไม่รับข้อร้องเรียนส่วนนี้
ขณะที่กรณีของ อภิสิทธิ์ ไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการว่า รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โดนเรื่องอะไร แต่ข่าวบอกว่าไม่ใช่เรื่องไปทำและแคะขนมครกระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องที่มีการร้องมายังกกต.ว่าอภิสิทธิ์มีการจ้างหาเสียง
ข่าวที่รู้มาจากวงในของกกต.บอกว่า รายชื่อทั้งหมดที่โดนแขวนทั้งระบบปาร์ตี้ลิสต์และระบบเขต 142 คน โดยรับรองไปแล้วรอบแรก 358 คน
เหตุที่กกต.แขวน ก็ไม่ได้มีอะไรมาก คือว่าที่ส.ส.ใครคนไหน ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของกกต.รายงานว่ามีคนร้องเรียนคัดค้านการประกาศผลรับรองสมาชิกภาพ
5 เสือ กกต. ก็จับแขวนทันที
แล้วขอเวลาอีก 7 วันก็คือ การประชุมใหญ่กกต.นัดหน้า 19 ก.ค. 2554 ค่อยมาคุยกันอีกที ช่วงนี้ก็ให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและกกต.จังหวัดที่ว่าที่ส.ส.เขต คนไหนชื่อยังไม่ได้รับการรับรองก็ให้ ทำรายงานสรุปและแนบเอกสารหลักฐานต่างๆ มาให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง
กรณีของยิ่งลักษณ์ และ อภิสิทธิ์ ดูแล้วไม่ได้มีอะไรมาก ท้ายที่สุดแล้วก็คงจะได้ประทับตราให้ “ผ่าน”
เพราะทั้งสองคนคือแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้นำพรรคใหญ่สองพรรคคือเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ ถ้ากกต.เลือกที่จะรับรองใครเพียงคนใดคนหนึ่งเช่นรับรองอภิสิทธิ์ ไม่รับรอง ยิ่งลักษณ์ หรือรับรองยิ่งลักษณ์ ไม่รับรองอภิสิทธิ ก็ต้องถูกคนทั้งสองพรรคนี้คือเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ รวมถึงกองเชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกมาวิจารณ์การทำหน้าที่ของกกต.ว่า สองมาตรฐาน เพราะกรณีที่ถูกร้องเรียนก็เป็นเรื่องลักษณะเดียวกัน แล้วทำไม จึงเลือกปล่อยคนหนึ่งแล้วกักอีกคนหนึ่งไว้
ครั้นหาก กกต.เล่นใช้วิธีปล่อยไปเลยทั้งสองคน ทั้งที่เพิ่งมีการร้องไปยังกกต.ได้ไม่กี่วัน ก็ยังมีเสียงวิจารณ์อีกว่า มีการสอบสวนหาพยานหลักฐานอะไรกันหรือยัง ทำงานกันแบบขอไปที ทำไมไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน คืออาจโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
แต่หากดองไว้สัก 7 วันหรือเร็วกว่านั้น ด้วยการเรียกประชุมก่อน 19 ก.ค. 54 คนก็จะมองได้ว่า อืม กกต.ไม่เอนเอียง ไม่มีคำว่าสองมาตรฐาน มีหลักการทำงานที่ตรวจสอบก่อน ไม่ใช่ทำตัวเป็นตรายาง เห็นว่ายิ่งลักษณ์กำลังจะเป็นนายกรัฐมนตรีเลยไม่อยากขวางกระแส ส่วนอภิสิทธิ์ ก็ให้เกียรติและไม่เคยวิจารณ์กกต.ในทางลบอะไรเลย ก็เลย ประทับตรา “ผ่าน”ไปแบบง่ายๆ
เชื่อได้ว่า การวิเคราะห์นี้ ไม่น่าจะผิดความจริง แต่หากคลาดเคลื่อน หรือ 5 เสือ กกต.คนไหน จะแย้ง ก็แถลงมา คนจะได้รู้ข้อเท็จจริง
