แรงไม่ใช่ย่อยสำหรับสนามเลือกตั้งเมืองน้ำดำ-จ.ศรีสะเกษ เพราะนอกจากในวันอังคารที่ 28มิ.ย.นี้มีวาระที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะนัดพิจารณารอบสองในการให้ใบเหลือง-ใบแดง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ศรีสะเกษคนหนึ่ง
หลังจากที่เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต.เคยมีมติ 4 ต่อ 1 ให้กกต.จังหวัดศรีสะเกษกลับไปทำสำนวนกลับมาใหม่ ซึ่งเสียงเดียวที่สั่งฟันทันทีก็ไม่ใช่ใครอื่น คือ นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่เป็นผู้คุมเรื่องการสอบสวนการทุจริตการเลือกตั้งโดยตรง
ที่บอกว่าแข่งกันแรงถึงขั้นศรีสะเกษอาจจะเป็นจังหวัดแรกที่ประเดิมใบเหลือง-ใบแดงแล้ว ก็เพราะเมื่อช่วงดึกคืนวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน ก่อนหน้าวันเลือกตั้งล่วงหน้าหนึ่งวัน ก็มีคนร้ายขี่มอเตอร์ไซด์โยนระเบิดเข้าใส่สำนักงานหาเสียงเลือกตั้ง ของนางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ อดีต ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 3 หนึ่งในตัวเต็งของพรรคภูมิใจไทย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ดูแล้วก็เห็นชัดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ แต่ไม่รู้กลุ่มไหนเป็นคนลงมือ และเชื่อว่าคงจับมือใครดมไม่ได้อีกเช่นกัน
เรื่องที่ต้องลุ้นต่อไป ก็คือ กกต.จะจับฟาวล์ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ คนหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่พรรคขนาดใหญ่แต่เป็นผู้สมัครพรรคขนาดเล็ก (ของอดีตเจ้าพ่อที่หนีคดีโกงแผ่นดินไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน) ให้ออกจากสนามเลือกตั้งหรือไม่
โดยผู้สมัครายนี้ชื่อชั้นในพื้นที่ถือว่าไม่เลว แต่หากโดนยาแรงถึงขั้นใบแดงขึ้นมา ก็น่าจะมีผลแค่เฉพาะส่วนตัวและพรรคก็ขาดโอกาสที่จะได้ที่นั่งเข้ามาเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพรรคเพราะผู้สมัครรายนี้ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย หากโดนใบแดงจริง ก็ไปไม่ถึงขั้นยุบพรรค
ทั้งนี้ ศรีสะเกษ มี 8 เขตเลือกตั้ง เดิมหลายคนคิดว่า ภูมิใจไทย จะส่งคนบี้กับเพื่อไทยแบบเขตต่อเขต เนื่องจากเป็นพื้นที่อีสานใต้ แต่พบว่า บางเขตเลือกตั้ง ภูมิใจไทย ก็ไม่ได้มีการส่งคนลงสมัคร เพราะหลายเขตเลือกตั้ง กระแสและตัวของเพื่อไทยแข็งโป๊กเจาะยาก
เลยต้องใช้วิธีฮั้วแทน ปล่อยให้พรรคชาติไทยพัฒนาที่มีตัวดีๆกว่าภูมิใจไทยมาก ลงไปซดกับเพื่อไทยเองดีกว่า คะแนนจะได้ไม่ตัดกัน ในฐานะที่ชาติไทยพัฒนากับภูมิใจไทย ก็ใช่อื่นไกล จับมือกันเป็นพันธมิตรการเลือกตั้งกันตั้งแต่ยังไม่ยุบสภาด้วยซ้ำ
เช่น เขต 1 ที่เป็นการแข่งขันกันอย่างดุเดือดของสองตระกูลใหญ่ในอำเภอเมือง ศรีสะเกษ คือตระกูล “เครือรัตน์” มี ธเนศ เครือรัตน์ เด็กปั้นเฉลิม อยู่บำรุง นำทีม กับตระกูลอังคสกุลเกียรติ ของมานะพันธ์ อังคสกุลเกียรติ
หรือเขต 5 ที่ชาติไทยพัฒนาส่ง อมรเทพ สมหมาย ชนกับ ธีระ ไตรสรณกุล อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ เพื่อไทย เขตนี้ภูมิใจไทยก็ไม่ส่งคนลงไปตัดคะแนน
