ชพน.โคราช รับกระแส พท.แรง มั่นใจฐานเสียงกลุ่ม ขรก.-เกษตร ยังเหนียวแน่น หากไม่มีกระสุนคืนหมาหอน โค้งสุดท้ายเน้นชูผลงาน “น้าชาติ” ด้านทายาท “สุวรรณฉวี” ระบุโดนรังแกหลังสิ้นพ่อ แฉ ขรก.ยังไม่เป็นกลาง เหตุ กกต.ไม่สอบ เผย พิรุธเตรียมขนคนเลือกล่วงหน้า พอถูกร้องจาก 5 พัน มาแค่ 5 ร้อย
วันนี้ (28 มิ.ย.) นายประเสริฐ บุญชัยสุข ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผนดิน (ชพน.) กล่าวถึงสถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง โดยยอมรับว่า กระแสพรรคที่แรงอย่างพรรคเพื่อไทยนั้น ทำให้การแข่งขันรอบนี้ตนรู้สึกหนักใจ แต่จากการลงพื้นที่ช่วงโค้งสุดท้ายสอบถามประชาชนก็พอมีความหวังว่าประชาชนชาวโคราชยังจะเลือกตัวบุคคลอยู่ ซึ่งพื้นที่เขต 3 นั้น ตนต้องต่อสู้กับ นางลินดา เชิดชัย ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
“หากถามกลุ่มข้าราชการครูเขาก็ยังเลือกผม กลุ่มเกษตรกรก็ยังเลือกผม แต่ถ้าเป็นวัยรุ่นอาจจะให้กระแสพรรครักประเทศไทย ของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มากกว่า ส่วนกระแสพรรคเพื่อไทยนั้น โดยภาพรวมต้องให้ยอมรับว่าแรงต่อเนื่อง แต่หากตัวบุคคลตนมั่นใจว่าสู้ได้ หากไม่มีกระสุน (ตัวเงิน) ในการซื้อเสียงในช่วงคืนหมาหอน ตนก็คิดว่าจะสู้ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยได้” นายประเสริฐ กล่าว
ด้าน นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นครราชสีมา ชพน.กล่าวว่า เลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัครยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่าเหนื่อยมาก โดยเฉพาะกระแสพรรคใหญ่ที่มาแรง ทำให้พรรคท้องถิ่นนิยมก็ประมาทไม่ได้ทีเดียว จะต้องทำงานลงพื้นที่อย่างหนักโดยช่วงโค้งสุดท้าย พยายามตอกย้ำกับชาวโคราชโดยการเดินเคาะประตูบ้าน เพื่อย้ำว่า พรรค ชพน.เป็นพรรคของคนโคราชอย่างแท้จริง และในการปราศรัยใหญ่ที่ศาลากลางจังหวัด ก็จะเน้นย้ำถึงผลงานที่พรรคทำงานเพื่อคนโคราชมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ก่อตั้งพรรค
ขณะที่ นายพลพีร์ สุวรรณฉวี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 9 จ.นคราชสีมา ชพน.กล่าวว่า หลังจากคณะผู้สมัครของ ชพน.และพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ กกต.เข้ามาตรวจสอบการวางตัวของข้าราชการระดับสูงในจังหวัด ที่มีการเอนเอียงเข้าข้างบางพรรคอย่างเห็นได้ชัด จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบทั้ง กกต.จังหวัด และ กกต.กลาง โดยขณะนี้ยังมีการช่วยเหลือในทางลับกับผู้สมัครบางพรรคอยู่ ซึ่งมีข้อสังเกตจากกรณีการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในบางอำเภอมีตัวเลขผู้ขอใช้สิทธิถึง 5,000 คน แต่เมื่อได้แจ้งให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องการขนคนมาลงคะแนนทำให้เหลือผู้ใช้สิทธิเพียง 500 คน ซึ่งตรงนี้ส่อเจตนาไม่ปกติ