การที่กกต.แขวนปาร์ตี้ลิสต์ที่ไม่ได้มีแค่ยิ่งลักษณ์กับอภิสิทธิ์แต่มีการแขวนไว้ถึง 16 คน รับรองไป 109 คน ถือว่าเป็นครั้งแรกเพราะที่ผ่านมาในการเลือกตั้งทั้งปี 2544 2548 และ2550ที่เป็นระบบสัดส่วน ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะมีการแขวนชื่อคนในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์และสัดส่วน จะมีก็ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
โดยกรณีอภิสิทธิ์และยิ่งลักษณ์ซึ่งเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่งของปชป.และพท.ตามลำดับ มีข่าวว่า กรรมการเสียงแตกออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งแรก สมชัย จึงประเสริฐ และ นางสดศรี สัตยธรรม เห็นควรให้กกต.ประกาศรับรองทั้งมาร์คและปูไปด้วยกัน
แต่อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.และวิสุทธิ์ โพธิแท่น ยืนยันว่าไม่ควรประกาศ เพราะเห็นว่าทั้งสองคนยังมีเรื่องร้องเรียนอยู่ว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเหมือนกับเช่นว่าที่ส.ส.คนอื่นๆ ดังนั้นก็ควรให้เป็นมาตรฐานเดียวกันไปทั้งหมด
ทำให้สุดท้ายต้องวัดกันด้วยเสียงสุดท้าย ที่เป็นเสียงชี้ขาดคือประพันธ์ นัยโกวิทย์ ที่เห็นว่ากกต.ไม่ควรประกาศชื่อทั้งสองรายเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่โดนร้องมายังกกต.ที่ประชุมจึงมีมติ 3 ต่อ 2 ไม่ประกาศรับรองว่าที่ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 16 คนที่รวมถึงอภิสิทธิ์และยิ่งลักษณ์ด้วย
มาร์คและปู นอกจากต้องแข่งกันเป็นนายกรัฐมนตรี ยังต้องร่วมอยู่ใน 16 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ที่โดนแขวนไว้ด้วย
ทำให้มีปัญหาเกิดขึ้น ฝ่ายกฎหมายของทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ต้องเปิดข้อกฎหมายทั้งรัฐธรรมนูญ-กฎหมายเลือกตั้ง กันอย่างเคร่งเครียด
โดยฝ่ายกฎหมายเพื่อไทยก็ยังมึนตึบว่าทำไม กกต.ถึงแขวนปาร์ตี้ลิสต์บางคนและประกาศชื่อบางส่วน โดยมีการเปิดตำราข้อกฎหมายเพื่อดูอำนาจของกกต.อย่างหนัก แต่ส่วนใหญ่ยังเชื่อว่ากกต.ก็จะประกาศรับรองทั้งหมดเพราะหากกกต.เห็นว่ามีผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์คนไหนทำผิดกฎหมายเลือกตั้งก็เป็นเรื่องรายบุคคลที่ก็ต้องไปดำเนินคดีเรื่องทำผิดกฎหมายกันไป เข้าทำนอง ปล่อยก่อนสอยทีหลัง
ส่วนแผนสองที่หากสุดท้ายกกต.ไม่รับรองยิ่งลักษณ์ไปจนถึงวันเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อไทยจะทำอย่างไร ถึงขณะนี้ยังไม่มีการคุยกันในระดับแกนนำพรรคแต่อย่างใด
เรื่องที่ สร้างความตื่นเต้นตกใจ คือกกต. ”แขวน” ไม่ประกาศชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี
ข่าวเปิดเผยว่า รายของ ยิ่งลักษณ์ ว่าไปแล้วหนักกว่าอภิสิทธิ์มาก เพราะที่โดนแขวนไม่ใช่เรื่องที่ไปผัดหมี่ที่นคราชสีมาระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง กรณีนี้กกต.ได้ยกคำร้องไปแล้ว แต่เป็นกรณีป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ชูสโลแกน ”ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ซึ่งเรื่องนี้หลายกลุ่มได้ยื่นเรื่องต่อกกต.ให้ตรวจสอบและถึงขั้นยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย
เพราะทักษิณ ชินวัตร ติดโทษแบนการเมืองห้าปีแต่เพื่อไทยกลับชูให้เป็นตัวเอกในการหาเสียงเลือกตั้ง เลยทำให้ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบไปด้วย
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ร้องกกต.ด้วยว่าเบิกความเท็จต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดียึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร แต่กรณีนี้ดูแล้วเป็นเรื่องทางคดีอาญามากกว่าและเรื่องยังไม่ถึงที่สุด น่าจะเป็นอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ.จะดำเนินการ จึงมีแนวโน้มกกต.อาจจะไม่รับข้อร้องเรียนส่วนนี้
ขณะที่กรณีของ อภิสิทธิ์ ไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการว่า รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โดนเรื่องอะไร แต่ข่าวบอกว่าไม่ใช่เรื่องไปทำและแคะขนมครกระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องที่มีการร้องมายังกกต.ว่าอภิสิทธิ์มีการจ้างหาเสียง
ข่าวที่รู้มาจากวงในของกกต.บอกว่า รายชื่อทั้งหมดที่โดนแขวนทั้งระบบปาร์ตี้ลิสต์และระบบเขต 142 คน โดยรับรองไปแล้วรอบแรก 358 คน
เหตุที่กกต.แขวน ก็ไม่ได้มีอะไรมาก คือว่าที่ส.ส.ใครคนไหน ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของกกต.รายงานว่ามีคนร้องเรียนคัดค้านการประกาศผลรับรองสมาชิกภาพ
5 เสือ กกต. ก็จับแขวนทันที
แล้วขอเวลาอีก 7 วันก็คือ การประชุมใหญ่กกต.นัดหน้า 19 ก.ค. 2554 ค่อยมาคุยกันอีกที ช่วงนี้ก็ให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและกกต.จังหวัดที่ว่าที่ส.ส.เขต คนไหนชื่อยังไม่ได้รับการรับรองก็ให้ ทำรายงานสรุปและแนบเอกสารหลักฐานต่างๆ มาให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง
กรณีของยิ่งลักษณ์ และ อภิสิทธิ์ ดูแล้วไม่ได้มีอะไรมาก ท้ายที่สุดแล้วก็คงจะได้ประทับตราให้ “ผ่าน”
เพราะทั้งสองคนคือแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้นำพรรคใหญ่สองพรรคคือเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ ถ้ากกต.เลือกที่จะรับรองใครเพียงคนใดคนหนึ่งเช่นรับรองอภิสิทธิ์ ไม่รับรอง ยิ่งลักษณ์ หรือรับรองยิ่งลักษณ์ ไม่รับรองอภิสิทธิ ก็ต้องถูกคนทั้งสองพรรคนี้คือเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ รวมถึงกองเชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกมาวิจารณ์การทำหน้าที่ของกกต.ว่า สองมาตรฐาน เพราะกรณีที่ถูกร้องเรียนก็เป็นเรื่องลักษณะเดียวกัน แล้วทำไม จึงเลือกปล่อยคนหนึ่งแล้วกักอีกคนหนึ่งไว้
ครั้นหาก กกต.เล่นใช้วิธีปล่อยไปเลยทั้งสองคน ทั้งที่เพิ่งมีการร้องไปยังกกต.ได้ไม่กี่วัน ก็ยังมีเสียงวิจารณ์อีกว่า มีการสอบสวนหาพยานหลักฐานอะไรกันหรือยัง ทำงานกันแบบขอไปที ทำไมไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน คืออาจโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