อีกหนึ่งจังหวัดที่ต้องลุ้นก็คือ จ.บุรีรัมย์ ที่เป็นข่าวมาหลายอาทิตย์แล้ว ต้องคอยดูว่าจะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุม กกต.อังคารนี้ด้วยหรือไม่ เพื่อให้ลงมติควบคู่ไปกับคดีที่ศรีสะเกษ
กรณีของบุรีรัมย์นั้น เดิมมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้จากฝ่ายพรรคเพื่อไทยว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งแจกเงินกันที่บุรีรัมย์ แต่เวลานั้นเพื่อไทย แค่ตั้งโต๊ะแถลงข่าว แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไร ไม่มีการแสดงหลักฐานอะไรแน่ชัด
แล้วจู่ๆ ก็มีคนไปปล่อยคลิปลงในเว็บไซต์ยูทิวบ์เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ในลักษณะทำให้คนเข้าใจว่าที่สนามเลือกตั้งบุรีรัมย์ มีการตั้งโต๊ะจ่ายเงินให้กับประชาชนในพื้นที่กันอย่างโจ๋งครึ่ม ดูแล้วก็เห็นชัดว่าคนที่เอาภาพไปปล่อยในยูทิวบ์ต้องการปล่อยหลักฐานนี้ ให้ออกมาก่อนที่กกต.ทั้งหมดจะได้เห็นหรือพิจารณาสำนวนด้วยซ้ำ
เหมือนกับหวังกดดัน กกต.ไปในตัวว่า หาก กกต.ไม่เอาผิดหรือปล่อยผี โดยไม่มีเหตุผล
5 เสือ กกต.ก็งานเข้าแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากดูท่าทีของ กกต.แล้วเห็นได้ว่า กรณีที่บุรีรัมย์ กกต.บางคนอย่างอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ยังบอกเองเลยว่า มีความชัดเจนจากหลักฐานทางภาพถ่าย โดยให้สัมภาษณ์ด้วยว่าได้ดูแล้วในภาพมีการนั่งแจกเงินกันภายในโต๊ะ มีคนรายล้อมจำนวนมาก แต่หลักฐานที่ส่งเข้ามาของทางตำรวจเป็นเพียงภาพที่ได้มา มันไม่ใช่สำนวน ดังนั้นจึงส่งเรื่องไปให้ กกต.จังหวัดดำเนินการ
แค่นี้ก็พอจับสัญญาณได้ว่า คดีเลือกตั้งบุรีรัมย์ยังเป็นหนังเรื่องยาว
ขณะที่หัวหน้าทีมคุมพื้นที่ บุรีรัมย์ ของพรรคภูมิใจไทย คือ โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ทาง กกต.ยังไม่ได้ทำอะไร แต่เจ้าตัวก็ออกมาป้องลูกทีมแล้วว่าได้ทำการสอบถามผู้สมัคร ส.ส.ในเขตดังกล่าวแล้วพบว่า เป็นการให้เงินแก่อาสาสมัครของพรรคที่มาช่วยหาเสียง พร้อมคุยทับ ที่บุรีรัมย์ ทำไมภูมิใจไทยต้องซื้อเสียง เพราะเอางบมาลงพื้นที่บุรีรัมย์จำนวนมากโดยเฉพาะการสร้างถนน ขนาดให้ชาวบ้านในบุรีรัมย์ทั้งหมดออกเงินคนละ 1 หมื่นบาทก็ยังสร้างถนนไม่ได้
ก็แก้ตัวข้างๆ คูๆ กันไป เป็นตรรกกะของนักการเมืองลิงหลอกเจ้า
เหลืออีกแค่หนึ่งสัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้ง ผู้คนพากันบอกเงินสะพัด ซื้อเสียงแจกเงินกันโจ๋งครึ่ม แต่กกต.ยังทำงานแบบหวานเย็น เหมือนทุกอย่างยังปกติ
ถ้าหาก กกต.ไม่ใช้ความเด็ดขาดกล้าลงโทษคนทุจริต การเลือกตั้ง 3 ก.ค.น่าจะเป็นครั้งที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยกลวิธีสกปรกมากที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เมืองไทยผ่านการเลือกตั้งมาทั้งหมด 25 ครั้ง เพราะฉะนั้นเราต้องร่วมกันต่อต้านการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยการออกไป “โหวตโน” ให้กระหึ่มกึกก้อง เพื่อปฏิรูปการเมืองของประเทศ
“โหวตโน” หยุดได้ทั้งระบอบทักษิณและระบบอภิสิทธิ์-สุเทพแน่นอน