ทีมกฎหมาย ปชป.ร้อง กกต.ขอนับคะแนนใหม่ 2 เขต “จิตภัสร์-ลูกกำนันเซี้ย” อ้างเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยส่อพิรุธ และมีบัตรเสียมากผิดปกติส่วน “อี้” ร้อง “ไอ้เก่ง” หาเสียงใส่ร้ายป้ายสีเรื่องส่วนตัว เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ม.53
วันนี้ (6 ก.ค.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ว่าที่ ส.ส.สงขลา และคณะทำงานกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัครส.ส.เขต 12 กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมแถลงขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้พิจารณาผลการเลือกตั้งใหม่หลังมีข้อมูลพบว่าเกิดความไม่โปร่งใสขึ้น
โดยนายวิรัตน์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะส่งเรื่องขอให้ กกต.นับคะแนนเลือกตั้งใหม่ใน 2 เขต ประกอบไปด้วย 1.พื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 5 กรุงเทพมหานคร เพราะมีหลักฐานที่แสดงว่าในระหว่างการนับคะแนนนั้น เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยมีพฤติกรรมหยิบบัตรเพื่ออ่านและหยิบลงอย่างรวดเร็วหลายครั้งจนเกิดความน่าสงสัย รวมถึงกรณีที่ น.ส.จิตภัสร์ มีคะแนนน้อยกว่า น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เพียง 600 คะแนน ขณะที่บัตรเสียมีถึง 5,000 ใบ คิดเป็นร้อยละ 5.7 ซึ่งถือว่ามากกว่าสถิติในการเลือกตั้งในทุกครั้งที่ผ่านมา นอกจากนี้ น.ส.ลีลาวดียังหาเสียงถึงนโยบายที่อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เช่น การขึ้นเงินเดือนผู้ที่จบปริญญาตรีในอัตรา 15,000 บาทต่อเดือน การแจกเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต เป็นต้น 2.เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.กาญจนบุรี ที่พรรคส่งนายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ลงสมัครและมีคะแนนน้อยกว่าผู้ที่ได้รับชัยชนะเพียงประมาณ 160 คะแนน ซึ่งมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการนำผลคะแนนเลือกตั้งรวมหน้ามารวม
นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 12 กล่าวว่า ตนจะร้องเรียนต่อ กกต.กรณีที่ถูกผู้สมัครจากฝ่ายตรงข้ามใส่ร้ายกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 53 ทั้งจากการปราศรัย และการหาเสียง โดยการอ้างประเด็นส่วนตัว ทั้งนี้จะร้อง กกต.ว่าผู้สมัครจากฝ่ายตรงข้าม โดยผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาหลายอย่าง เช่น บอกประชาชนว่าตนเปลี่ยนนามสกุลทำให้บิดาต้องตรอมใจตาย การกล่าวหาว่าตนเป็นกลุ่มชายรักชาย การกล่าวหาว่าตนดูถูกประชาชนชาวดอนเมืองว่าจิตใจต่ำ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและส่งผลต่อการได้รับคะแนน ทั้งนี้ตนไม่ได้แพ้แล้วพาล เพราะเคยไปร้อง กกต.มาแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ด้าน น.ส.จิตภัสร์กล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องให้กกต.นับคะแนนใหม่แล้วเพราะเห็นความผิดปกติที่มีบัตรเสียมากกว่าการเป็นจริง อีกทั้งผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามยังมีการหาเสียงใช้นโยบายหลอกลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง