xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” งง กกต.ใช้กฎหมายใดปลดป้ายโหวตโน - ท้า “มาร์ค” โชว์หลักฐาน “สนธิ” พบ “แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” มึน! กกต.ใช้ข้อกฎหมายใดสั่งปลดป้าย “โหวตโน” ในเมื่อไม่ขัดกฎหมายใดเลย สงสัยประชุมกันจริงหรือเปล่า ชี้ต้องรอพรรคเพื่อฟ้าดินได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ยังไม่มีผลทางกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติตาม ซัด “มาร์ค” ปากพล่อยใส่ร้าย “สนธิ” เคลียร์ “แม้ว” บอกระวังโดนฟ้องหมิ่นประมาท พร้อมท้าถ้าจริงโชว์หลักฐานเลย เนื่องจากเป็นถึงนายกฯ มีอำนาจสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดักฟัง-ติดตามได้อยู่แล้ว

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันที่ 8 มิ.ย. เวลา 21.10 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่ากรณีที่ กกต.มีมติ 4 ต่อ 1 ให้ปลดป้ายรณรงค์โหวตโนที่มีรูปสัตว์ต่างๆ นั้นยังไม่มีรายละเอียดข้อเท็จจริงที่ชัดเจน และยังไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการจาก กกต.ถึงพรรคเพื่อฟ้าดินที่เป็นเจ้าของป้าย ฉะนั้น วันนี้ในทางปฏิบัติก็คือยังไม่มีคำสั่งใดๆ จาก กกต.นั่นเอง จนกว่าหนังสือและคำสั่งนั้นจะมาถึงพรรคเพื่อฟ้าดินอย่างเป็นทางการเท่านั้น เราถึงจะวินิจฉัยเหตุผลได้ว่าท่านเอาเหตุผลอะไรมาวินิจฉัย

ตอนนี้ถือว่า พรรคเพื่อฟ้าดิน และพี่น้องประชาชนยังไม่ทราบคำสั่ง ไม่มีหน้าที่ต้องไปปฏิบัติตามคำสั่งของ กกต. เพราะเรายังไม่ทราบว่าท่านเอาเหตุผลอะไรมาวินิจฉัย คำวินิจฉัยจะมีผลโดยชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อคำวินิจฉัยนั้นได้แจ้งให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทราบอย่างเป็นทางการ จึงจะมีผลที่ต้องปฏิบัติ แต่ตราบใดหนังสืออย่างเป็นทางการยังไม่ถึงพี่น้อง ยังไม่ถึงพรรคเพื่อฟ้าดิน ก็ถือว่ายังไม่มีคำสั่งใดๆ จาก กกต. ใครจะอ้างอะไรเราไม่สนใจ กกต.ไม่ใช่เทวดา จะออกคำสั่งใดๆ ต้องมีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายรองรับ ไม่ใช่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ หรือภายใต้แรงกกดดันของพรรคการเมืองใดกลุ่มใด

นายประพันธ์กล่าวว่า ความจริงแล้วมีคนอ้างว่าถ้าจะให้พรรคเพื่อฟ้าดินปลดป้ายได้ มีฎหมาย 2 ฉบับเท่านั้น คือ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535  ตนก็เปิดดูแล้ว คำตอบของท่านมีชัย ฤชุพันธุ์ ก็บอกว่าถ้าอ้าง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ ดูเหมือนจะอ้างไม่ได้ เพราะการติดป้ายหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองนั้น เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 ซึ่งมีฐานะสูงกว่า พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ จึงไม่สามารถเอามาใช้กับการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งได้ และตนก็เห็นอย่างนั้น

ทั้งนี้ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่น อบต. อบจ. กรุงเทพฯ เมืองพัทยา เทศบาลทุกแห่ง มีหน้าที่อำนวยความสะดวกการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ ไม่มีหน้าที่ไปขัดขวางการหาเสียงเลือกตั้งปัญหามันมีเพียงเรื่องเดียว คือการติดป้ายประกาศในเทศบาล อบต. อบจ.นั้นก็จะอยู่ในมาตรา 10 ระบุไว้ว่า การโฆษณาด้วยการปิด ทิ้ง หรือโปรยแผ่นประกาศหรือใบปลิวในที่สาธารณะ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ และต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนดในหนังสืออนุญาตด้วย โดยหลักก็มีอยู่แค่นี้

“การโฆษณาเลือกตั้งหาเสียงของทุกพรรคก็ได้ทำหนังสือขออนุญาตเจ้าหน้าที่เขต ผู้ว่าฯ กทม. ปลัดอำเภอ อบต. อบจ.  และหน่วยงานเหล่านั้นมีหน้าที่อนุญาตเพื่อส่งเสริมการเลือกตั้ง พรรคเพื่อฟ้าดินก็ทำหนังสือตามระเบียบ ตามกฎหมายทุกประการ และได้รับอนุญาตตามกฎหมาย จึงมีสิทธิติดป้ายรณรงค์ได้ตามกฎหมาย” นายประพันธ์กล่าว

ส่วนเรื่องป้ายหาเสียง ตามระเบียบ กกต.ก็ไม่มีรายละเอียดอะไรเป็นข้อห้าม มีเพียงรายละเอียดว่าป้ายควรมีขนาด เนื้อหาข้อความคร่าวๆ อย่างไร ไม่มีข้อห้ามว่าจะต้องมีข้อความว่าอย่างนั้น อย่างนี้ ไม่มีรายละเอียด และติดตามสถานที่ที่ กกต.กำหนดและได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ซึ่งการติดป้ายโหวตโนนั้นก้ไม่ได้เป็นไปตามข้อห้ามใดๆ ของ กกต.เลย

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า มาที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา 59-60 ก็ไม่ได้ให้อำนาจ กกต.สั่งปลดป้ายใครได้ตามอำเภอใจ ต้องมาดูว่าถ้าอ้าง พ.ร.บ.ความสะอาดฯ ก็ต้องปลดทุกป้าย ต้องฟังเหตุผลข้อเท็จจริงข้อกฎหมายว่า กกต.มั่วหรือเปล่า เพราะพรรคที่ได้รับความเสียหายมีสิทธิฟ้องได้  ไม่กลัวไม่วิตก เดินหน้าต่อไป คอยดูระหว่าง กกต.กับพรรคเพื่อฟ้าดินใครแม่นข้อกฎหมายมากกว่ากัน ไม่ต้องกังวล

มาดูที่มาตรา 59 ระบุว่า ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการของรัฐในการสนับสนุนการเลือกตั้ง ในเรื่องดังต่อไปนี้

(1) การจัดสถานที่ปิดประกาศและที่ติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งในบริเวณสาธารณสถาน ซึ่งเป็นของรัฐ ให้พอเพียงและเท่าเทียมกันในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครทุกคนและพรรคการเมืองทุกพรรค

(2) การพิมพ์และจัดส่งเอกสารเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และผู้สมัครหรือพรรคการเมืองไปให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

(3) สถานที่สำหรับให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองใช้ในการโฆษณาหาเสียงได้อย่างเท่าเทียมกันในการนี้ รัฐอาจจัดให้มีการแสดงหรือการดำเนินการอื่นใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาฟังการโฆษณาหาเสียงด้วยก็ได้ แต่ต้องมิใช่เป็นการจัดให้มีเพื่อการสนับสนุนผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดโดยเฉพาะ

