xs
xsm
sm
md
lg

“สดศรี” โบ้ยพรรคการเมืองติดสินบนนักข่าว โยนสื่อสอบจรรยาบรรณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (แฟ้มภาพ)
“สดศรี” ระบุข่าวเปิดอีเมลลับแฉพรรคการเมืองติดสินบนนักข่าว เป็นเรื่องของจรรยาบรรณแนะสื่อตรวจสอบกันเอง ส่วนผู้ให้เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี กวักมือเรียกมะกันสังเกตุการณ์เลือกตั้ง ยันไม่มีแผนล้มเลือกตั้ง ยังไม่แก้ระเบียบเดินหน้าเลือกตั้ง เชื่อ ปชช.ไม่โง่ ไปวัดกันที่ 3 ก.ค.หากบัตรเสียเป็นล้านๆ ก็พร้อมรับผิดชอบ กกต.กทม.ส่ง จนท.ดูป้ายสยามสามัคคีแย้มไม่ใช่ป้ายเลือกตั้งโยน กทม.จัดการ

วันนี้ (1 ก.ค.) ที่โรงเรียนศึกษานารี นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทีมีข่าวออกมาว่าพรรคการเมืองได้มีการจัดเงินให้สื่อมวลชนเพื่อให้ลงข่าวและภาพเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งว่า ในมาตรา 53 ระบุไว้ว่า ผู้ใดซึ่งหากมีการกระทำผิดของสื่อมวลชนก็ถือได้ว่าเข้าข่ายคำว่า ผู้ใดกรณีดังกล่าวได้มีการว่าจ้างกันไปในทางการลงข้อความใส่ร้ายป้ายสี หรือมีการช่วยเหลือกันหรือไม่ และตามระเบียบ กกต.ทำไม่ได้ นอกจากนี้ก็ห้ามในส่วนของสถานีวิทยุ ผู้สมัครจะไปโฆษณาหาเสียงนอกเหนือจากที่ กกต.ได้จัดสรรเวลาให้ไม่ได้ เพราะเป็นสื่อของรัฐ ไม่ให้มีการออกซื้อสปร์อตโฆษณา แต่การโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ไม่ได้ห้าม อย่างไรก็ตาม ตนจะตอบตอนไม่ได้เข้าข่ายผิดหรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป ส่วนกรณีที่มีการจัดเลี้ยงให้สื่อมวลชนติดตามไปทำข่าวนั้นก็ต้องดูว่า เป็นการกระทำให้เกิดเป็นการจูงใจให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงหรือไม่ หากมีการให้เงินเพื่อติดตามไปทำข่าวตลอดเวลาถือเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคการเมืองหรือผู้สมัครหรือไม่ และหากเป็นการติดตามไปเพื่อช่วยพรรคการเมืองหาเสียงเป็นทีมงานก็ต้องแจ้งมายัง กกต.ตามที่กฎหมายกำหนดไว้

นางสดศรีกล่าวอีกว่า ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่เรื่องนี้สื่อมวลชนเองควรที่จะต้องไปตรวจสอบกันเอง เพราะสื่อเองก็มีเรื่องของจริยธรรม และจรรยาบรรณในการควบคุมกันอยู่แล้วก็ต้องมาดูและกันเองว่า มีบุคคลใดบ้างที่ทำงานนอกกรอบหรือไม่ กกต.จะไม่ไปคอยควบคุม เพราะ กกต.มีหน้าที่ดูว่ามีการไปใส่ร้ายป้ายสีกันหรือไม่เท่านั้นเอง

นางสดศรีกล่าวถึงกรณีสมาชิกรัฐสภาของสหรัฐอเมริกาลงนามจดหมายเปิดผนึกถึงนางฮิลลารี รอดแฮม คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ส่งทีมงานเข้ามาตรวจสอบการเลือกตั้งของไทยว่า หากต่างประเทศมีความประสงค์จะส่งคณะสังเกตการณ์มาดูเลือกตั้ง กกต.ก็ยินดีให้ดูเลือกตั้งได้ ทั้งนี้มี 11 ประเทศได้ส่งผู้แทนเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกั้งแล้วตามที่ กกต.ได้เชิญ ส่วนประเทศอื่นยังไม่มีการเทียบเชิญ แต่ กกต.สามารถให้ประเทศที่ประสงค์สังเกตการณ์เลือกตั้งให้เข้ามาดูการเลือกตั้งได้ และขณะนี้ทราบว่าสหรัฐอเมริกาก็ได้ประสานติดต่อเข้ามาเพื่อสังเกตการณ์การเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้แล้ว

