“สนธิ” ปลุกวิญญาณทหารหาญ ทำหน้าที่เสาหลักค้ำจุนสังคม อย่าปล่อยการเมืองฉ้อฉลมากัดกร่อน ย้ำบทบาทสำคัญทหารช่วยบ้านเมือง คอยขัดขวางเลือกตั้งทุจริต ขับไล่รัฐบาลโกง สร้าง ปชต.ที่ถูกต้อง แต่โชคร้ายมีนายไม่เอาไหน ไม่กล้าแสดงความรักชาติคอยแต่ปกป้องนักการเมือง เร่งเดินหน้า “โหวตโน” เมินปากสุนัขเห่าหอน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”
เมื่อเวลา 21.10 น.วันที่ 16 มิ.ย.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” โดยได้ฝากไปถึงทหารทุกคนว่า หน้าที่ของทหารคือการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ซึ่งเป็นเสาหลักของสังคมไทย โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นมีทหารเป็นเสาหลัก ส่วนประชาชนนั้นเป็นเหมือนพื้นของตัวบ้านที่ทำให้เสาคือสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ได้อย่างมั่นคง สถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชนจะแยกออกจากกันไม่ได้ ต้องเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ส่วนสถาบันทางการเมืองนั้น ตราบใดที่ยังเต็มไปด้วยกิเลส ความฉ้อฉล ชั่วช้าสามานย์ มีแต่การโกหกพกลม มีแต่การลงทุนเข้าไปกอบโกยผลประโยชน์ ย่อมถือว่าสถาบันการเมืองไม่สามารถเป็นเสาหลักของสังคมได้เลย
ดังนั้น สถาบันที่เป็นหลักของสังคมคือศาสนาและพระมหากษัตริย์ที่จะต้องอยู่อย่างมั่นคง โดยมีเสาหลักค้ำจุนคือทหาร เพราะฉะนั้นพี่น้องทหารหาญอย่าได้ประมาทตัวเอง บทบาทของพวกท่านสำคัญต่อชาติบ้านเมือง เพียงแต่ท่านโชคร้ายที่มีเจ้านายที่ใช้ไม่ได้มาถึงสองยุคสองสมัย ตั้งแต่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มาเป็น ผบ.ทบ.ประชาชนไม่รังเกียจพวกท่าน มิหนำซ้ำยังมองไปที่พวกท่านเพื่อหวังพึ่งพิงเหมือนเป็นทางออกสุดท้ายที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น
นายสนธิ กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญในช่วงหลังได้ผ่องถ่ายอำนาจของทหารไปให้นักการเมือง หลังยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นต้นมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและนายกรัฐมนตรีคือคนที่จะเสนอรายชื่อแต่งตั้งโยคย้ายนายทหารขึ้นทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ท่านไม่มีทางเลือกอื่นเพราะกฎหมายเปิดไว้แค่นั้น ท่านต้องโปรดเกล้าฯ ลงมา นั่นคือช่องทางการวิ่งเต้นขึ้นมาเป็นหัวหน้าใหญ่ของแต่ละกองทัพเพื่อกินงบประมาณในการซื้อาวุธ แล้วได้อาวุธที่ไร้ประสิทธิภาพมาให้ทหารใช้
ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน เพราะทหารคือเสาค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เข้มแข็ง เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน บำรุงศาสนาให้งดงาม บ้านเมืองจะได้เจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าทหารเป็นเสาที่ปล่อยให้นักการเมืองมากัดกร่อนเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ตั้งแต่ยุค พล.อ.อนุพงษ์เป็นต้นมาไม่มียุคไหนที่สถาบันกษัตริย์จะคลอนแคลนเท่ากับสองยุคนี้