(4) การกำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาให้พรรคการเมืองโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ หรือการไปออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ของรัฐ ซึ่งจะต้องจัดให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งมีโอกาสเท่าเทียมกัน

(5) การสนับสนุนของรัฐในกิจการอื่นที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดเพื่อให้การหาเสียงเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งวางระเบียบ เกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติในการเลือกตั้งหรือข้อห้ามมิให้ปฏิบัติในการเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษา

ส่วน มาตรา 60 ภายใต้บังคับมาตรา 59 ห้ามมิให้ผู้สมัคร พรรคการเมืองหรือผู้ใด ปิดประกาศหรือติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งในสาธารณสถานซึ่งเป็นของรัฐหรือในที่ของเอกชน โฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์ หรือกระทำกิจการอื่นที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดให้รัฐสนับสนุน

ห้ามปิดประกาศหรือติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มีขนาดหรือจำนวนไม่เป็นไปตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด

“เพราะฉะนั้น ขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าท่านเอาข้ออ้าง ข้อกฎหมายอะไร หรือการติดประกาศนี้เป็นภัยต่อสาธารณะ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองตรงไหนก็บอกมา ไม่รู้มติ 4 ต่อ 1 ประชุมกันจริงหรือเปล่า  มันต้องให้ กกต.ออกมาแถลง ไม่ใช่นายสมชัย จึงประเสริฐ ออกมาแพลมให้ข่าวคนเดียว ทำไมไม่ให้เลขาฯ กกต. หรือ โฆษก กกต.ออกมาแถลงเป็นเรื่องเป็นราว อยากฟังจริงๆ กึ๋น กกต.มีแค่ไหน เพระาฉะนั้นอย่าเพิ่งวิตก เพราะดูกฎหมายแล้วไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรมาปลดป้ายเรา” นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า โดยหน้าที่แท้ที่จริงแล้ว กกต.อย่าบ้าจี้ อย่าสะดีดสะดิ้งจากแรงกระทุ้งจากพวกสัตว์นรก ควรไปสนใจว่ามันจะยิงกันตายกี่ศพ ไปสนว่าจะซื้อเสียงกันอย่างไร จะโกงเลือกตั้งกันเท่าไหร่ ต่างหากที่ควรสนใจว่าจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปไม่เรียบร้อย ไม่ใช่มาสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ในเมื่อกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ ให้สิทธิประชาชนประสงค์ไม่ลงคะแนนเลือกใคร แล้วจะเป็นจะตายอะไร แปลกจริง ยังไม่แน่ใจ ตอนนี้ยังไม่เชื่อว่ากกต.จะบ้าจี้ตามคำร้องขอของสัตว์นรกต่างๆ ฉะนั้น เรื่อง กกต.ต้องรอฟังคำวินิจฉัยที่เป็นลายลักษณ์อักษรก่อน ถ้ายังไม่มาก็ยังไม่มีใครเชื่อ แล้วต้องส่งคำสั่งถึงหัวหน้าพรรคเพื่อฟ้าดิน เลขาธิการพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค  เพราะมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของ กกต. ตราบใดที่ยังไม่ได้รับก็ไม่ต้องปฏิบัติ และถ้าได้รับแล้วก็ยังมีสิทธิคัดค้าน ร้องขอต่อศาลปกครอง หรือศาลฎีกาได้ ประเด็นนี้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวไว้ก่อน อย่าวิตกกังวล อย่าเดือดร้อน

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า วันนี้เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ)  บอกว่าพวกเผาบ้านเผาเมือง จะเอาผลเลือกตั้งชุบตัวเองให้เป็นวีรบุรุษ อันนี้ถูก เช่นเดียวกันคุณก็เหมือนกัน อยากเป็นวีรบุรุษบนความฉิบหายของบ้านเมือง ปล่อยให้เผาบ้านเผาเมือง โดยไม่ทำอะไรเลย มันต่างอะไร คนปล่อยให้เผาก็อยากเป็นเหมือนกัน

ส่วนปีกเผาบ้านเผาเมืองหวังเลือกตั้งเพื่อฟื้นอำนาจกลับคืนมา แน่นอนเมื่อกลับมาพรรคนี้กลัวอยู่ 2 อย่าง คือ การปฏิวัติ กับการถูกประชาชนพันธมิตรฯ ขับไล่ มันไม่กลัวประชาธิปัตย์เลย ต่อให้เป็นฝ่ายค้านร้อยปีก็ไม่กลัว เวลานี้การข่าวตนแม่น มันกลัวทหารปฏิวัติ และเชื่อว่าชนะแน่ เลยต่อสายแล้วว่าอย่าขัดขวางการเลือกตั้ง ถ้าชนะรับประกันจะไม่ปลด และให้สิทธิเลือกรมว.กลาโหม แค่นี้มันก็จบแล้ว เขาเคลียร์กันแบบนี้ แต่นายอภิสิทธิ์มาบอกว่าไอโน่น (นายทักษิณ ชินวัตร) มาเคลียร์กับนายสนธิ พูดพล่อยๆ ไม่มีหลักฐาน ระวังโดนดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท ถ้าตนเป็นนายกฯจะเอาข้อมูลหลักฐานมาตีแผ่แค่นั้นเวทีนี้ก็เจ๊งแล้ว เป็นนายกฯมีทั้งสำนักข่าวกรอง มีสภาความมั่นคง มีเครื่องมือการข่าว จะดักฟังจะติดตามก็ทำได้ รู้ได้ทั้งนั้น ถ้ามันมีจริงมีหรือจะเล็ดรอดได้ มันเป็นการใส่ร้ายป้ายสีแท้ๆ ไม่มีมูลความจริงแต่ต้องการทำลายเครดิตแกนนำฯ

คำต่ำคำ

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่านครับ กราบสวัสดีพี่น้องทางบ้านที่อยู่หน้าจอทั้งในประเทศและต่างประเทศทุกท่าน พี่น้องที่เคารพรักครับ ก่อนขึ้นเวทีมาก็เพิ่งทราบข่าวว่าคณะกรรมการ กกต.ก็มีผู้อ้างรายงานข่าวว่า มีมติ 4 ต่อ 1 ที่จะให้ปลดป้ายรณรงค์โหวตโนของเรา แต่ว่ารายละเอียดมันไม่มีว่าในเนื้อหาข่าวนั้นมีเหตุผล ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย และคำวินิจฉัยที่เป็นมติที่ประชุมของคณะกรรมการ กกต.ว่าอย่างไร และให้เหตุผลว่าอย่างไร จึงจะปลดป้ายของพรรคเพื่อฟ้าดิน และพี่น้องประชาชนที่ร่วมกันรณรงค์โหวตโน ตรงนี้ยังไม่มีเหตุผล ไม่มีรายละเอียด ไม่มีข้อเท็จจริง ไม่มีข้อกฎหมาย และไม่มีหนังสือเป็นทางการจากคณะกรรมการ กกต.ถึงพรรคเพื่อฟ้าดิน เพราะฉะนั้นวันนี้ในทางปฏิบัติก็คือ ยังไม่มีคำสั่งใดๆ จาก กกต.นั่นเอง จนกว่าหนังสือและคำสั่งนั้นจะมาถึงคณะกรรมการพรรคเพื่อฟ้าดินเป็นทางการเท่านั้น เราจึงจะสามารถทราบและวินิจฉัยเหตุผลได้ว่าท่านเอาเหตุผลอะไรมาวินิจฉัยครับ

