ครูใหญ่โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก หวั่นเด็กใช้แท็บเล็ตพีซีไปในทางที่ผิดยิ่งกระตุ้นวัตถุนิยม เผยงานวิจัยเด็กมองภาพที่ผ่านเร็วๆ จากหน้าจอ สมองส่วนที่พัฒนาความคิดที่จะนำไปสู่ความเป็นมนุษย์จะไม่พัฒนา ทำให้ความคิดไม่ต่างไปจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ด้านที่ปรึกษาสหภาพครูฯ แนะเอางบไปซื้ออุปกรณ์กีฬา-หนังสือ ยังมีประโยชน์กว่า วอนถ้าอยากหากินไปเอากระทรวงอื่น ปล่อยกระทรวงศึกษาฯ ไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนเคาะข่าว”
เวลา 20.30 น.ของวันที่ 13 ก.ค. ในรายการ “คนเคาะข่าว” นางรัชนี ธงไชย ครูใหญ่โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก และนายสุริยนต์ สุวรรณวงศ์ ที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ อดีตผอ.โรงเรียนประถมทวีธาภิเศก ร่วมพูดคุยในรายการ ถึงประเด็น “ความหวังเด็กไทยกับการศึกษา ในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย” โดยมี นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ
โดยนางจินดารัตน์กล่าวเปิดประเด็นว่า วันนี้รัฐบาลเพื่อไทยเตรียมจะแจกแท็บเล็ตพีซีให้เด็กประถมทุกคน ในอีกด้านหนึ่งมีบทวิเคราะห์ออกมาว่าเด็กไทยมีมือถือ อุปกรณ์สื่อสาร อย่างคอมพิวเตอร์ มากกว่าประเทศอื่นๆในเอเชีย แต่ 70 เปอร์เซ็นต์ใช้เล่นเกม
นายสุริยนต์กล่าวว่า งบประมาณที่ออกมาแต่ละครั้ง ถ้าไม่มีเงินทอนจะผ่านยาก อย่างเงินที่เอาไปจ้างครู หรือให้เด็กจะไม่มีเงินทอน แต่ถ้าสร้างอาคาร แจกแท็บเล็ตพีซี พวกนี้จะมีเงินทอน คำถามคืออันนี้เป็นธุรกิจสื่อสาร แล้วเจ้าของคือใคร เวลาชำรุดซ่อมต้องเสียเงิน แล้วให้ใครซ่อม อะไหล่ใครขาย
ถ้าพูดถึงความจำเป็น อยากถามคนคิดว่าจำเป็นอะไร ได้ถามครู ถามผู้ปกครองหรือไม่ ได้ทำวิจัยหรือยัง ระหว่างซื้อแท็บเล็ต กับซื้อหนังสือ อุปกรณ์กีฬา เครื่องดนตรี สิ่งไหนจำเป็นกว่า ต่างจังหวัดอุปกรณ์พวกนี้ขาดแคลนมาก ทำไมไม่ทำสิ่งจำเป็นให้เพียงพอก่อน ทำเพื่อชาติจริงหรือเปล่า วันนี้โรงเรียนกว่าพันแห่งไม่มีภารโรง ธุรการ 1 คนทำ 4 โรงเรียน
เงิน 5 พันล้าน เอามาใช้ในสิ่งที่จำเป็นดีกว่าซื้อของพวกนี้ เล่นพวกนี้จะเกิดความเห็นแก่ตัว ความสุรุ่ยสุร่ายจะเกิด ประเทศที่มีปัญหาทุกวันนี้เพราะขาดสังคม แต่ก่อนคนจะอยู่เป็นกลุ่มก้อนรักสามัคคีกัน แต่พอเล่นพวกนี้ ก็จะตัวใครตัวมัน
