โฆษกพันธมิตรฯ โต้ “ปลอด” ยันมรดกโลกเก่าไม่ได้รับผลกระทบ ชี้ไม่เกี่ยว ม.190 เหตุไม่มีผลต่ออาณาเขตราชอาณาจักร ยัน “สุวิทย์” ทำถูกต้องแล้ว ชูมะกันก็ลาออก ชี้โบราณสถานมีคุณค่าในตัวไม่จำเป็นต้องให้ใครมาตัดสินเป็นคุณค่าของโลก “จำลอง” สับพูดลอยๆ ลั่นสูญรายได้นิดหน่อยดีกว่าเสียดินแดนแน่
วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่าไม่เห็นด้วยกับการที่ไทยถอนตัวออกจากมรดกโลกนั้น เห็นว่านายปลอดประสพยังขาดความเข้าใจเรื่องมรดกโลกหลายประการ อาทิ การถอนตัวออกจากมรดกโลกนั้นไม่ได้กระทบจากมรดกโลกที่ได้ขึ้นทะเบียนไปแล้วในอดีต ไม่ว่าจะเป็นมรดกโลกที่ไหนก็ตาม หากขึ้นทะเบียนไปแล้วก็ถือว่ายังคงเป็นมรดกโลกอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้มีการถอนทะเบียนมรดกโลกในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว อีกประการหนึ่ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 190 เอาไว้ใช้สำหรับสนธิสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขต แต่ในทางตรงกันข้าม กรณีของมรดกโลกนั้นไม่พึงจะต้องเกี่ยวข้องกับอาณาเขตแต่ประการใด ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่คณะกรรมการมรดกโลกนั้นพยายามจะทำก็คือการใช้เครื่องมือทางวัฒนธรรมและหวังเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ โดยที่นายสุวิทย์ยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบจากรัฐสภา ดังนั้นจึงเป็นการที่ถูกต้องแล้วที่นายสุวิทย์ถอนตัวออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลกล่วงหน้าก่อนที่จะมีข้อผูกพันใดๆ ที่จะมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตต่อประเทศไทย
นายปานเทพกล่าวว่า ความเป็นมรดกโลกนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ประเทศไทยในหลายพื้นที่และทั่วโลกมีหลายพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนไปเยอะมาก และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเลย แม้แต่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาก็ลาออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลกเช่นเดียวกัน โบราณสถาน โบราณวัตถุใดๆ สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม ไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นทะเบียนมรดกโลกถึงจะมีคุณค่า
“คุณค่าของความเป็นโบราณสถาน หรือว่าพื้นที่ทางธรรมชาติ จะมีคุณค่าก็เกิดขึ้นด้วยตัวมันเอง ไม่จำเป็นต้องให้องค์กรใดองค์กรหนึ่งเป็นคนตัดสินว่าเป็นคุณค่าของโลกหรือไม่ มันมีคุณค่าด้วยความสวยงามของตัวเองที่คนไทยสามารถภาคภูมิใจได้ ดีกว่าให้องค์กรนานาชาตินั้นเข้ามาประทับตรารับรอง แล้วเราต้องแลกไปด้วยกับอธิปไตยของชาติและดินแดนของชาติ” นายปานเทพกล่าว
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การถอนตัวออกจากมรดกโลกไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดินแดนเลย ในการประกาศถอนตัวจากภาคีมรดกโลก เราไม่ได้ดินแดนอะไรเพิ่มขึ้นมา และเราก็ไม่ได้เสียดินแดนไปจากการประกาศนี้ ดังนั้น การที่นายปลอดประสพกล่าวอ้างขึ้นมาแบบลอยๆ นั้นถือเป็นการอ้างที่ไม่ถูกต้อง และเป็นการคำนึงถึงเรื่องการท่องเที่ยวมากเกินไป
“ถามว่าการที่ไปถอนตัวจากมรดกโลก ถามคนที่จังหวัดมีการท่องเที่ยวเยอะๆ หรือยัง ว่าเขาเห็นด้วยหรือเปล่า อาจจะมีผลบ้างในเรื่องนักท่องเที่ยวแต่ก็ไม่มากมายอะไรนัก สมมติว่ามีผลเต็มที่ ก็ลองมาเทียบว่า ถ้าไม่ถอนตัวจากมรดกโลกซึ่งเราจะต้องเสียดินแดนแน่นอน ไปถามคนที่เขาอยู่จังหวัดชายแดนหรือเปล่า ตั้งแต่ จ.อุบลราชธานีถึง จ.ตราด 1 ล้าน 8 แสนไร่ ต้องอพยพออกจากดินแดนของตัวเอง ที่ดินของตัวเอง ซึ่งอยู่ตั้งแต่บรรพบุรุษนานนักหนาแล้ว ยกให้เขมร มันหนักนักหนายิ่งกว่าการสูญเสียรายได้ไปบ้างอันเนื่องจากการท่องเที่ยว เรื่องนี้ต้องคิดให้ดี” พล.ต.จำลองกล่าว