นางสดศรีกล่าวว่า เหตุผลที่สหรัฐฯส่งผู้แทนเข้ามาสังเกตการณ์นั้นไม่ได้มีความเป็นห่วงเรื่องใดเป็นกรณีพิเศษ แต่การเข้ามาสังเกตการณ์ครั้งนี้ก็เหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 ที่เคยมีการส่งผู้แทนเข้ามาดูการเลือกตั้งอยู่แล้ว เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ทางสหรัฐฯไม่ต้องการให้มีการปฏิวัติรัฐประหารแต่ต้องการประชาธิปไตยที่ถูกต้องและต้องการดูนักการเมืองของไทยว่ามีการซื้อสิทธิขายเสียงหรือไม่ โดยการเลือกตั้งครั้งนี้กกต.ยืนยันว่ามีความโปร่งใสในการจัดเลือกตั้งตรวจสอบได้ เพราะหาก กกต.ไม่ยอมให้มีการส่งผู้แทนเข้ามาสังเกตการณ์ก็จะมองว่าไม่มีความโปร่งใสได้ ทั้งนี้ ยินดีให้ทุกประเทศเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งได้เพื่อที่กกต.จะได้ประสานคนให้ช่วยอธิบายเมื่อต้องการลงพื้นที่และยังจะประสานให้กระทรวงการต่างประเทศให้ส่งคนมาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ประเทศที่ประสงค์จะดูการเลือกตั้งด้วย

“ส่วนเรื่องความรุนแรงหลังการเลือกตั้งนั้น กกต.ได้พยายามมประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แล้วขณะนี้ กกต.ไม่กังวลในเรื่องความรุนแรงอีกทั้งจะมีการเลือกตั้งแล้วถ้าจะมากำจัดคู่ต่อสู้กันในขณะนี้ก็คงไม่มีประโยชน์” นางสดศรีกล่าว

นางสดศรี เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมเดินรณรงค์เลือกตั้ง ส.ส.ที่โรงเรียนศึกษานารี โดยนางสดศรีได้ร่วมเดินขบวนรณรงค์ประชาสัมพันธ์ร่วมกับวงโยธวาทิต โรงเรียนศึกษานนารี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4 ผู้บริหารโรงเรียน ผู้บริหารสำนักงานเขตธนบุรีเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.โดยพร้อมเพรียงกัน ตามเส้นทางถนนประชาธิปกจนถึงวงเวียนใหญ่

ในการประชุม กกต.วันเดียวกันนี้จะมีการประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งเป็นครั้งสุดท้ายด้วย และจะมีการรายงานสถานการณ์ต่างๆเข้ามารวมทั้งจะมีเรื่องสำนวนทุจริตเลือกตั้งที่ จ.ศรีสะเกษเข้ามาให้ กกต.พิจารณาด้วยและขณะนี้คงต้องดูตามความชัดเจนในพยานหลักฐานที่มีการส่งเข้ามาว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนจะมีการสอบสวนเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้นคงต้องดูการลงมติของกกต.ว่าจะมีความเห็นให้สอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ แต่ถ้าไม่สอบเพิ่มก็จะสามารถลงมติได้ แต่การลงมติครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่ให้ใบเหลืองหรือใบแดงแต่สามารถลงมติให้ยกคำร้องก็ได้ ส่วนทุจริตเลือกตั้งที่ จ.บุรีรัมย์ยังไม่มีเรื่องส่งเข้ามาให้ กกต.พิจารณาแต่อย่างใด