ตอนนี้ก็ถือว่าพรรคเพื่อฟ้าดิน และพี่น้องประชาชน ยังไม่ทราบคำสั่ง ไม่มีหน้าที่ต้องไปปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ กกต.เพราะเรายังไม่ทราบว่าท่านเอาเหตุผลอะไรมาวินิจฉัย คำวินิจฉัยจะมีผลโดยชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อคำวินิจฉัยนั้นได้แจ้งให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทราบเป็นทางการ จึงจะมีผลในการที่จะบอกว่าผู้มีหน้าที่ต้องรับทราบคำสั่ง จะต้องปฏิบัติ แต่ตราบใดที่หนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร หรือเป็นทางการ ยังไม่ถึงพี่น้องประชาชน ยังไม่ถึงพรรคเพื่อฟ้าดิน ก็ถือว่ายังไม่มีคำสั่งใดๆ จาก กกต.ก็เท่านั้นเองครับ ใครจะมาอ้างอะไรเราไม่สนใจ เพราะเราไม่รู้ เราไม่ทราบ และไม่เคยได้รับคำสั่งจากท่านเลย

สื่อมวลชนก็มาถามผมก่อนจะขึ้นเวทีว่า คุณประพันธ์มีความเห็นอย่างไร บอกว่า ผมก็ไม่ได้มีความเห็นอย่างไรเพราะผมยังไม่ทราบคำสั่ง ถ้าทราบคำสั่งแล้วผมจะตอบ เพราะ กกต.ก็ไม่ใช่เทวดา เท่านั้นเองครับ การจะออกคำสั่งใดๆ ต้องมีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายรองรับ ไม่ใช่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ หรือภายใต้แรงกดดันของพรรคการเมืองใด กลุ่มใด ใช่มั้ยครับ

ความจริงแล้วมีคนอ้างว่า ถ้าจะให้พรรคเพื่อฟ้าดินปลดป้าย มันมีกฎหมายอยู่ 2 ฉบับเท่านั้นที่จะมาอ้างได้ คือพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งพระราชบัญญัตินี้ก็มีประกาศใช้เมื่อปี พ.ศ.2535 ได้มีการปรับปรุงและแก้ไขเมื่อปี พ.ศ.2535

2535 พี่น้องจำได้มั้ย ก็มีการปรับปรุงแก้ไขในยุคสมัยที่มีการปฏิวัติ รสช. 2535 พฤษภาฯ 35 ไงครับ จำได้มั้ย พล.อ.สุจินดา หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน หรือ รสช.นั่นเอง

ผมก็มาเปิดดูพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดเรียบร้อยแล้ว พี่น้องคงได้อ่านคำตอบของท่านมีชัย ฤชุพันธุ์ ท่านก็ตอบคนที่ถามเข้ามาว่า ถ้าจะไปอ้างพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย พ.ศ.2535 ดูเหมือนมันจะอ้างไม่ได้ เพราะการติดป้ายโฆษณาหาเสียงรณรงค์เลือกตั้งของพรรคการเมืองนั้น เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดฯ ไม่สามารถที่จะมาใช้บังคับกับการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งมีฐานะสูงกว่าและเป็นเรื่องของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง จึงไม่อยู่ในข่ายของการที่จะใช้พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง มาบังคับใช้ได้ นี่คือคำตอบของท่านมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา ประธานสภานิติบัญญัติ และเป็นนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง

ผมก็มีความเห็นอย่างนั้นครับ เพราะว่าอ่านดูพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดฯ แล้ว เจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่น ไม่ว่า อบต. อบจ. กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาลทุกแห่ง มีหน้าที่ที่จะต้องอำนวยความสะดวกและให้การสนับสนุนการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครับ ไม่มีหน้าที่ไปขัดขวางการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครับ อันนี้ต้องอำนวยความสะดวก

ปัญหามันมีเพียงเรื่องเดียว ถ้าจะว่าตามกฎหมายฉบับนี้ก็คือ การติดป้าย ติดประกาศ ติดโฆษณา ในเขตเทศบาล อบต. อบจ.นั้น ถ้าเป็นการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ก็จะอยู่ในมาตรา 10 การโฆษณาด้วยการปลิดทิ้ง หรือโปรยแผ่นประกาศ หรือใบปลิว ในที่สาธารณะ จะกระทำได้เมื่อได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือเจ้าพนักงานหน้าที่ และต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนดในหนังสืออนุญาตด้วย โดยหลักก็มีอยู่แค่นี้ครับ การโฆษณาหาเสียงต่างๆ ในเขตเทศบาล หรือท้องถิ่นนั้น ก็ต้องขออนุญาต

การโฆษณารณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของทุกพรรค เขาทำหนังสือขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่เขต ผู้ว่าฯ กทม. หรือนายอำเภอ ปลัดอำเภอ หรือเทศบาล หรือ อบต. อบจ. ตามระเบียบทุกท้องถิ่น และเขต อบต. อบจ. หน่วยงานปกครองท้องถิ่นนั้น มีหน้าที่อนุญาตเพื่อเป็นการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย และการเลือกตั้ง พรรคเพื่อฟ้าดิน ก็ทำหนังสือขออนุญาต ตามระเบียบ ตามกฎหมายทุกประการครับ และได้รับอนุญาตโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เขาจึงมีสิทธิ์ติดป้ายรณรงค์หาเสียงโฆษณาได้ตามกฎหมายครับ

ส่วนเรื่องป้าย ป้ายรณรงค์หาเสียงตามประกาศ ตามระเบียบของคณะกรรมการ กกต. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ดี ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ว.- ส.ส.ก็ดีนั้น ไม่มีรายละเอียดอะไรเป็นข้อห้ามครับ เป็นเพียงรายละเอียดว่า ป้ายควรจะมีขนาดเท่าไร ควรจะมีเนื้อหาข้อความโดยคร่าวๆ อย่างไรเท่านั้นครับ ไม่มีข้อห้าม ไม่มีรายละเอียดว่าจะต้องมีรายละเอียดว่าจะต้องมีข้อความว่าอย่างนั้น ว่าอย่างนี้ ว่าอย่างนี้ว่าอย่างนั้น ไม่มีรายละเอียด เป็นเพียงป้ายประกาศรณรงค์หาเสียง ซึ่งจะต้องมีป้ายขนาด และติดตั้งในสถานที่ตามที่คณะกรรมการ กกต.กำหนด และได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแล้ว เท่านั้นเอง ซึ่งการติดประกาศของพรรคเพื่อฟ้าดิน ก็ไม่ได้เป็นไปตามข้อห้ามใดๆ ของคณะกรรมการ กกต.เลยครับ

ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ว.- ส.ส.มาตรา 59 มาตรา 60 ก็ไม่ได้ให้อำนาจ กกต.ที่จะไปสั่งปลดป้ายใครได้ตามอำเภอใจนะครับ เพราะฉะนั้นก็ต้องมาดูว่า มาตรา 59 มาตรา 60 เขาบัญญัติไว้ว่าอย่างไร เพราะฉะนั้นคณะกรรมการ กกต.จะไปสั่งปลดป้ายพรรคใดพรรคหนึ่งตามอำเภอใจ ถ้าอย่างนั้น ถ้าอ้างพระราชบัญญัติความสะอาดฯ แล้วจะไปสั่งปลดป้ายพรรคนั้นพรรคนี้ มันก็ต้องปลดทุกป้ายเหมือนกันหมด เพราะมันสกปรก รกหูรกตา ปิดบัง กีดขวางการจราจร ทุกป้ายใช่มั้ยครับ

เพราะฉะนั้นเหตุผลที่คณะกรรมการ กกต.ออกมานั้น เราต้องฟังเหตุผลข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายก่อนว่า จะเป็นการดำน้ำหรือเปล่า จะเป็นการมั่วหรือเปล่า จะเป็นการเอาสีข้างถู ใช้เหตุผลข้างๆ คูๆ หรือเปล่า ซึ่งพรรคที่เขาได้รับความเสียหาย เขาก็มีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องต่อศาลได้ครับ ไม่เป็นไรครับ ไม่กลัวครับ ไม่ตื่นเต้น ไม่วิตก เดินหน้าต่อไปครับ จะได้รู้กันว่า ระหว่าง กกต.กับพรรคเพื่อฟ้าดิน และพี่น้อง ใครจะแม่นข้อกฎหมายมากกว่ากัน ไม่เห็นยากเลยครับ มั่วกันไม่ได้หรอกครับเรื่องนี้

เพราะฉะนั้นประเด็นเรื่องการรณรงค์หาเสียงว่าจะมีการปลดป้ายหรือไม่ปลดป้าย ไม่ต้องไปวิตกกังวลครับ เพราะว่าป้ายรณรงค์โหวตโน ไม่ประสงค์ลงคะแนนของเรานี้ มันทิ่มแทงพวกสัตว์นรกทางการเมืองจริงๆ ได้ผลจริงๆ ครับ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่เดือดร้อนจากป้ายของพวกเรานั้น แสดงว่า เขากลัวว่าสัตว์ทั้ง 5 ตัวนี้จะเป็นพระเอกในการเลือกตั้งครั้งนี้ เบียดบังสัตว์นรกอย่างพวกเขา เท่านั้นเอง ไม่มีอะไร

พี่น้องมาดูนะครับ มาตรา 59 ผมก็ไม่เข้าใจว่า กกต.จะอาศัยอะไร ดูข่าวแล้วยังไม่ปรากฏรายละเอียด ยังไม่แน่นอน ที่ดีที่สุดก็คือ เราทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไว้ก่อน จนกว่าจะเห็นคำวินิจฉัยเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะมาตรา 59 บอกว่า ห้ามผู้ใดทำการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง โดยวิธีการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด อันนี้มาตรา 58 นะครับ มาตรา 59 ให้คณะกรรมการเลือกตั้งกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการของรัฐในการสนับสนุนการเลือกตั้งในเรื่องดังต่อไปนี้ พูดง่ายๆ คือ มาตรา 59 ให้อำนาจ กกต.ในการกำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานของรัฐ เช่น รัฐวิสาหกิจ รัฐบาล หน่วยงานท้องถิ่น อะไรพวกนี้ อบต. อบจ. กทม. ที่จะต้องสนับสนุนการเลือกตั้งในเรื่องดังต่อไปนี้

1. ท้องถิ่น (1) การจัดสถานที่ปิดประกาศ และติดป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งในบริเวณสาธารณสถาน ที่เป็นของรัฐ ให้พอเพียงและเท่าเทียมกัน ในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครทุกคน และพรรคการเมืองทุกพรรค เห็นมั้ยครับ ที่สาธารณะ พรรคอื่นติดได้ ทุกพรรคก็ต้องติดได้ เท่าเทียมกัน นี่หลักเกณฑ์ที่ 1

หลักเกณฑ์ข้อที่ 2 การพิมพ์และการส่งเอกสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งและผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ไปให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ถ้าหน่วยงานของรัฐจะจัดพิมพ์หนังสือ แจ้งข่าวการเลือกตั้งไปถึงประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ก็ต้องทำโดยบอกกับประชาชน ให้สิทธิ์เท่าเทียมกับทุกพรรค เช่น พรรคนี้เบอร์นี้ พรรคนี้เบอร์นี้ ก็ต้องบอกทุกพรรค ส่งไปถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งโดยเท่าเทียมกันครับ

ประการที่ 3 สถานที่สำหรับให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองในการโฆษณาหาเสียงให้เท่าเทียมกัน ในการนี้รัฐอาจจัดให้มีการแสดง หรือการดำเนินการอื่นใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมาฟังการโฆษณาหาเสียงด้วยก็ได้ แต่ต้องมิใช่เป็นการจัดให้มีการสนับสนุนผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองใดเป็นการเฉพาะ คือในการเลือกตั้งเขาห้ามพรรคการเมืองจัดหาเสียงโดยการจัดมหรสพ เช่น มีหนัง มีดนตรี มีการแสดง พวกนี้พรรคการเมืองจัดไม่ได้ แต่ถ้าคณะกรรมการ กกต.จัด มีเวทีกลาง และให้ทุกพรรคมาแถลงนโยบาย โดยอาจจะมีดนตรี มีการแสดง เพื่อดึงดูดประชาชนผู้มีสิทธิ์มาฟัง แล้วให้เวลาของแต่ละพรรคเท่าเทียมกัตน อย่างนี้ กกต.จัดได้ หรือให้ท้องถิ่น ร่วมกับ กกต.จัดได้ครับ นี่ประการที่ 3

ประการที่ 4 การกำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาให้พรรคการเมืองโฆษณาหาเสียงทางวิทยุกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ หรือการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ของรัฐ ซึ่งจะจัดให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งมีโอกาสโดยเท่าเทียมกัน นั่นหมายความว่า ถ้า กกต.จะจัดให้แต่ละพรรคมาออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ ต้องจัดโดยให้เวลาเท่าเทียมกันกับทุกพรรค ไม่ใช่จัดเป็นการเฉพาะกับพรรคใดพรรคหนึ่ง อย่างนี้ทำไม่ได้ ถ้า กกต.จัด ทำได้ และต้องให้เวลาโดยเท่าเทียมกัน ส่วนใครจะออกก่อนออกหลัง ส่วนใหญ่แล้ว กกต.เขาก็จะใช้วิธีจับสลาก อย่างนี้ กกต.ทำได้ เห็นมั้ย

