“เจ๊ปู” ลงหาเสียงภาคใต้ ประกาศให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ บอกไม่ได้ห้อยพระอะไรเป็นพิเศษ เพราะขอพรจากพระในการลงพื้นที่หาเสียงแล้ว ด้านทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยอัด “กรณ์” กล่าวหาต่างชาติเทขายหุ้นเพราะกลัวเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล ระบุเป็นการให้ข้อมูลไม่ครบทำประชาชนสับสน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 มิ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเริ่มจุดแรกที่ จ.นราธิวาส เพื่อช่วย นายภูวเดช เจ๊ฮูเซ็ง ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขตที่ 1 นายดาโต๊ะ สุธิพันธ์ เขต 2 นายยูโซ๊ะ แวยูโซ๊ะ เขต 3 นายเตาฟิก สะมะแอ เขต 4 พรรคเพื่อไทยหาเสียง โดยหลังหาเสียงที่จ.นราธิวาสแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะขึ้นรถแห่ไปยังจ.ยะลา โดยผ่านตัวเมือง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเครื่องบินไป จ.นราธิวาสว่า การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้จะสนับสนุนให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นเขตปกครองพิเศษเหมือนเช่นเมืองพัทยา ส่วนตัว ไม่ได้ตั้งเป้าว่าในพื้นที่จะได้ ส.ส.จำนวนกี่ที่นั่ง แต่ต้องการลงพื้นที่เพื่อเสนอนโยบายมากกว่า และอยากไปให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการเห็นการใช้ความรุนแรง ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้กังวลอะไร และไม่ได้ห้อยพระอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ได้รับพรจากพระในพื้นที่ที่ลงช่วยหาเสียงมาโดยตลอดแล้ว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมช.คลัง ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้ให้สัมภาษณ์ว่าการที่หุ้นตกและนักลงทุนต่างประเทศเทขายนั้น เกิดมาจากการที่พรรคเพื่อไทยมีโอกาสสูงในการชนะการเลือกตั้งและเป็นรัฐบาลนักลงทุนจึงเทหุ้นหนี เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและอาจจะทำให้นักลงทุนไทยและประชาชนคนไทยสับสนเหมือนกับการที่ออกมาบอกเรื่องการซื้อดาวเทียมไทยคม ที่ไม่ได้มีการซื้อขายจริงแต่อย่างไร เป็นเรื่องที่คนในตลาดทราบกันดีว่าเป็นเพียงการปล่อยข่าวเพื่อปั่นหุ้นเท่านั้น
ทั้งนี้ ปัญหาปัจจุบันที่หุ้นตกเป็นเพราะการเทขายหุ้นที่เกิดขึ้นทั้งโลก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา และในยุโรป โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่ปรากฏว่าหุ้นดาวน์โจนส์ได้ตกติดต่อกันมากว่า 6 สัปดาห์แล้ว ปัญหาส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากความกังวลในอัตราเงินเฟ้อในตลาดที่เกิดใหม่ (Emerging market) โดยเฉพาะในประเทศจีน และในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะประเทศไทยที่รัฐบาลไม่สามารถคุมระดับราคาสินค้าที่แพงได้ ทำให้นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นออกทั้งโลกเพื่อเฝ้าดูไม่ใช่แต่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
นายพิชัยกล่าวว่า อันที่จริงนักลงทุนต่างประเทศต่างก็ทราบดีอยู่แล้วว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนคนไทยมีโอกาสสูง โดยสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก เช่น บลูมเบิร์ก ก็ได้รายงานเรื่องนี้เมื่อหลายเดือนก่อนที่มีการจัดงานของตลาดหลักทรัพย์ โดยตนเองยังได้รับเชิญไปให้ความเข้าใจกับนักลงทุนต่างชาติ ถึงนโยบายและแนวความคิดของพรรคเพื่อไทยโดยประชันกับนโยบายของพรรคประชาธิปัติย์ ซึ่งปรากฏว่านโยบายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยดีกว่าของพรรคประชาธิปัตย์มาก ขนาดสื่อที่ไม่ได้เข้าข้างพรรคเพื่อไทย เช่นหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เอเอสทีวี ยังชมว่าเหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์ทุกด้าน ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างประเทศมั่นใจ ดัชนีหลักทรัพย์ก็เพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอด จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ที่เกิดความผันผวนทั้งโลก
ดังนั้นจึงอยากให้นายกรณ์ได้ให้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน อย่าได้ทำให้ประชาชนสับสนเหมือนที่มาบอกว่าดัชนีหลักทรัพย์จะขึ้นถึง 1,700 จุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ รมว.คลังไม่ควรพูด ถ้าเป็นในประเทศอื่น รมว.คลังคงต้องลาออกไปแล้ว และถ้าหากรัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้ดีตามที่พูด ป่านนี้ก็คงไม่ต้องกังวลว่าพรรคฝ่ายค้านจะได้รับความนิยมมากกว่า ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนได้พิจารณาว่าที่ผ่านมารัฐบาลมีผลงานอย่างไรในการบริหารประเทศ อย่าได้สับสนกับการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องที่ทำกันมาโดยตลอดในรัฐบาลนี้
นายพิชัยกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะได้มีการส่งตัวแทนเข้าให้ความรู้และความเข้าใจกับกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ในเร็วๆนี้ เพื่อให้เห็นภาพอนาคตว่าหากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้าบริหารประเทศ ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าและเป็นผู้นำของประเทศในกลุ่มอาเซียนได้ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อตลาดโลกหยุดผันผวน นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอีกอย่างแน่นอน เพราะปัจจัยพื้นฐานดี และจะมีการเจริญเติบโตที่สูงเมื่อพรรคเพื่อไทยได้มีโอกาสเป็นรัฐบาล อีกทั้งพรรคเพื่อไทยจะเข้าตรวจสอบการปั่นหุ้นที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้อย่างจริงจังเพื่อจะนำคนผิดมาลงโทษ เพื่อไม่ให้มีการนำข้อมูลภายในมาใช้เพื่อหาประโยชน์ได้อีก