“หลังจากคุณพ่อ (ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่ม 3 พี) เสียชีวิต รู้สึกว่า พวกเราโดนรังแกมาก วันนี้ก็ต้องหวังพึ่งเสียงของประชาชน เพราะเขารู้ว่าเราทำอะไรให้กับคนที่นี่บ้าง และสังเกตได้จากการตอบรับของประชาชนว่าต้องการความเปลี่ยนแปลง” นายพลพีร์ กล่าว
วันนี้ (28 มิ.ย.) นายประเสริฐ บุญชัยสุข ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผนดิน (ชพน.) กล่าวถึงสถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง โดยยอมรับว่า กระแสพรรคที่แรงอย่างพรรคเพื่อไทยนั้น ทำให้การแข่งขันรอบนี้ตนรู้สึกหนักใจ แต่จากการลงพื้นที่ช่วงโค้งสุดท้ายสอบถามประชาชนก็พอมีความหวังว่าประชาชนชาวโคราชยังจะเลือกตัวบุคคลอยู่ ซึ่งพื้นที่เขต 3 นั้น ตนต้องต่อสู้กับ นางลินดา เชิดชัย ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
“หากถามกลุ่มข้าราชการครูเขาก็ยังเลือกผม กลุ่มเกษตรกรก็ยังเลือกผม แต่ถ้าเป็นวัยรุ่นอาจจะให้กระแสพรรครักประเทศไทย ของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มากกว่า ส่วนกระแสพรรคเพื่อไทยนั้น โดยภาพรวมต้องให้ยอมรับว่าแรงต่อเนื่อง แต่หากตัวบุคคลตนมั่นใจว่าสู้ได้ หากไม่มีกระสุน (ตัวเงิน) ในการซื้อเสียงในช่วงคืนหมาหอน ตนก็คิดว่าจะสู้ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยได้” นายประเสริฐ กล่าว
ด้าน นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นครราชสีมา ชพน.กล่าวว่า เลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัครยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่าเหนื่อยมาก โดยเฉพาะกระแสพรรคใหญ่ที่มาแรง ทำให้พรรคท้องถิ่นนิยมก็ประมาทไม่ได้ทีเดียว จะต้องทำงานลงพื้นที่อย่างหนักโดยช่วงโค้งสุดท้าย พยายามตอกย้ำกับชาวโคราชโดยการเดินเคาะประตูบ้าน เพื่อย้ำว่า พรรค ชพน.เป็นพรรคของคนโคราชอย่างแท้จริง และในการปราศรัยใหญ่ที่ศาลากลางจังหวัด ก็จะเน้นย้ำถึงผลงานที่พรรคทำงานเพื่อคนโคราชมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ก่อตั้งพรรค
ขณะที่ นายพลพีร์ สุวรรณฉวี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 9 จ.นคราชสีมา ชพน.กล่าวว่า หลังจากคณะผู้สมัครของ ชพน.และพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ กกต.เข้ามาตรวจสอบการวางตัวของข้าราชการระดับสูงในจังหวัด ที่มีการเอนเอียงเข้าข้างบางพรรคอย่างเห็นได้ชัด จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบทั้ง กกต.จังหวัด และ กกต.กลาง โดยขณะนี้ยังมีการช่วยเหลือในทางลับกับผู้สมัครบางพรรคอยู่ ซึ่งมีข้อสังเกตจากกรณีการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในบางอำเภอมีตัวเลขผู้ขอใช้สิทธิถึง 5,000 คน แต่เมื่อได้แจ้งให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องการขนคนมาลงคะแนนทำให้เหลือผู้ใช้สิทธิเพียง 500 คน ซึ่งตรงนี้ส่อเจตนาไม่ปกติ
“หลังจากคุณพ่อ (ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่ม 3 พี) เสียชีวิต รู้สึกว่า พวกเราโดนรังแกมาก วันนี้ก็ต้องหวังพึ่งเสียงของประชาชน เพราะเขารู้ว่าเราทำอะไรให้กับคนที่นี่บ้าง และสังเกตได้จากการตอบรับของประชาชนว่าต้องการความเปลี่ยนแปลง” นายพลพีร์ กล่าว