(5) การสนับสนุนของรัฐในกิจการอื่นที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด อาจจะมีกิจการอื่นๆ นอกจากนี้ เช่น ให้ไปหาเสียงในค่ายทหาร ให้ไปอย่างนู้นอย่างนี้ ก็แล้วแต่ อื่นๆ ที่นอกจาก 1..2..3..4.. กกต.ต้องเป็นผู้กำหนด ทั้งนี้ เพื่อให้การหาเสียงเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้คณะกรรมการเลือกตั้งวางระเบียบเกี่ยวกับข้อปฏิบัติในการเลือกตั้ง หรือห้ามมิให้ปฏิบัติในการเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษา เพราะฉะนั้น ถ้า กกต.จะประกาศห้ามเรื่องอะไร กกต.ก็ต้องประกาศห้ามเป็นลายลักษณ์อักษร และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ประชาชนและพรรคการเมืองรับรู้โดยทั่วกัน มันก็มีหลักเกณฑ์อยู่แค่นี้ มาตรา 59 แล้วจะอ้างมาปลดป้ายได้อย่างไร

ส่วนมาตรา 60 ภายใต้บังคับของมาตรา 559 ห้ามมิให้ผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใด ปิดประกาศ หรือติดป้าย เกี่ยวกับการเลือกตั้งในสาธารณสถานซึ่งเป็นของรัฐ หรือในที่ของเอกชน โฆษณาหาเสียงทางวิทยุกระจายเสียง หรือวิทยุโทรทัศน์ หรือกระทำกิจการอื่นที่คณะกรรมการเลือกตั้งกำหนดให้รัฐสนับสนุน พูดง่ายๆ ต้องมีข้อห้ามก่อน ว่าถ้าห้ามทำอย่างนั้นอย่างนี้ กกต.ถึงจะมีสิทธิ์ไปห้ามเขา และวรรคสุดท้าย ห้ามปิดประกาศ หรือติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มีขนาด หรือจำนวน ไม่เป็นไปตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด อันนี้ก็เป็นเรื่องห้ามปิดประกาศเฉพาะขนาดมันใหญ่ไป หรือมีจำนวนมากเกินไปกว่าที่คณะกรรมการ กกต.กำหนด เท่านั้น ถ้าป้ายของพรรคเพื่อฟ้าดิน มันใหญ่เกินกว่าที่ กกต.กำหนด หรือจำนวนมันมากเกินกว่าที่ กกต.อนุญาต อย่างนี้เท่านั้นที่ทำได้ คือลดจำนวนลง ลดขนาดลง แต่ไม่มีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้ปิดประกาศโฆษณาหาเสียง

เพราะฉะนั้นขณะนี้ก็เลยยังไม่รู้ว่าท่านเอาข้ออ้าง ข้อกฎหมายอะไร หรือว่าการปิดประกาศนี้มันเป็นภัยต่อสาธารณะ ขัดต่อศีลธรรม ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองตรงไหน ก็จะได้บอกมา ว่ามันไปหนักกบาลใคร ยังไม่รู้ เพราะงั้นเมื่อยังไม่รู้ก็เลยยังไม่ทราบว่าท่านจะเอาสิทธิ์อะไร และผมก็ไม่รู้ว่ามติ 4 ต่อ 1 นั้นประชุมกันจริงหรือเปล่า มันต้องให้ กกต.ออกมาแถลง ไม่ใช่นายสมชัยออกมาแพลมให้ข่าวคนเดียว ทำไมไม่ให้เลขาฯ กกต. หรือโฆษก กกต.ออกมาแถลงเป็นเรื่องเป็นราว ใช่มั้ยครับ ว่าคณะกรรมการ กกต.ได้ประชุมกันแล้ว มีมติเห็นว่า ป้ายรณรงค์หาเสียงโหวตโน ไม่ประสงค์ลงคะแนนของพรรคเพื่อฟ้าดินนั้น มันหนักกบาลพรรคอื่นๆ ไปหมดเลย จึงขอให้ระงับหรือปลดลงมา เราก็จะได้รู้ ขณะนี้ยังไม่ทราบ ใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นอยากฟังจริงๆ ว่ากึ๋นของ กกต.นั้นมีแค่ไหน และ 2 อาศัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอะไร

เพราะฉะนั้นเรื่องนี้อย่าเพิ่งไปวิตก เพราะเปิดดูข้อเท็จจริง เปิดดูข้อกฎหมายแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะเอาเหตุผลอะไรมาปลดป้ายของเราครับ ยังไม่ทราบ และโดยหน้าที่แท้จริงแล้วคณะกรรมการ กกต.อย่าบ้าจี้ อย่าไปสะดีดสะดิ้งกับแรงกระทุ้งของพวกสัตว์นรกทางการเมืองครับ ไปเดือดร้อนอะไรล่ะ ขณะนี้การเลือกตั้งก็เป็นไปโดยเรียบร้อยแล้ว ถ้าจะสนใจต้องไปสนใจว่ามันจะยิงกันตายกี่ศพต่างหาก

สอง ควรจะไปสนใจว่ามันจะมีการหาเสียงโดยการซื้อเสียง พิมพ์บัตรปลอม โกงเลือกตั้ง มันจะมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต่างหาก ที่เป็นเรื่องที่ควรสนใจว่าจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สงบเรียบร้อย และทำให้เกิดปัญหาความไม่โปร่งใสในการใช้สิทธิ์ครั้งนี้ เรื่องนั้นต่างหากที่ควรสนใจ ไม่ใช่มาสะดีดสะดิ้งสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง

กกต.ควรตามให้ทันโลก ถ้าไม่อยากให้ประชาชนรณรงค์หาเสียงในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ก็อย่าไปพิมพ์สิว่าบัตรของท่านทำไมต้องมีช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนล่ะ ใช่มั้ยครับ ในเมื่อกฎหมาย พระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ให้สิทธิ์ประชาชนในการที่จะใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกใคร พอประชาชนจะรณรงค์ในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกใคร จะเป็นจะตาย สะดีดสะดิ้งอะไรเล่า เขาก็รณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย เออ แปลกจริงๆ ผมยังไม่แน่ใจ ขณะนี้ผมต้องให้เกียรติ กกต.ก่อนว่า ผมยังไม่เชื่อว่า กกต.จะไปบ้าจี้ตามคำร้องขอของบรรดาพรรคการเมืองสัตว์นรกต่างๆ ครับ

เพราะฉะนั้นเรื่องของ กกต.ตอนนี้เอาไว้รอฟังคำวินิจฉัยให้มันเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน ถ้ามันยังไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรมา ก็ไม่มีใครเชื่อครับ แล้วคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรเขาต้องส่งถึงหัวหน้าพรรคเพื่อฟ้าดิน เลขาธิการพรรคเพื่อฟ้าดิน หรือคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อฟ้าดิน เพราะเขามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ กกต. ตราบใดที่เขายังไม่ได้รับคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร เขาก็ไม่ต้องปฏิบัติตาม และถ้าเขาได้รับคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว เขาก็ยังมีสิทธิ์ที่จะคัดค้าน โต้แย้ง ต่อคำวินิจฉัยของ กกต. หรือฟ้องร้อง ร้องขอต่อศาลปกครองและศาลฎีกาได้ครับ

