“มาร์ค” ผิดหวัง “ยิ่งลักษณ์” สั่งแดงหยุดป่วนไม่ได้ ทั้งที่โจกแดงมีบัญชีอยู่ในระบบปาร์ตี้ลิสต์ลำดับต้น โชว์สปิริตหรือแกล้งโง่ ลั่นไม่ใช้มาตรการเด็ดขาดปราบแดง ทั้งที่ขบวนการขัดขวางการหาเสียงผิด กม.เลือกตั้งชัดเจน ย้ำปราศรัยราชประสงค์ 23 มิ.ย.ไม่มีถอย แค่ประกาศให้ทุกคนรู้ พื้นที่จุดนี้อย่าให้กลุ่มใดเข้ามาผูกขาด ไม่หวั่นเสื้อแดงจ้องส่งแก๊งป่วน
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่โรงแรมโฟร์ซีซันส์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อลำดับ 1 พรรคเพื่อไทย ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาก่อกวนการหาเสียงของพรรคการเมืองอื่นและไม่สามารถห้ามปราม เนื่องจากเป็นเหตุผลทางการเมือง ว่า กรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.) เป็นผู้ที่มาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เรื่องการประท้วงของคนเสื้อแดงอย่างเดียว แต่จะเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่ที่มีปัญหาคือเขามาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่จะเป็นกรณีอย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกผิดหวังที่นางสาวยิ่งลักษณ์พูดว่าไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะแกนนำคนเสื้อแดงอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดอยู่แล้ว สรุปแล้วถ้าหากคนกลุ่มนี้ทำอะไรก็ได้ ก็น่าเป็นห่วง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่กลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าจะใส่ชุดผีมาฟังการปราศรัยนั้น จะส่งผลให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างรัฐบาลกับกองเชียร์ขึ้นมาอีก หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้ตนอยากจะชี้ให้เห็นว่า จริงๆ แล้ว ใครพยายามที่จะทำให้มีความขัดแย้งหรือความแบ่งแยก หลายกลุ่มหลายฝ่าย มีโอกาสที่จะพูดในสิ่งที่ตนเองเชื่อ ในสิ่งที่ตนเองคิดมาโดยตลอด แต่ทำไมเมื่อทางพรรคประชาธิปัตย์หรือคนของรัฐบาลพยายามพูดจะต้องมีการมาขัดขวาง ตรงนี้คือสิ่งที่ตนอยากจะถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ทำไมคนอื่นถึงไม่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก ประชาชนไม่มีสิทธิที่จะได้ฟังข้อความ ไม่ได้รู้ข้อมูลจากฝ่ายอื่นบ้าง นอกจากฝ่ายตนเอง
เมื่อถามว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ให้ปรามนั้น จะทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงฮึกเหิมและตามขัดขวางการหาเสียงอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะมีผลอย่างไร แต่อย่างน้อย น่าจะแสดงจุดยืนบ้างว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้ ตนพูดบนเวทีปราศรัยทุกเวทีว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องไม่กวนการหาเสียงของพรรคการเมืองอื่น ซึ่งการขัดขวางการหาเสียงของพรรคการเมืองน่าจะผิดกฎหมายการเลือกตั้งด้วย ตนก็อยากมีสปิริตที่ดี ยังไม่อยากใช้มาตรการในเรื่องของกฎหมาย แต่เรียกร้องทางพรรคเพื่อไทยและนางสาวยิ่งลักษณ์ จะแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ได้ไหม
เมื่อถามว่า อาจเป็นเพราะมีการรอคำสั่งจากทางต่างประเทศอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตรงนี้ต้องถามนางสาวยิ่งลักษณ์ เมื่อถามต่อว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาขับไล่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์พยายามพูดเรื่องการเผาบ้านเผาเมืองใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวปฏิเสธว่าไม่ใช่ จากการที่สื่อมวลชนตามไปปราศรัยทุกที จะเห็นว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงมาชูป้ายและตะโกนต่างๆ เพราะว่าต้องการยึดพื้นที่สื่อ เพราะการนำเสนอข่าวสารของสื่อในแต่ละวันนั้น ถ้าเป็นการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยก็สามารถเสนอสิ่งที่พรรคเพื่อไทยอยากเสนอได้ตลอดเวลา แต่เมื่อเป็นพรรคประชาธิปัตย์มีกระบวนการมาทำแบบนี้ข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องไปปนกับเรื่องนี้มาโดยตลอด จึงไม่เกี่ยวอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นกระบวนการที่ทำมาต่อเนื่องอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.)เราเพียงไปเดินเยี่ยมพบปะพี่น้องประชาชนในตลาดเท่านั้น และตนก็ตัดสินใจไม่เข้าไป เพราะเกรงว่าจะมีการปะทะที่รุนแรงกว่านี้
เมื่อถามว่า กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ เพราะจะต้องไปหาเสียงในอีกหลายพื้นที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนต้องเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นหน้าที่ของตนเพียงแต่เรียกร้องสปิริตของนักการเมืองฝ่ายอื่นว่าตกลกจะทำการเมืองแบบไหน และต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ถ้าเราคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกต้องวันข้างหน้าต่อไป ถ้าทุกคนทำ บ้านเมืองก็จะยิ่งวุ่นวาย วันนี้จึงต้องพูดให้ชัดว่าสังคมเราว่าจะเดินแบบไหน จะเดินกันไปโดยเคารพสิทธิของทุกฝ่ายหรือจะมีคนกลุ่มหนึ่งมีสิทธิดีกว่ากลุ่มอื่นได้
เมื่อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์จับประเด็นเรื่องการชุมนุมตรงนี้ จะทำให้เป็นดาบสองคมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความจริงกับประชาชน และมีผลสำคัญ ขณะนี้ประเด็นเรื่องของการที่จะอ้างเรื่องของการปรองดอง แต่สุดท้ายไปจบลงที่การนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือเรื่องเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ที่พ.ต.ท.ทักษิณแสดงชัดเจนว่าต้องการ และต้องนำมาจากภาษีของประชาชน ตรงนี้จึงเป็นเรื่องที่ตกกับประชาชนอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันที่ตนย้ำวันนี้สังคมจำเป็นที่จะต้องดูว่าจะเลือกให้เดินแบบไหน ถ้าเรายอมรับการกระทำในลักษณะที่จะเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าต่อความรุนแรงตลอดเวลา ผลกระทบก็จะมาถึงประชาชนในเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องความเป็นอยู่และเรื่องอื่นๆ ด้วย
เมื่อถามว่า การปราศรัยในวันที่ 23 มิ.ย.ที่แยกราชประสงค์ถือเป็นไม้ตายในช่วงโค้งสุดท้ายใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีไม้ตาย ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ พรรคประชาธิปัตย์จะไปปราศรัยตามปกติ ไปบอกกับพี่น้องคนไทยว่าพื้นที่ราชประสงค์เป็นพื้นที่ของประเทศไทยของคนทุกกลุ่มทุกสี ไม่มีใครมีสิทธิ์ ที่จะมาผูกพัน และตนได้กำชับทีมงานว่าจะไม่มีการทำความเดือดร้อนให้กับประชาชน ซึ่งการปราศรัยจะเป็นบริเวณเวิล์ดเทรด เซ็นเตอร์ และจะพยายามไม่ให้กระทบต่อการจราจร
เมื่อถามว่า ที่นายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะไปปราศรัย มันจะยิ่งสร้างความขัดแย้งมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปขัดแย้งกับใคร แต่ถ้าคนจะไม่สร้างความขัดแย้ง พี่น้องประชาชนก็ต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะยอมให้คนที่สร้างความขัดแย้งทำอะไรได้ตามใจชอบเสมอไปหรือไม่ เมื่อถามต่อว่ากิจกรรมตรงนี้จะสามารถดึงคะแนนจากประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่สามารถตอบได้ เพราะพี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน เมื่อถามว่า คิดว่าจะเป็นการดึงคะแนนความนิยมในกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ให้สูงขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ค่อยมีปัญหา มั่นใจว่าพี่น้องประชาชนต้องการที่จะเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ต้องการที่จะส่งสัญญาณให้กับสังคมไทยเองปละชาวโลกว่าประเทศไทยต้องการเป็นประเทศที่เคารพกติกา เป็นสังคมที่ต้องการให้ผู้บริหารประเทศดูแลเอาใจใส่ปัญหาของประชาชน
เมื่อถามว่า ยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเกิดพูดเรื่องตอกย้ำเรื่องการเผาบ้านเผาเมือง จะทำให้ได้คะแนนเสียงมากขึ้น หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครมาพูดตอกย้ำเรื่องการเผาบ้านเผาเมือง และไม่ ทราบว่ายุทธศาสตร์พรรคใด ตนยืนยันว่าไม่มี เราพยายามจะชี้ให้เห็นถึงทางเลือกที่ชัดเจนของประเทศ เมื่อการนำเสนอต่างๆ ออกมชัดแล้ว นโยบายแตกต่างกันอย่างไร และเราได้บอกว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เรามุ่งเน้นเรื่องการแก้ปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติด และพรรคเพื่อไทยออมาพูดเองว่างานสำคัญงานแรกคือเรื่องการนิรโทษกรรม เราก็มีความห่วงใยว่าตรงนั้นจะนำไปสู่ความวุ่นวาย ไม่ได้ตอบโจทย์ของประชาชน และอาจจะไปซ้ำเติมบ้านเมืองเท่านั้นเอง แต่ขณะเดียวกันมีการมากล่าวหาตนและพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับเหตุการณ์ตลอด ซึ่งตนพยายามทำอย่างนุ่มนวลที่สุด คือการเขียนลงเฟซบุ๊คของตนเอง ซึ่งก็มาโวยวายไม่ให้ตนเขียน มาจำกัดสิทธิ์ของตน นับเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ตนจึงไม่ทราบว่าทำไมต้องกลัวความจริงกัน