นางสดศรีกล่าวงถึงกรณีที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการ นปช.ออกมาจี้ให้ กกต.ทบทวนระเบียบว่ากรณีกากบาทในช่องโลโก้ ไม่เป็นบัตรเสียว่า กรณีดังกล่าว กกต.ได้มีการประชุมกันแล้วเห็นว่าไม่ต้องมีอะไรทบทวน และศาลปกครองก็ไม่ออกมาตราการให้คุ้มครองอะไร กกต.เดินหน้าจัดการเลือกตั้งต่อไป หากมีบัตรเสียเป็นจำนวนมากเป็นล้านๆ จริงกกต.ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ อย่างไรก็ขอแจ้งต่อประชาชนเลยว่าหากเข้าคูหาแล้วกากบาทในช่องใดไม่ติด หรือมีปัญหาก็ขอให้แจ้งต่อกรรมการประจำหน่วยทันที เพื่อที่จะได้มีการบันทึกไว้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น กากบาทในช่องดังกล่าวไม่ติดหรือไม่ หากไม่ติดจริงก็สามารถขอเปลี่ยนปากกาได้ เราาจะคงไม่มีการพูดแก้ตัวอะไร

“ทุกอย่างขอให้ไปพิจารณากันในวันที่ 3 ก.ค. และ กกต.หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาคงพอใจ และคงไม่มาคุกกับ กกต. และขอให้สื่อมวลชนเป็นสีกขีพยานให้กับกกต.ด้วยซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ชะตาประเทศ และก็ไม่ได้วิตกอะไรกับเรื่องดังกล่าว มีแต่วิตกกังวลต่อเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศเท่านั้นที่จะทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคในการเลือกตั้งได้เท่านั้น ยืนยันว่าจะยังไม่มีการทบทวนหรือแก้ระเบียบอะไร และเรื่องนี้เป็นเรื่องของข้อกฎหมายหากได้เข้ามาเป็น ส.ส.ก็ขอให้ไปแก้ไขกันในสภาก็แล้วกัน” นางสดศรีกล่าว

เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวจะเป็นการจัดใจพรรคการเมืองดังกล่าวหรือไม่ว่า จะกากบาในช่องโลโก้ให้มากเพื่อเป็นบัตรเสีย และจะมาเรียกร้องให้กกต.รับผิดชอบต่อการกระทำ หรือจะทำให้เกิดเป็นคะแนน นางสดศรีกล่าวว่า เรื่องนี้ตนอยากรู้เหมือนกัน แต่เชื่อว่าประชาชนคนไทยไม่ได้โง่ อ่านหนังสือไม่ออกและประชาชนกว่า 90% ก็อ่านหนังสือออกเขียนได้ ว่าควรจะกากบาทในช่องใด และเรื่องนี้เราต้องมาดูกันในวันที่ 3 ก.ค.ว่าประชาชนจะมีการดำเนินการกากบาทที่ถูกต้องหรือไม่เพียงใด ตนเชื่อว่าประชาชนมีความเฉลียวฉลาดเพียงพอว่าอะไรเป็นอะไร ในการไปใช้สิทธิ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่สำคัญ

ด้าน นายชีวินรัฏฐ์ แก้ววัฒนะบวร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (ผอ.กต.กทม) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มสยามสามัคคีขึ้นป้ายคัตเอาต์ไม่ให้เลือกพรรคที่เผาบ้านเผาเมืองว่า ขณะนี้สำนักงาน กกต.กทม.ได้ส่งพนักงานสืบสวนเข้าไปตรวจสอบป้ายดังกล่าวอยู่ ซึ่งจะต้องดูป้ายของกลุ่มสยามสามัคคีได้มีข้อความพรรคการเมืองใดหรือไม่ที่จะเข้าข่ายเป็นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่ถ้าไม่มีการระบุชื่อพรรคการเมืองในป้ายดังกล่าวก็เป็นเรื่องลำบากในการพิจารณาว่าจะเป็นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่ ดังนั้นคงต้องดูลักษณะของป้ายดังกล่าวก่อนว่าจะมีความชัดเจนหรือไม่ เพราะหากไม่ใช่ป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งก็เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบในพื้นที่คือกทม.โดยให้สำนักงานเขตในพื้นที่จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวคงจะต้องมีการตรวจสอบว่าเนื้อหาของป้ายดังกล่าวมีการโจมตีใส่ร้ายพรรคการเมืองใดหรือไม่มีข้อความระบุถึงชื่อพรรคการเมืองใดหรือไม่ซึ่งจะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานก่อน โดยเบื้องต้นกกต.กทม.จะวินิจฉัยก่อนจะส่งเรื่องให้ กกต.กลางพิจารณา
กำลังโหลดความคิดเห็น