พี่น้องทหารต้องไม่ปฏิเสธการเลือกตั้ง แต่ต้องปฏิเสธการทุจริตเลือกตั้ง ท่านต้องออกมาบอกว่า หากมีการเลือกตั้งดังเช่นที่เป็นอยู่นี้ต่อไป การเข้ามาของ ส.ส.ที่ซื้อเสียงเข้ามา ไม่ต่างอะไรจากโจร ถ้ามีการทุจริตเลือกตั้ง บทบาทของทหารต้องออกมาล้มการเลือกตั้งนี้เสีย แล้วให้เลือกตั้งใหม่ ถ้าทุจริตอีกก็ล้มอีก จนกว่าจะได้การเลือกตั้งที่สะอาด ได้นักการเมืองที่ดีเข้ามาในสภา นี่คือบทบาทของทหารหาญที่ควรจะเป็น ไม่ใช่บทบาทที่ออกมาบอกว่าให้ไปใช้สิทธิเลือกคนดีที่สุด ซึ่งเมื่อฟังไปฟังมาสรุปแล้วคือการบอกให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์
“นี่แหละคือบทบาททหารในการส่งเสริมประชาธิปไตย ถ้าต้องล้มการเลือกตั้ง 10 ครั้ง ก็ล้มไป และถ้ารัฐบาลคอร์รัปชั่นก็ต้องตบเท้าไล่มันออกไป พอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาท่านก็ตบเท้ากลับเข้ากรมกองไป นี่แหละบทบาทของท่าน หรือถ้ารัฐบาลจะยกดินแดนให้เขมร ท่านก็ต้องตบเท้าเข้าไปหามัน บอกมันเอาดินแดนคืนมา ถ้ามันทำไม่ได้ก็ไล่มันออกไป แล้วเอารัฐบาลใหม่ที่ทำได้มาบริหาร นี่แหละจึงจะเรียกว่าทหารของพระราชาพระราชินีและทหารของประชาชน”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ที่น้องทหารลองดูเจ้านายของท่านว่าวันนี้ได้ทำหน้าที่พิทักษ์ชาติบ้านเมืองหรือเปล่า เขาเข้ามาพิทักษ์นักการเมืองที่เขาได้ประโยชน์ด้วยแค่นั้นเอง ถึงเวลาที่พี่น้องทหารต้องรวมตัวกันอย่าไปฟังมัน ถ้าพวกมันยังนิสัยเสีย ก็รวมตัวกันจัดการมันซะ เพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไป ท่านต้องบอกว่า ถ้ามีการเลือกตั้งก็จะเข้ามาควบคุมไม่ให้ซื้อสิทธิขายเสียง ถ้ามีการซื้อสิทธิขายเสียงก็จะล้มเลือกตั้ง ท่านทำแบบนี้ไม่ได้ทำลายประชาธิปไตยแต่เป็นการส่งเสริมให้มีประชาธิปไตยที่ถูกต้อง และสมควรแก่การเชิดชู ทหารไม่ใช่มีหน้าที่แค่สวนสนาม ทำเท่ห์ ดีแต่พูด ปัญหาคือเมื่อใดก็ตามที่เราเอาอดีตนายทหารมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมและอยู่ในสังกัดนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลนั่นคือจุดจบของทหาร
“ผมต้องอธิบายให้ฟังว่าพวกคุณคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่โชคร้ายที่นายคุณไม่มีนายคนไหนที่มีหัวใจที่แท้จริง ที่จะแสดงความรักชาติรักบ้านรักเมืองออกมา ไม่มีมา 2 ยุคแล้ว มันควรจะหมดสิ้นแล้วนายแบบนี้”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า การโหวตโนครั้งนี้ เป็นประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ เกิดมาไม่เคยมีแบบนี้ เมื่อเวลายิ่งผ่านไป คนยิ่งเห็นด้วยมากขึ้นล่าสุดคือาจารย์เขียน ธีรวิทย์ ที่เขียนบทความออกมา ทุกคนมีบทสรุปว่าโหวตโคือการส่งเสริมประชาธิปไตย โหวตเยสคือการทำลายประชาธิปไตย พี่น้องที่ฟังรายการนี้อยู่ที่บ้าน ดูทีวี ดูนเทอร์เน็ตอยู่ทั่วโลก หรือยู่ที่นี่ ขอให้ทราบว่าจิตใจพี่น้องที่เข้าใจเรื่องโหวตโนคือสิ่งที่ประเสิรฐที่สุดในทางปัญญาในเรื่องกระบวนการประชาธิปไตย อย่าไปใส่ใจพวกปากสุนัขที่เห่าหอนทางช่อง 11 และคลื่น 92.25 มันไม่มีราคาหรอก เพราะได้พิสูจน์แล้วว่ามันถูกซื้อแล้ว เรามีเวลาเหลืออยู่อีก 14 วัน เราจะเดินหน้าโหวตโนให้เต็มที่