ทบ.กำหนดทิศทางกองทัพ ระบุสิ้นภารกิจคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง ให้เดินหน้าปกป้องสถาบัน ชายแดน ยาเสพติด ยอมรับสถานภาพ รบ. ยันไม่มีปัญหาร่วมงานให้ประเทศเดินหน้า ชี้ข้อดีหน่วยเฉพาะกิจ 315 เพียบ เตรียมยื่นรบ.ใหม่ตัดสินใจต่ออายุ
วันที่ 8 ก.ค. เวลา 16.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้กล่าวถึงแนวทางการทำงานของกองทัพบกว่าจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนา องค์กรเน้นงานด้านทหารพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยเพื่อให้สามารถทำงานได้ทุกมิติ รวมถึงแผนงานข้อมูลต่างๆ ให้สอดคล้องกับนโยบายในการบริหารประเทศ และให้ผู้บังคับหน่วยดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาในทุกๆ ด้าน กำชับให้ทุกหน่วยเสริมสร้างความรักความสามัคคีในองค์กรเพื่อเป็นพื้นฐาน ขยายไปสู่ชุมชนรอบค่ายและสังคม
รองโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า ที่ผ่านมากองทัพบกและกำลังพลได้รับมอบหมายให้เข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยและ ภารกิจอื่นๆตามที่รัฐบาลได้มอบหมายในช่วงที่มีสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมือง แต่ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายกองทัพบกจะทุ่มเทปฏิบัติงานด้านความมั่นคง ดูแลชายแดน แก้ปัญหาภาคใต้ รักษาสันติภาพ แก้ปัญหายาเสพติด ที่สำคัญคือการปกป้องพิทักษ์พระมหากษัตริย์อย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ ผบ.ทบ.ได้ขอบคุณกำลังพลที่เสียสละทุ่มเทการทำงานทุกภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และยืนยันจะนำพากองทัพไปในสิ่งทีดีที่สุดในทิศทางที่เป็นไปได้ โดยขอให้กำลังพลตั้งใจทำงานตามหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ดำรงไว้ซึ่งจุดยืนของกองทัพบก การดำเนินการทุกอย่างจะยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
รองโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เตรียมข้อมูลเพื่อเสนอฝ่ายบริหาร และให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับแจ้งข้อมูลข่าวสารให้กำลังพลได้รับทราบ และเข้าใจในทิศทางเดียวกันโดยเฉพาะข้อมูลที่มาจากกองทัพบก โดยให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นมีความใกล้ชิด บอกข้อมูลข่าวสารของบ้านเมืองและความเปลี่ยนแปลงของกองทัพให้กำลังพลได้รับ ทราบ
เมื่อถามว่าจุดยืนของกองทัพต่อรัฐบาลใหม่ รองโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า กองทัพบกทำงานตามกลไกของรัฐธรรมนูญ ในส่วนของฝ่ายบริหาร ก็ทำหน้าที่บริหาร ซึ่งกองทัพบกพร้อมสนับสนุนการทำงานตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เมื่อถามว่า กองทัพบกสามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่โดยไม่มีอะไรติดใจใช่หรือไม่ รองโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า รัฐบาลมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญไม่ใช่เฉพาะกองทัพบกเท่านั้น ทุกองค์กรต้องให้ความยอมรับ พร้อมทำงานให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวถึงผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด 315 ตั้งแต่เดือน พ.ค.จนถึงขณะนี้ว่า ประสบความสำเร็จ ประชาชนพึงพอใจ โดยร้อยละ 97 มีความพึงพอใจมากที่สุดที่เจ้าหน้าที่ช่วยแก้ไขปัญหา ร้อยละ 3 พอใจปานกลางและน้อย โดยมีตัวชี้วัดสำคัญคือประชาชนนำบุตรหลานและญาติเข้ามาร่วมโครงการบำบัด ภายหลังการเข้าสำรวจถึง 76 คน รวมทั้งประชาชนยังให้เบาะแสแจ้งเรื่องร้องเรียนกับชุดปฏิบัติการของทหารโดย ตรง 171 เรื่อง
อย่างไรก็ตาม ผบ.ทบ.สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูล เพื่อเสนอแนะผู้บังคับบัญชาว่าจะมีการยึดเวลาการปฏิบัติงานของหน่วยเฉพาะกิจ 315 ออกไปหรือไม่ รวมถึงเรื่องงบประมาณที่จะสิ้นสุดในเดือน ก.ค.2554 ทั้งนี้ให้เสนอแนะข้อดีข้อเสีย รวมถึงรูปแบบการปรับปรุงการทำงานที่ผ่านมา ทั้งนี้จากการพบปะประชาชน 2,611 ชุมชนจำนวน 60,290 ครัวเรือนพบ ผู้เสพ 3,890 คน มีการตั้งจุดสกัดและปิดล้อมตรวจค้นร่วมกับเจ้าหน้าที่ 3,331 ครั้งสามารถจับกุมคดียาเสพติด 10,106 คดีผู้ต้องหา 10,293 คน ของกลางเป็นยาบ้า 3,300,000 เม็ด ยาไอซ์ 70 กิโลกรัม กัญชา 47 กิโลกรัม ทั้งนี้ การจะเดินหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด 315 ต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ เพราะเป็นเรื่องของงบประมาณ
พ.อ.ศิริจันทร์กล่าวว่า เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 กองทัพบกจัดโครงการ “อุปสมบทหมู่ 999 รูป 1 พรรษา กองทัพบกถวายเป็นพระราชกุศล เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจัดอุปสมบทหมู่จำนวน 999 รูป ในทุกกองทัพภาค ระหว่าง 16 ก.ค. ถึง 13 ต.ค. 2554 ณ วัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้กำลังพลและครอบครัว ได้แสดงออกถึงความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ่านกิจกรรมที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา