โฆษกองทัพบกระบุได้มีคำสั่งให้กำลังพลพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยอมรับเป็นกลไกของรัฐ แต่เรื่องปกป้องอธิปไตยต้องมาก่อน ย้ำ จะไม่ปล่อยให้กัมพูชารุกรานผืนแผ่นดินเด็ดขาด และเชื่อว่ากัมพูชาไม่อยากทำสงครามกับไทย
วันนี้ (27 มิ.ย.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า แม้จะมีการพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารของกองกำลังป้องกันชายแดนของเรา กับทหารของกัมพูชา แต่อยู่บนพื้นฐานที่ต่างฝ่ายต่างต้องระมัดระวัง เรายืนยันในเจตนารมณ์เดิมว่า การเตรียมการของเราเพื่อปกป้องอธิปไตย ไม่ได้ต้องการเป็นฝ่ายรุกใคร ขณะเดียวกัน เราเคยยื่นข้อเสนอในหลายโอกาสว่าในพื้นที่ที่เป็นปัญหากันอยู่ หากทางกัมพูชาถอยออกไปทางเราก็พร้อมถอยออกมา แล้วจะได้ให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการ เพื่อกำหนดเขตแดนที่ชัดเจนในโอกาสต่อไป แต่กัมพูชาไม่ตอบสนองเรื่องนี้ ขณะนี้ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงในพื้นที่ แต่กองทัพบกเรียนยืนยันว่า เราเป็นกลไกของรัฐพร้อมปฏิบัติตามสิ่งที่รัฐบาลได้กำหนดมาเพื่อปกป้องอธิปไตยเรา โดยไม่ได้รุกรานใครก่อน และเชื่อมั่นว่า กระบวนการแก้ไขปัญหามีอีกมากมายหลายวิธีไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้าต่อสู้กันอย่างเดียว มีวิธีการอีกเยอะในการพูดคุยเจรจา ดังนั้น ยังหวังว่าสิ่งต่างๆ น่าจะไปในทิศทางที่ดี แต่เพื่อความไม่ประมาทเราก็เตรียมพร้อม สำหรับประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทางกองทัพได้เตรียมพร้อมในการดูแลประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีที่ทางการไทยจับสายลับกัมพูชาได้ อาจจะทำให้ทางกัมพูชารู้ถึงที่ตั้งทหารของไทย พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องปกติในการจับสายลับได้ โดยเฉพาะชาติที่เป็นคู่กรณีกัน เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการหาข่าวของฝ่ายตรงข้าม แต่ฝ่ายไทยเรามีมาตรการต่อต้านการข่าวรั่วอยู่แล้ว ถือเป็นระเบียบปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยของแต่ละหน่วย ถึงจะไม่มีการจับสายลับได้ ปกติในที่ตั้งหน่วยเราจะเปลี่ยนจุดและพิกัดอยู่เสมอ การตั้งหน่วยย่อยไม่ได้หมายความว่า เราจะตั้งเป็นหน่วยถาวรตลอดไป เรามีการปรับเปลี่ยนที่ตั้งตลอดเวลา ทั้งที่ตั้งหน่วย ที่ตั้งรถถัง ที่ตั้งปืนใหญ่ แต่เราคงจะไปออกข่าวไม่ได้ว่าเราทำอะไรบ้าง ขออย่าได้เป็นห่วงในเรื่องนี้ เราพร้อมรับมือตลอดเวลา เมื่อความลับถูกเปิดเผย เราก็ต้องปรับเปลี่ยนที่ตั้งหน่วยอยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นระเบียบปฏิบัติทางทหารอยู่แล้ว
“ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างก็ประกาศว่าเป็นพื้นที่ของตนเอง ดังนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายจะล่วงล้ำเข้าไปไม่ได้ แต่หากจะให้เราไปไล่เขาออกจากพื้นที่ทั้งหมดคงต้องเกิดสงครามกัน ดังนั้น ตอนนี้เราจะไม่ให้แต่ละฝ่ายเพิ่มเติมคนลงไปในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น และเราจะไม่ยอมให้ใครมารุกล้ำอธิปไตยของไทย เรามีศักยภาพในการดูแลพื้นที่ของเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปรุกรานเขา ซึ่งเชื่อมั่นว่า ทั้ง 2 ฝ่ายไม่อยากใช้กำลังในการแก้ไขปัญหา เพราะการแก้ไขปัญหามีหลากหลายวิธี เช่น การเจรจาร่วมกัน แต่ในการเปิดโต๊ะเจรจาต่างฝ่ายต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ทั้งหมดก่อน แต่เมื่อกัมพูชาไม่ยอมออกเราก็ต้องเตรียมความพร้อมในการป้องกันอธิปไตยของเราเช่นกัน” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
