ชทพ.เชื่อเสถียรภาพรัฐบาล 300 เสียงถือว่าเข้มแข็ง แต่ต้องรักษาศรัทธาของประชาชนโดยเฉพาะการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภาฯ และหน้าตาของ ครม. หากได้รับความไว้วางใจแล้ว ถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญจะนำพาประเทศพ้นวิกฤตไปได้ โยนเพื่อไทยตัดสินใจเอากลุ่ม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” หรือไม่
วันนี้ (8 ก.ค.) นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงคะแนนเสียงของรัฐบาล 300 เสียงจะมีความมั่นคงหรือไม่ว่า คิดว่าเสถียรภาพของรัฐบาลแม้ว่าจะมี 300 เสียง สิ่งที่สำคัญประการแรก คือ เรื่องของสภาฯ มีบทเรียนที่ผ่านมาในอดีตแม้จะมี ส.ส.เสียงค่อนข้างมาก แต่เวลาประชุมพิจารณากฎหมายสำคัญก็ล่มบ่อย โดยเฉพาะช่วงก่อนยุบสภามีเหตุสภาล่มเกือบทุกสัปดาห์ ตนจึงอยากให้คนที่จะมาเป็นกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปต้องตระหนักว่า แม้เสียงจะมีมากแต่ถ้าไม่สามารถทำให้การประชุมสภาดำเนินไปได้ จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของนักการเมืองด้วย หลังเลือกตั้งประชาชนคาดหวังกับภาพลักษณ์ของนักการเมือง เห็นได้จากจำนวนประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิสูงกว่าร้อยละ 70 เป็นประวัติศาสตร์การเลือกตั้ง ดังนั้น นักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งจะต้องตระหนักและสังวรไว้เมื่อประชาชนให้ความไว้วางใจตั้งความหวังไว้ว่าการเมืองจะไปสู่พัฒนาการและการแก้ไขปัญหาได้ ก็อย่าทำให้ประชาชนผิดหวัง จะต้องตระหนักในภาระหน้าที่ของตัวเองอย่าให้สภาล่ม เพราะนอกจากจะทำลายภาพลักษณ์นักการเมืองแล้วจะฉุดให้ภาพลักษณ์ของการเมืองเสีย ไปและยากต่อการเรียกศรัทธาจากประชาชน
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ การจัดตั้งคณะรัฐมนตรียังเป็นสิ่งที่ประชาชนฝากความหวังไว้กับนักการเมืองจะทำให้บ้านเมืองพ้นจากวิกฤต เพราะฉะนั้น หน้าตาของคณะรัฐมนตรีจึงเป็นเรื่องสำคัญ ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 จึงมีความสำคัญ ต้องคำนึงถึงความรู้ความสามารถ รวมถึงภาพพจน์และภูมิหลังของนักการเมือง ตนคิดว่าถ้าสภาดีแล้วได้คณะรัฐมนตรีที่หน้าตาดีด้วย ใส่งานให้ตรงกับความรู้ความสามารถจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน เชื่อว่าในจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญจะนำพาประเทศพ้นวิกฤตไปได้
เมื่อถามว่าการที่ภายในพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำยังมีแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มและต่อรองตำแหน่งอยู่คิดว่าจะเรียบร้อยหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนมั่นว่าพรรคเมืองขนาดใหญ่มีวิธีการจัดการบริหารของตนเอง ตนเชื่อมือว่าที่นายกรัฐมนตรีในฐานะนักบริหารที่ประสบความสำเร็จมา คิดว่าว่าที่นายกฯ จะบริหารจัดการได้
เมื่อถามอีกว่าได้ให้คำแนะนำอะไรกับนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะที่ปรึกษาหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า จะต้องให้ความเข้มงวดกับผู้ที่จะมาเป็นกรรมการประสานงานของพรรคที่จะไปทำงานร่วมกับรัฐบาล โดยต้องพยายามดูแลสมาชิกที่มีไม่มากแค่ 19 คนให้ทำหน้าที่ได้ อย่าให้ขาดประชุมจนองค์ประชุมล่ม เพราะถือเป็นจุดอันตรายที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ โดยเรื่องนี้ตนได้หารือกับหัวหน้าพรรคไปแล้วรวมถึงแนวทางที่จะดำเนินการในอนาคตที่จะต้องทำด้วย
เมื่อถามว่าจำเป็นหรือไม่ ที่ต้องมีพรรคการเมืองมาร่วมรัฐบาลอีก เพื่อสร้างเสถียรภาพของรัฐบาล นายสมศักดิ์กล่าวว่า อยู่ที่พรรคแกนนำว่าจะเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองขนาดไหน ในความรู้สึกของตนคิดว่าขณะนี้จำนวน 300 เสียง ถ้าสามารถบริหารจัดการอย่างที่ตนได้บอกไปแล้ว เรื่ององค์ประชุมและเรื่องการทำงานของคณะรัฐมนตรี น่าจะทำให้การบริหารงานของรัฐบาลดำเนินไปได้
เมื่อถามว่ามีความเห็นอย่างไรกับที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาในพรรคภูมิใจไทยออกมายืนยันว่าพร้อมจะสนับสนุนรัฐบาล นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นแนวคิดที่ดี อย่างกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่า เมื่อเสียงของรัฐบาลมีเสียงข้าง มากเด็ดขาดไปแล้วการเสนอชื่อประธานรัฐสภาและนายกรัฐมนตรีจะไม่เสนอชื่อผู้อื่นมาแข่งขัน ถือเป็นรูปแบบที่ดี เพราะการเสนอชื่อแข่งขันแต่ละครั้งขอบเขตไม่ได้อยู่ในที่ประชุมสภาฯ แต่จะมีการอภิปรายโดยบางครั้งจะทำให้เสียเวลาเปล่าๆ และยังจะทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ดังนั้น การไม่เสนอชื่อเท่ากับเป็นการยอมรับและเป็นการเริ่มต้นของความปรองดอง การให้การสนับสนุนไม่ได้หมายความเพียงการยกมือสนับสนุน ความร่วมมือมีหลายอย่าง การทำงานร่วมกัน การตระหนักในภาระหน้าที่ของตนเองถือเป็นการร่วมมือที่ดี คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็รู้เหมือนกันว่าการที่ประชาชนออกไปกาบัตรร้อยละ 70 เพราะต้องการเห็นบ้านเมืองเดินหน้าไปได้ และตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็พูดเองว่าต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ เมื่อวันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาและระบอบก็ควรที่จะส่งเสริมสนับสนุนกัน