เพราะฉะนั้นประเด็นนี้พี่น้องก็ เขาเรียกว่าใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวไว้ก่อน อย่าไปวิตกกังวล อย่าไปเดือดร้อน ยังไงป้ายโหวตโน เลือกตัวไหนก็ไม่รู้จะเลือกยังไง เลือกไม่ถูก เพราะมันฉลาดด้วยกันทั้งคู่เลยครับ ไม่ว่าควายใส่เสื้อสีฟ้า หรือควายใส่เสื้อสีแดง กูก็เลือกไม่ถูกเลยครับ เพราะงั้นเมื่อเราเลือกไม่ถูก เลือกคนไหนมันก็ดูเหมือนจะมาเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองทั้งนั้น โหวตโนสร้างอำนาจต่อรองของประชาชนดีกว่าครับ นี่ประเด็นแรกพูดไปแล้ว เรื่อง กกต.เอาแค่นี้ก่อน รอความชัดเจนก่อน แล้วเดี๋ยวประพันธ์จะมาวิสัชชนา หรือวิพากษ์วิจารณ์ให้ฟังว่า คำวินิจฉัยของ กกต.นั้นมีเหตุผลควรรับฟังแค่ไหน เพียงใดครับ

ทีนี้ประเด็นที่ 2 ที่ผมคิดว่าอยากจะคุยกับพ่อแม่พี่น้องในวันนี้ ก็คือว่า ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเข้ามา สถานการณ์มันก็งวดเข้ามาทุกขณะ ความคิดของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เป็นแบบพวกกลางๆ ที่ยังไม่เลือกใคร กำลังสับสนและต่อสู้ทางความคิดกันอย่างหนัก ว่าจะมารณรงค์โหวตโนกับพี่น้อง กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือจะไปเลือกพรรคหนึ่งพรรคใด ถ้าไม่เลือกพรรคหนึ่งพรรคใดแล้วจะเป็นอย่างไร นี่อันหนึ่ง ขณะเดียวกันพี่น้องประชาชนไทยทั้งประเทศก็มีความวิตกกังวลอยู่ในประเด็นที่ 2 ว่า สถานการณ์การเลือกตั้ง ก่อนการเลือกตั้ง และหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ บ้านเมืองมันจะเป็นไปในทิศทางใด ทั้งกังวลว่าก่อนเลือกตั้ง มันจะมีเลือกตั้งหรือเปล่า และถ้าเลือกตั้งเสร็จแล้วบ้านเมืองจะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยหรือไม่ สถานการณ์หลังเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้น ประเทศไทยจะเดินหน้าไปทางไหน หรือจะจมปลักอยู่กับที่ ถอยหลังเข้าคลองอย่างไร เหตุรุนแรงและความวุ่นวายในบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร นี่เป็นความกังวลของคนไทยและประชาชนโดยทั่วไป

ไม่เพียงเท่านั้น ประชาชน นักลงทุนในต่างประเทศ ก็จับจ้องมองประเทศไทยอยู่เช่นเดียวกันว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศไทยมันจะไปทางไหน ขณะนี้สถาบันการเงิน สถาบันการลงทุน บริษัทที่ปรึกษาการลงทุน ก็ให้ข้อแนะนำกับประชาชน นักลงทุนประเทศของเขาว่า เฮ้ย ขายหุ้นทิ้ง ถอนการลงทุนออกจากประเทศไทยไปก่อนดีกว่า เพราะสถานการณ์การเมืองในเมืองไทยมีความไม่แน่นอน และมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเหตุรุนแรง และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่อาจจะเกิดเหตุรุนแรงที่เราคาดคิดไม่ถึง และเป็นเหตุทางการเมืองที่อาจมีผลกระทบต่อการลงทุน เมื่อวานนี้นักลงทุนจึงเทขายหุ้นและถอนการลงทุนไปลงทุนในต่างประเทศ ย้ายไปสิงคโปร์ ไปมาเลเซีย ตลาดหุ้นก็ตกลงไป ด้วยนักวิเคราะห์ของสถาบันการลงทุนยักษ์ใหญ่ระดับโลก ระดับประเทศ ให้ข้อแนะนำกับนักลงทุนต่างประเทศของเขาแบบนี้ เมื่อวานนี้หุ้นในตลาด นักลงทุนต่างชาติก็เทขายจนทำให้หุ้นติดกระดาน ติดลบไปหลายจุดครับ นี่ก็เป็นประเด็นหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้วผมอยากจะพูดคุยกับพี่น้อง

แล้วประเด็นต่อมาก็คือว่า ถามว่าจริงๆ แล้วสถานการณ์บ้านเมือง ณ ขณะนี้เป็นอย่างไร เราจะมองด้วยมุมมองอย่างไร จะวิเคราะห์อย่างไร และจะมีท่าทีต่อเหตุการณ์บ้านเมืองอย่างไร และสิ่งที่เรายืนอยู่นี้ สิ่งที่เราเดินอยู่นี้ มันจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองอย่างไร การมองและการวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองนั้น เรามองด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกต้องหรือไม่ มีเหตุผลที่น่ารับฟังหรือไม่ นี่ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่อยากจะพูดคุยกับพี่น้องในวันนี้ ในช่วงเวลาที่มีอยู่

สุดท้ายก็คือว่า ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง นักการเมือง แต่ละก๊กแต่ละฝ่ายในขณะนี้ แท้จริงแล้วจุดมุ่งหมายของเขา และการเคลื่อนไหวของเขานั้น จะนำมาซึ่งความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และเป็นอนาคต และความหวังของบ้านเมืองได้หรือไม่ กุศโลบายที่แต่ละพรรคเสนอออกมา หรือขับเคลื่อนออกมานั้น มันจะเกิดผลเสียหายต่อบ้านเมืองโดยรวมอย่างไร และเราควรจะรู้เท่าทันพรรคการเมือง นักการเมืองเหล่านั้นอย่างไร นี่ก็เป็นปัญหาที่น่าสนใจยิ่งในวันนี้ครับ

ผมก็เลยคิดว่าอยาจะมาชวนพี่น้องคุยในประเด็นเหล่านี้ พี่น้องครับ ก่อนจะคุยกันเรื่องอื่นผมคิดว่าเข้าประเด็นแรกเลย หนึ่งก็คือ เราจะรู้ปัญหา 1..2..3..4.. ที่ผมเอ่ยมาทั้งหมดนั้น เราต้องเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้เสียก่อน ว่าบ้านเมืองกำลังอยู่ในสถานการณ์อย่างไร และใครเป็นตัวปัญหา และเป็นคู่ปัญหาที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนสถานการณ์ให้บ้านเมือง การเมืองของประเทศ ไปในทิศทางใด ตรงนี้เราต้องเข้าใจข้อเท็จจริงก่อน พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเรารู้เขารู้เรา รู้สถานการณ์แล้ว เราก็สามารถที่จะกำหนดท่าทีของเราได้โดยไม่ผิดพลาด และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และจะเกิดประโยชน์กับบ้านเมืองมากที่สุดในสถานการณ์นี้

วันนี้เข้ามาสู่จุดสำคัญเลยก็คือ เรากำลังอยู่ในโหมดของการเลือกตั้ง อยู่ในเวลาของการที่จะมีการเลือกตั้ง และเป็นการแข่งขันชิงกันว่าใครจะได้อำนาจ เข้ามาเป็นรัฐบาลปกครองบริหารประเทศชาติบ้านเมือง การเลือกตั้งเกิดขึ้นจากการที่พรรครัฐบาลขณะนี้มองเห็นว่า ถ้าจะลากดึงสถานการณ์ยาวต่อไป ปัญหาก็ยิ่งจะถาโถมมาใส่ตัวเองมากยิ่งขึ้น และ 2 สถานการณ์ก็ยิ่งจะกดดันบีบคั้นตัวเอง และท้ายที่สุดอาจจะเกิดการล้มกระดานและทำให้ไม่มีการเลือกตั้ง วิธีการที่จะแก้เกมเพื่อประคองตัวเองให้เดินไปได้ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือรีบยุบสภาเสียในสถานการณ์นี้ แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งเสีย เอาการเลือกตั้งมากรบกระแสทางการเมือง และแรงกดดันของกลุ่มต่างๆ ที่คิดจะไล่รัฐบาล หรือโค่นล้มรัฐบาลลงไปเสีย ด้วยการใช้การยุบสภามาเป็นเกมแก้เกมทางการเมือง นี่คือจุดมุ่งหมายของพรรคประชาธิปัตย์

ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มที่กุมอำนาจปกครองอยู่ในขณะนี้มีความเชื่อมั่นมั้ยว่าตัวเองจะได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง และกลับมาสู้อำนาจอีกครั้งหนึ่ง พี่น้องครับ ในการวิเคราะห์ของเขา ในการมองปัญหาทางการเมืองของเขาในระยะเริ่มแรก เขามีความเชื่อมั่นว่าเขาจะชนะการเลือกตั้งกับพรรคฝ่ายค้าน เพราะอะไรครับ เพราะเขาเชื่อว่า 1. เขาเป็นรัฐบาลอยู่ 2. เขาคุมงบประมาณอยู่ เขาใช้งบประมาณและโครงการทุ่มเทไปแจกในการหาเสียง สร้างความนิยมกับประชาชนไว้พอสมควร 3. เขาเชื่อว่ากระแสคัดค้านการชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรฯ คงไม่สามารถสั่นสะเทือน ทำลายความนิยมในการเลือกตั้งของเขาได้ แม้ทำลายได้เขาก็เชื่อว่าเขาคุมสื่อของรัฐ ควบคุมทีวี สื่อหนังสือพิมพ์ สามารถที่จะใช้สื่อเหล่านี้มาเป็นปากกระบอกเสียงในการแก้ปัญหา แก้เกม และสร้างความนิยมให้กับตัวเอง และตอบโต้ชี้แจงกับการชุมนุมของพวกเราได้ พร้อมๆ กับเขาเชื่อมั่นในกลไกทหาร กลไกตำรวจ กลไกข้าราชการที่เขาคุมอยู่ เขาจึงมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้เขาสามารถจะชนะในการเลือกตั้งได้ นี่คือมุมมองของพรรคประชาธิปัตย์ครับ

ขณะเดียวกัน ยุบสภาช่วงนี้เขาก็ยังมองว่านายอภิสิทธิ์ยังไม่บอบช้ำมากนัก ถ้าขืนลากยาวไป นายอภิสิทธิ์อาจจะจำศพไม่ได้ครับ หน้าตาอาจจะดูไม่ได้ อาจจะขายไม่ออก รีบยุบเสียตอนนี้ ยังพอจะผัดหน้าทาแป้งไปหาเสียง ขับรถอีแต๋น หลอกแม่ยกได้ เขาคิดว่าอย่างนี้ครับ ขณะเดียวกันพรรคร่วมรัฐบาล ที่เราเรียกว่าพรรคร่วมรับประทาน ทุกพรรค วันนี้มีเสบียงกระสุนเต็มกระสอบทุกพรรคครับ ไม่มีพรรคไหนจนแม้แต่พรรคเดียวที่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นไปตามผลวิจัยของสภาหอการค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าว่า การทุจริตในรัฐบาลช่วงนี้ไม่น้อยกว่า 30-50 เปอร์เซ็นต์ เขาจึงมั่นใจว่าเงินกูเต็มกระเป๋า อำนาจรัฐอยู่ในมือ ตำรวจ-ทหารอยู่กับกู สื่อคุมได้ ยังไงก็เอาชนะพวกเสื้อแดง หรือพรรคฝ่ายค้านได้ เพราะพวกนั้นมันมีบาดแผล มีปม มีความเลว เผาบ้านเผาเมือง เขาคิดว่าเขาจะเอาชนะได้ครับ นี่เขาจึงรีบยุบสภา และรีบมากลบปัญหาทั้งปวง ในมุมมองของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างนี้ครับ

ขณะเดียวกัน การแก้เกม นี่ผมพูดในมุมของฝ่ายนี้ก่อนนะครับ การแก้เกมกับการชุมนุมของพี่น้องประชาชนที่เรียกร้องให้เขายกเลิก MOU ไล่เขมร-ทหารกัมพูชาออกไป ยกเลิก ถอนตัวจากภาคีมรดกโลก เขาก็แก้เกมโดยใช้กระทรวงการต่างประเทศ ใช้เวทีประชุมมรดกโลก เป็นตัวเล่นเกมติ๊ดชึ่งไปมา เพื่อดึงเวลา Delay tactics และก็ทำให้ประชาชนลืมเรื่องวีระ-ราตรี ก็เอาเรื่องอื่นมากลบเพื่อลบปมความบกพร่องของตัวเอง โดยใช้วิธีลากดึงปัญหาไปเรื่อย ไม่ว่าเรื่องศาลโลก ไม่ว่าเรื่องมรดกโลก เขาก็พยายามที่จะลากดึงไป ไม่ให้เรื่องนี้มีการตัดสินในระหว่างก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้เขาเสียคะแนน นี่ก็เป็นเกมของเขา

ขณะเดียวกันก็ใช้นักวิชาการ ใช้กลุ่มคนออกมาโต้กับพวกเรา เช่น หาว่าสนธิรับเงินทักษิณ หาว่า อ๋อ วันนี้สนธิทำไมไปเห็นดีเห็นงามกับทักษิณ นี่คือปากเสียของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครับ ปากเสียของคนที่ไม่สำนึกในบุญคุณกับประชาชน ได้ประโยชน์ไปแล้วก็ทำเป็นมาเหยียบหัวส่งพี่น้องประชาชน เป็นไปตามนิสัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ประเด็นนี้ไม่เป็นไรครับ เราโต้ได้ เราแก้ได้ เราสู้ได้ แล้วเดี๋ยวจะพูดต่อไป นี่คือมุมของเขา

มาถึงสถานการณ์ ณ ขณะนี้ เขายังมีความเชื่อมั่นมั้ย ผมพูดให้ฟังในมุมนี้ มาถึง ณ สถานการณ์วันนี้หวั่นไหวครับ สิ่งที่ตัวเองวิเคราะห์ คาดการณ์เอาไว้ ว่าจะชนะ พอยุบสภา เลือกตั้ง สุเทพบอกเราต้องได้ 200 กว่า อาจจะได้ถึงครึ่ง หรือได้มากที่สุด เราไม่แพ้ วันนี้เขาเรียกว่าปากกล้าขาสั่นครับ