นางรัชนีกล่าวว่า อุปกรณ์ทุกอย่างถ้าใช้ถูกก็มีประโยชน์ แต่ถ้าใช้ผิดก็ทำลายความเป็นมนุษย์ของผู้ใช้ ต้องถามถึงสเปคของแท็บเล็ตว่าทำอะไรได้บ้าง และปัญหาคือครูหลายคน ก็ไม่รู้เรื่องคอมฯ เมื่อปล่อยเด็กเรียน เด็กก็เรียนไปกับเพื่อน แน่นอนเด็กวัยนี้ถูกกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น ถูกกระตุ้นในเรื่องวัตถุ อยากได้โน่นได้นี่ ซึ่งการกระตุ้นให้อยากได้วัตถุมากๆถูกสร้างขึ้นมาในระบบการศึกษาของช่วงแผน พัฒนาเศรษฐกิจฯฉบับที่ 1 ที่ไม่ให้สอนเรื่องสันโดษ ความพอเพียงไม่มี เพราะระบบทุนนิยมต้องการให้ประชากรเป็นตลาดของระบบทุน ต้องใช้จ่าย สร้างความรู้สึกว่ามันขาด ต้องการของใหม่ไปเรื่อยๆ และมันถ่ายทอดลงมาจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง นับวันก็ยิ่งมากขึ้นๆ จนมาโจมตีคุณธรรมจริยธรรมของคน
รัฐกระตุ้นคนให้มีความต้องการมากขึ้น โดยไม่จัดการทั้งระบบ ถ้าเราคิดถึงการพึ่งพาตนเองจะมีความมั่นคงภายในก่อน แต่ตอนนี้รัฐบาลทุกชุดที่ขึ้นมา เน้นพึ่งงบลงทุนจากต่างชาติ เปิดทางให้ต่างชาติมาลงทุน โดยไม่ดูว่าคนไทยจะเป็นทาสต่างชาติแล้ว เราทำงานให้เขา เป็นทาสให้เขา เสร็จแล้วเขาก็เอาเงินกลับไป การไม่มองทั้งระบบทำให้ชีวิตคนจนยากแค้นมากขึ้น แล้วถ้าเขาตันขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น ก็เกิดอาชญากรรมตามมามากมาย
นายสุริยนต์กล่าวว่า เชื่อแท็บเล็ตพีซี ใช้ได้นานไม่เกิน 3 เดือนก็พัง คุณภาพไม่ดีหรอก ปัญหาการศึกษาไม่ได้อยู่ที่เด็กไม่มีแท็บเล็ตใช้ แต่อยู่ที่ความไม่พร้อม ตอนปี 2521 หลักสูตรบอกว่าให้เป็นไชลด์เซ็นเตอร์ ให้เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ตั้งแต่ปี 2521 มาถึงปี 2542 ก็ยังเป็นครูเซ็นเตอร์เหมือนเดิม พอมาปี 2551 จะมาซื้อแท็บเล็ตให้เด็ก
นางรัชนีกล่าวว่า ที่สำคัญปัจจุบันเวลาขึ้นรถเมล์ เด็กสมัยนี้ฟังแต่หูฟัง อยู่กับตัวเอง ไม่สนใจว่ามีคนแก่ยืนโหนรถ จิตใจแคบไปเรื่อยๆ ถ้าสังคมเราเต็มไปด้วยคนจิตใจคับแคบก็จะครียดด้วย เพราะเสียงต่างๆมันไปรบกวน ส่วนภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ จากหน้าจอแท็บเล็ต ก็จะให้เกิดความเครียด ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดบนจอได้ และอะไรที่มาเร็วหายไปเร็วจะมีผลต่อสายตา ต่อวิธีคิด สร้างอันตรายให้แก่มนุษย์ตัวน้อยๆมากขึ้น มีแต่ความทุกข์ที่อยู่กับประสบการณ์ตรงนี้ มีการวิจัยของอเมริกา พบว่าเด็กยิ่งดูภาพที่ผ่านเร็วเท่าไหร่จะจับรายละเอียดไม่ได้ จับประเด็นไม่ได้ เด็กจะโง่ เพราะสมองส่วนที่พัฒนาความคิดที่จะนำไปสู่ความเป็นมนุษย์จะเล็กลง ไม่ได้พัฒนา ทำให้ความคิดความรู้สึก จะไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเท่านั้นเอง ถ้าใช้ผิดเด็กที่น่ารักสดใส จะถดถอยลงมาไม่ต่างจากสัตว์ นี่เพราะรัฐทุกรัฐสนใจเงินทอนมากกว่าคุณภาพมนุษย์ และคุณภาพของสังคมไทย ถ้าเราไม่มีนักเลือกตั้งที่สนใจให้สังคมไทยดีขึ้นโดยพัฒนาคนให้ดีขึ้น เราก็หมดหวังกับประเทศไทย
นายสุริยนต์กล่าวอีกว่า เปลี่ยนแนวคิดได้หรือไม่ เอางบตรงนี้ไปทำประโยชน์อย่างอื่น ถ้าอยากเอาเงินทอนไปเอากระทรวงอื่นดีกว่า ปล่อยกระทรวงศึกษาธิการไป