แต่หากดองไว้สัก 7 วันหรือเร็วกว่านั้น ด้วยการเรียกประชุมก่อน 19 ก.ค. 54 คนก็จะมองได้ว่า อืม กกต.ไม่เอนเอียง ไม่มีคำว่าสองมาตรฐาน มีหลักการทำงานที่ตรวจสอบก่อน ไม่ใช่ทำตัวเป็นตรายาง เห็นว่ายิ่งลักษณ์กำลังจะเป็นนายกรัฐมนตรีเลยไม่อยากขวางกระแส ส่วนอภิสิทธิ์ ก็ให้เกียรติและไม่เคยวิจารณ์กกต.ในทางลบอะไรเลย ก็เลย ประทับตรา “ผ่าน”ไปแบบง่ายๆ
เชื่อได้ว่า การวิเคราะห์นี้ ไม่น่าจะผิดความจริง แต่หากคลาดเคลื่อน หรือ 5 เสือ กกต.คนไหน จะแย้ง ก็แถลงมา คนจะได้รู้ข้อเท็จจริง
การที่กกต.แขวนปาร์ตี้ลิสต์ที่ไม่ได้มีแค่ยิ่งลักษณ์กับอภิสิทธิ์แต่มีการแขวนไว้ถึง 16 คน รับรองไป 109 คน ถือว่าเป็นครั้งแรกเพราะที่ผ่านมาในการเลือกตั้งทั้งปี 2544 2548 และ2550ที่เป็นระบบสัดส่วน ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะมีการแขวนชื่อคนในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์และสัดส่วน จะมีก็ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
โดยกรณีอภิสิทธิ์และยิ่งลักษณ์ซึ่งเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่งของปชป.และพท.ตามลำดับ มีข่าวว่า กรรมการเสียงแตกออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งแรก สมชัย จึงประเสริฐ และ นางสดศรี สัตยธรรม เห็นควรให้กกต.ประกาศรับรองทั้งมาร์คและปูไปด้วยกัน
แต่อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.และวิสุทธิ์ โพธิแท่น ยืนยันว่าไม่ควรประกาศ เพราะเห็นว่าทั้งสองคนยังมีเรื่องร้องเรียนอยู่ว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเหมือนกับเช่นว่าที่ส.ส.คนอื่นๆ ดังนั้นก็ควรให้เป็นมาตรฐานเดียวกันไปทั้งหมด
ทำให้สุดท้ายต้องวัดกันด้วยเสียงสุดท้าย ที่เป็นเสียงชี้ขาดคือประพันธ์ นัยโกวิทย์ ที่เห็นว่ากกต.ไม่ควรประกาศชื่อทั้งสองรายเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่โดนร้องมายังกกต.ที่ประชุมจึงมีมติ 3 ต่อ 2 ไม่ประกาศรับรองว่าที่ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 16 คนที่รวมถึงอภิสิทธิ์และยิ่งลักษณ์ด้วย
มาร์คและปู นอกจากต้องแข่งกันเป็นนายกรัฐมนตรี ยังต้องร่วมอยู่ใน 16 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ที่โดนแขวนไว้ด้วย
ทำให้มีปัญหาเกิดขึ้น ฝ่ายกฎหมายของทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ต้องเปิดข้อกฎหมายทั้งรัฐธรรมนูญ-กฎหมายเลือกตั้ง กันอย่างเคร่งเครียด
โดยฝ่ายกฎหมายเพื่อไทยก็ยังมึนตึบว่าทำไม กกต.ถึงแขวนปาร์ตี้ลิสต์บางคนและประกาศชื่อบางส่วน โดยมีการเปิดตำราข้อกฎหมายเพื่อดูอำนาจของกกต.อย่างหนัก แต่ส่วนใหญ่ยังเชื่อว่ากกต.ก็จะประกาศรับรองทั้งหมดเพราะหากกกต.เห็นว่ามีผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์คนไหนทำผิดกฎหมายเลือกตั้งก็เป็นเรื่องรายบุคคลที่ก็ต้องไปดำเนินคดีเรื่องทำผิดกฎหมายกันไป เข้าทำนอง ปล่อยก่อนสอยทีหลัง
ส่วนแผนสองที่หากสุดท้ายกกต.ไม่รับรองยิ่งลักษณ์ไปจนถึงวันเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อไทยจะทำอย่างไร ถึงขณะนี้ยังไม่มีการคุยกันในระดับแกนนำพรรคแต่อย่างใด