xs
xsm
sm
md
lg

“ปุ” ไม่เลิกตอแย “โหวตโน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ “กระแสโหวตโน” ที่ภาคประชาชนโดย “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินหน้ารณรงค์ขับเคลื่อน” กำลังเดินหน้ารณรงค์อยู่อย่างเต็มที่ โดยหวังให้เกิดอำนาจต่อรองกับฝ่ายการเมือง ภายหลังการเลือกตั้ง 3 ก.ค.54 และนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่

ซึ่งถือเป็น “ทางรอด” เพียงทางเดียวของประชาชนคนไทยตาดำๆ ที่สิ้นหวังจากบรรดานักการเมืองเสือสิงห์กระทิงแรด ที่จำแลงร่างมาเป็น “เหลือบ” กัดกินประเทศชาติบ้านเมืองจนผุกร่อนอย่างในปัจจุบัน

กระแสที่ทะยานพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากพลังของมวลชนที่เข้าร่วมการเดินรณรงค์โหวตโนที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพลังที่แม้ว่าอาจจะไม่ได้เป็นคนเสื้อเหลืองหรือพันธมิตรฯ แต่ก็เข้าร่วมในแคมเปญนี้ด้วย เพราะสัมผัสได้ว่าเป็น “ทางสว่าง” ของชาติอย่างแท้จริง

จึงไม่แปลกที่บรรดานักการเมืองจะชายตามองการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ รอบนี้ด้วยความกังวลใจ เพราะโพลหลายสำนักชี้ตรงกันว่า ยังมี “พลังเงียบ” อยู่ไม่น้อยกว่า 40-50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคหรือนักการเมืองคนใด เนื่องจากร้อยทั้งร้อยต่างสะอิดสะเอียนกับระบบการเมืองและพฤติกรรมของ“นักกินเมือง” ในปัจจุบันอย่างเต็มกลืน

เป็นเหตุให้มีการปล่อยข่าวออกมาโจมตีพันธมิตรฯ และแกนนำอยู่เนืองๆ รวมถึงวาทกรรมโบราณคร่ำครึที่ว่า “ไม่เลือกเขามาแน่”

แต่ก็ไม่อาจทำให้พลังบริสุทธิ์ที่หลอมรวมกันในครั้งนี้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด

หรือแม้แต่ “นักการเมืองใหญ่”ที่เสนอตัวเป็นายกฯ และว่ากันว่ามี“เครดิตดี” ทางสังคมอย่าง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หัวหน้าพรรครักษ์สันติ ที่คอยมาตั้งหน้าตั้งตาโจมตีการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน โดยเฉพาะประเด็นการรณรงค์โหวตโนอยู่เสมอ

ตั้งแต่การโจมตีว่าการโหวตโนเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์ และขอให้มาเลือกตัวเอง หรือการแสดงท่าทีไม่พอใจกับป้ายหาเสียงชุด “อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา” ที่ออกท่าทาง “รับไม่ได้” และจี้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องปลดออกโดยเร็ว

เรื่องนี้ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์โฆษกพันธมิตรฯ ก็เคยฝากถามไปถึง “ปุระชัย” ว่าสัตว์ตัวไหนใน 5 ชนิดที่ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจถึงขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา

แต่พอเข้าใกล้ช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง “ปุระชัย” ก็ออกอาการ “วีนแตก” พาดพิงการรณรงค์โหวตโนเป็นครั้งที่ 3 โดยขอร้องว่า อย่าไปโหวตโน เพราะเป็นการไม่ให้เกียรติกัน และนักการเมืองไม่ได้เลวไปเสียหมด พร้อมโวยด้วยว่า มีคนนำป้ายโหวตโนไปติดหน้าพรรครักษ์สันติ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม

สาเหตุที่ “ปุระชัย” ต้องออกโรงมา“จองล้างจองผลาญ” ภาคประชาชนด้วยตัวเอง ก็เพราะว่าจากการเช็คกระแสตัวเองแล้ว ก็พบสัจธรรมว่านับวันมีแต่เตี้ยลงๆ สวนทางกับการรณรงค์โหวตโนอย่างสิ้นเชิง

โดยพยายามมองว่าการโหวตโนเป็นการแย่งคะแนนเสียงของตัวเองไป

แต่ “ปุระชัย” กลับไม่เคยลองพินิจพิเคราะห์ตัวเองว่า ที่ไม่สามารถเรียกคะแนนเสียงให้ตัวเองและพรรคต้นสังกัดได้นั้น เพราะคนไทยรู้ดีว่าความเป็นจริงกับภาพลักษณ์ที่ปรากฎนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ความซื่อสัตย์ตรงเป็นไม้บรรทัดก็มลายหายไปนานแล้ว จากทั้งการสวมบทในฐานะคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ดึงดันปกป้อง “เพื่อนสนิท”อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ไม่มองถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หรือการที่ปรากฏชื่อของ “บุตรชาย” เข้ารับราชการตำรวจด้วย “ระบบพิเศษ” ไม่ผ่านการสอบแข่งขันเหมือนดังเช่นคนอื่น แถมยังมีคุณสมบัติไม่ตรงกับตำแหน่งที่ได้รับการบรรจุอีกด้วย

จุดนี้เองที่ทำให้แม้แต่พวกเดียวกันอย่าง “คนสีเลือดหมู” เองก็ไม่เชียร์ แต่ไปสนใจพรรคอื่นมากกว่า อาจจะมีก็แต่เพียงบรรดา “นายตำรวจแก่ๆ” ใน สโมสรศิษย์เก่านักเรียนนายร้อยสามพราน ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นที่ยังคงเหนียวแน่นและให้การสนับสนุนอยู่

หรือแม้แต่กลุ่มวัยรุ่น “ฉี่ม่วง” ที่คงไม่เลือกอย่างแน่นอน เพราะกลัวว่า “ปุระชัย” จะคัมแบ็กกลับมาจ้องตรวจ “ฉี่เด็ก”มากกว่ามุ่งงานด้านอื่น หรืออาจลืมตรวจ“เลือดสีม่วง” ของคนใกล้ตัว

เหลือก็แต่เพียงกลุ่มคนที่ห่างไกลข้อมูลข่าวสารเท่านั้น ที่อาจจะยังหลังในภาพลักษณ์ของ “ปุระชัย” ที่ยังคง “บังตา”ไว้ได้ และหันมาลงคะแนนให้

ทั้งหลายทั้งปวงจึงเป็นเหตุให้ “ปุระชัย” ต้องมาดิ้นรนคว้าคะแนนคนอื่นแทน

การที่พยายามโวยวายว่า การกระทำของภาคประชาชนนั้นไม่ให้เกียรติต่อกัน ในทางกลับกัน “ปุระชัย” ต่างหากที่ไม่ให้เกียรติประชาชน เพราะการออกมากล่าวเช่นนี้ ก็เหมือนกับไม่เคารพในสิทธิการตัดสินใจของผู้อื่นต่างหาก

จึงมีคำถามตามว่า นี่หรือคือแนวทางของ “คนดีไม่มีเสื่อม”

สุดท้ายก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า หากเข้าตาจนเมื่อไร “นักเลือกตั้ง” ก็พร้อมดิ้นรนฟาดงวงฟาดงา ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองเข้าสู่ “อำนาจ” ให้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น