ชทพ.พลิ้วปล่อยเกาะภูมิใจไทย หลังประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมเพื่อแม้วตั้งรัฐบาล กั๊กเป็นพันธมิตรแค่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แต่ทุกอย่างต้องรอหลังเลือกตั้ง
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคพันธมิตรกับพรรคชาติไทยพัฒนาออกแถลงการณ์ไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่าเป็นบรรยากาศของการเลือกตั้งมากกว่า ยังไม่มองเป็นเรื่องอื่น ขณะที่คะแนนเสียงสูสีกันทุกฝ่ายต่างพยายามออกนโยบายตัดคะแนนเสียงซึ่งกันและกัน ดังนั้น พรรคชาติไทยพัฒนาถือว่าเป็นแค่บรรยากาศของการเลือกตั้งเพื่อแย่งชิงคะแนนเสียงจากประชาชนเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์แบบนี้ลำบากใจหรือไม่เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาอยู่ตรงกลางระหว่างความขัดแย้งของพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย นายชุมพลกล่าวว่า ไม่ลำบากเพราะพรรคมีวิธีการดำเนินนโยบายแนวทางปรองดองทุกฝ่ายมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน พรรคชาติไทยพัฒนาไม่มีความลำบากใจเลย เพราะการที่เราจับมือกับพรรคภูมิใจไทยเป็นสัญญาประชาคมเพื่อทำงานทางการเมืองต่อไป แต่กับพรรคเพื่อไทยเรายังไม่มีอะไรกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนการตัดสินใจจะเอียงไปทางพรรคภูมิใจไทยมากกว่า นายชุมพลกล่าวว่า ต้องดูภายหลังการเลือกตั้งก่อน เพราะคนที่ตัดสินใจ คือ ประชาชนไม่ใช่พรรคการเมือง
ต่อข้อถามว่า ทั้งสองพรรคเมื่อได้แต่งงานกันแล้วมีโอกาสหย่าร้างกันหรือไม่ นายชุมพลกล่าวว่า การแต่งงานกับกิจกรรมทางการเมืองต้องแยกออกจากกัน การแต่งงานคือการอยู่ในครอบครัว กิจกรรมภายนอกใครมีหน้าที่อะไรก็ไปทำตามหน้าที่ ไม่ได้เกี่ยวข้องซึ่งกันและกันกับการอยู่บนเตียง
ส่วนการอยู่กับพรรภูมิใจไทยเป็นการทำกิจกรรมหรือการอยู่บนเตียงนั้น นายชุมพลกล่าวว่า เราสัญญากันว่าเราจะทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกัน หมายความว่ามีอะไรก็ปรึกษาหารือซึ่งกันและกันก่อนโดยเฉพาะการเลือกตั้งก็ควรมาหารือกันก่อนว่าควรจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เรายังไม่ได้พูดถึงประเด็นอื่นๆ เลย ขณะที่เราจับมือกันส่วนใหญ่จะหารือเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคขนาดกลางจะจับมือร่วมกันให้ได้ 100 เสียงขึ้นไปเพื่อสร้างอำนาจต่อทางการเมืองในการร่วมรัฐบาล นายชุมพลกล่าวว่า ยังพูดไม่ได้ว่าจะได้ 100 เสียงต้องรอหลังการเลือกตั้งว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ พรรคชาติไทยพัฒนายังตั้งความหวังไว้ที่ 35 เสียง ส่วนพรรคการเมืองอื่นเราไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขไม่ว่าจะเท่าไหรก็มีความหมายเหมือนกันทั้งหมดแม้กระทั่งเพียง 1 เสียงก็มีความหมาย ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเหตุการณ์หลังการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลว่าใครจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน ทั้งนี้ตามหลักควรให้พรรคการเมืองที่มีเสียงอันดับหนึ่งได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นห่วงหรือไม่กับคะแนนเสียง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคหรือไม่หลังจากพบว่ามีการแข่งขันกันรุนแรงมาก นายชุมพลกล่าวว่า ภาพส่วนรวมก็เป็นไป โพลที่ออกมาแต่สำหรับในภาคพื้นที่ถือเป็นคนละภาพกันที่ยึดตัวบุคคลมากกว่าแต่ไม่ได้สะท้อนภาพของความเป็นจริงในแต่ละพื้นที่วัดกันไม่ได้