หัวหน้าชาติไทยพัฒนา หาเสียงชัยภูมิ โวเลือกพรรคได้ “ชุมพล” แถม “บรรหาร” ยันผสมพันธุ์ดูตามนโยบาย ลั่นต้องได้เก้าอี้เกษตรฯ ด้วย “ปิยะพันธ์” หวังแก้รัฐธรรมนูญเพื่อนาย
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ จ.ชัยภูมิ นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมคณะได้ปราศรัยหาเสียงที่อำเภอบ้านเขว้า และอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ เพื่อช่วย นายอาคม หาญนอก ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 ชัยภูมิ นายชูเดช เร่งไพบูลย์วงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 ชัยภูมิ และ นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 ชัยภูมิ พรรคชาติไทยพัฒนา หาเสียง โดย นายชุมพล กล่าวว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พี่ชายของตนได้ฝากมาบอกกับชาวจังหวัดชัยภูมิ ว่า นายบรรหาร และพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่เคยทิ้งชาวชัยภูมิ เพราะได้สนับสนุนโครงการทุกอย่างผ่านนายเชวงศักดิ์มา ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา และแหล่งท่องเที่ยว และการเลือกตั้งคราวนี้พรรคขอส่งผู้สมัครทั้ง 3 คนเป็นตัวแทนพรรคเข้าไปทำงานในสภา เพื่อช่วยตนทำงาน และถ้าเลือกให้เป็น ส.ส.ได้ทั้ง 3 คน ก็จะได้แถมตนและนายบรรหารไปด้วย และยังจะแถมจังหวัดสุพรรณบุรี ทั้งจังหวัดอีก คงไม่มีใครไม่รู้จักบึงฉวาก ซึ่งมีโอกาสจะได้ไปเที่ยว และตนก็มายืนยันว่า ทำงานให้จริง อีกทั้งหลังเลือกตั้งก็จะขอดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“มีคนถามผมว่า หลังเลือกตั้งจะผสมพันธุ์กันอย่างไร ซึ่งตามกติกาแล้ว ถ้าพรรคไหนได้อันดับ 1 จะต้องได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน คือ ต้องเป็นพรรคที่ได้คะแนนมากที่สุด แต่ถ้าจัดไม่ได้ก็ค่อยให้พรรคที่ 2 เขาจัด เราก็ต้องมาดูว่า นโยบายมันไปด้วยกันได้หรือไม่ ถึงจะไปร่วมจัดกับเขา และพรรคนั้นต้องยอมรับนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนาได้ เราจะยอมร่วมรัฐบาลด้วย และพรรคชาติไทยพัฒนาก็จะขอกระทรวงเกษตรฯ ถ้าไม่ให้ก็ไม่ร่วม” นายชุมพล กล่าว
ด้าน นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตีลิสต์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวปราศรัยว่า ตนเองไม่เคยมีผลงานทางการเมือง เพราะไม่เคยคิดเล่นการเมือง แต่ปัญหาการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เห็นชัดว่า ประเทศต้องการความปรองดอง เมื่อพรรคชาติไทยพัฒนาชูนโยบายดังกล่าวชัดเจน จึงตัดสินใจเข้าร่วม และเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ทั้งนี้ เห็นว่า ส่วนหนึ่งที่จะทำให้เกิดความปรองดอง ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมเกิดขึ้น เช่น รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า ร่างหลังการปฏิวัติ โดยใช้มือขวาเขียน มือซ้ายถือปืน และยังเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญที่ร่วมร่างกันมา ดังนั้น ควรต้องมีการแก้ไขให้ได้รับความเป็นธรรม เช่น นายบรรหาร ที่ปัจุจุบันได้รับผลกระทบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม แม้แต่การเลือกตั้งก็ไม่มีสิทธิในการลงคะแนน ดังนั้น ถ้าจะเกิดความปรองดองอย่างแท้จริงต้องแก้รัฐธรรมนูญ