รู้ตัวเองแล้ว ไม่ใช่รู้เฉพาะทางนู้นนะ บรรดานายทหารทั้งหลายที่ค้ำจุนบัลลังก์เขาอยู่ ที่เดิมคิดว่าตัวเองจะคุมสถานการณ์เลือกตั้งได้ เอาทหารไปประจำโรงพัก อ้างว่ามาร่วมกับตำรวจ เพื่อปราบปรามยาเสพติด และก็มีเรื่องมีราวกับผู้สมัครต่างๆ ก็เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่จะเอาทหารกับตำรวจมาใช้เป็นเครื่องมือในสถานการณ์การเลือกตั้ง

คิดว่าจะคุมการเลือกตั้งได้ คิดว่าจะคุมสถานการณ์ได้ วันนี้มันกลายเป็นดาบสองคม และกลายเป็นบูมเมอแรงตีกลับมาครับ ทำให้ความชอบธรรมของรัฐบาล คะแนนนิยมของรัฐบาล ไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่คิด และตัวทหารเองวันนี้ก็หวั่นไหว หวั่นไหวแล้ว คนที่เป็น ผบ.ทบ.คนที่เป็นรัฐมนตรีฯ กลาโหม ที่คุมส่วนหัว ที่ไปร่วมหัวจมท้ายกับนายสุเทพ กับพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้เริ่มวิตกกังวลแล้ว เฮ้ย ดูท่าแล้วท่าทางมันจะแพ้เลือกตั้ง เพราะเชียร์ยังไงดูเหมือนมันจะเชียร์ไม่ขึ้น ขนาดสมัยก่อนเลือกตั้ง 50 , 23 ธันวาฯ ปฏิวัติ รสช.มีทหารคุม ดึงสมศักดิ์ ดึงพินิจ ดึงกลุ่มต่างๆ ที่เคยอยู่กับเพื่อไทย ไทยรักไทยออกมาแล้ว มันยังแพ้เขา เขายังได้ 233 เสียง พันธมิตรฯ ก็ช่วยเต็มที่ ยังแพ้ แล้วมาคราวนี้พันธมิตรฯ ก็ไม่ช่วย สถานการณ์พรรคประชาธิปัตย์ ผลงานของรัฐบาลก็ไม่เข้าตาประชาชนเท่าไร ไปไหนก็ถูกคนด่าทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วทหารก็ไม่กล้าออกหน้าไปช่วยการเลือกตั้งเต็มที่เหมือนสมัยก่อน มาคราวนี้มันจะเอาอะไรไปชนะเขา คราวที่แล้วทุกฝ่ายช่วย มันยังแพ้เลยครับ

นี่ไม่ใช่เราแช่งนะครับ เรามองจากมุมวิเคราะห์ จากข้อเท็จจริง ถามว่าเงิน ก็มีเหมือนกัน กลไกรัฐ พวกนั้นมันก็มีกลไกรัฐเหมือนกัน มันสามารถซื้อเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่อย่างนั้นเลขาฯ ศาลรัฐธรรมนูญบางคนจะกล้าเอาคลิปลับมาขายเขาเหรอครับ เจ้าหน้าที่ราชการหลายแห่งก็เป็นข้อมูลให้เขา เจ้าหน้าที่ทหารหลายคนก็เอาข้อมูลมาให้พวกเตาอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเล่นงานทหาร แสดงว่าฝ่ายนี้มันก็ซื้ออำนาจรัฐ ซื้อกลไกเจ้าหน้าที่เอาไว้เหมือนกัน ต่างคนต่างมีเงิน ต่างคนต่างซื้ออำนาจรัฐ ต่างคนต่างคุมสื่อ ซื้อสื่อ เวลานี้สื่อกินทั้งสองด้านครับ เวลาจะลงภาพอภิสิทธิ์ต้องลงภาพยิ่งลักษณ์ประกบด้วย เพราะรับเงิน 2 ทางครับ มีแต่รวยกับรวย มึงอยากใช้กู ก็มาสิ กูก็หลอกแดกมึงไปเรื่อย ใช่มั้ยครับ

คุณมีเจ้าหน้าที่ช่วย คุณโกงเลือกตั้ง คุณซื้อเสียง คุณพิมพ์หีบบัตรได้ คุณพิมพ์บัตรปลอมได้ ทุกฝ่ายมันทำได้หมด มันรู้ทันกัน มวยมันทันกัน คุณเปลี่ยนหีบบัตรได้ ก็กูมีพวกเปลี่ยนได้เหมือนกันครับ

เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้มันเป็นการสู้กันระหว่างคนโกงกับคนโกงครับ คนเลวกับคนเลวครับ มวยมันทันกัน ทีนี้เมื่อดูโดยภาพรวมแล้ว สถานการณ์ขณะนี้ใครเป็นต่อ ใครเป็นรอง โธ่! ใครก็มองออก ไม่ใช่เรื่องว่าเราเอาใจช่วยใคร แต่เราพูดไปตาม fact ตามเหตุผล ตามข้อเท็จจริงว่าสถานการณ์แบบนี้ใครจะเป็นต่อเป็นรอง ใช่มั้ยครับ แต่ถ้าฝ่ายนี้มันดีกว่าเขา มีความศรัทธาทำคุณงามความดีไว้เยอะ ถูกข่มเหงรังแก ถูกกลั่นแกล้ง เอออย่างนั้นประชาชนอาจจะช่วย แต่นี่ปากดี ปากเสีย ปากหมาอีกต่างหากครับ แล้วใครจะไปช่วยมัน ทำงานไม่เป็นแล้วยังปากหมาอีก ใครจะไปช่วยล่ะ นี่มันเป็นอย่างนี้ เขาไม่เลือกเสือกไปด่าเขาอีก นักการเมืองประเทศไหนวะ หาว่าเราไปรับเงินทักษิณอีก มึงบ้า เอออย่างนั้นดี กูจะได้โหวตโนได้อย่างเต็มอกเต็มใจ

นี่คือกลยุทธ์ฝ่ายนี้ วันนี้รู้ตัวแล้วว่าสถานการณ์ตัวเองเป็นรอง และฝ่ายที่เป็นทหาร ทีนี้เราก็ต้องมาวิเคราะห์ต่อ ไอ้ที่เป็นหัวโจก ก็เลยต้องเล่นไพ่สองหน้า ผมจะบอกให้ครับ วันนี้ผมขอวิเคราะห์แบบฟันธง ตรงไปตรงมา ไอ้ส่วนหัวคือใคร คือรัฐมนตรีฯ กลาโหม ผบ.ทบ. ไอ้พวกนี้แทงไพ่สองหน้าครับ อย่าไปให้เกียรติเลย ผมไม่ได้ให้เกียรติเลย แทงไพ่สองหน้ายังไง ตอนแรกก็เทมาฝั่งนี้เต็มที่ แต่ดูแล้วท่ามันจะแพ้ กูก็เลยแทงเผื่อ เผื่อเจ๊งไว้ก่อน คือเริ่มต่อสายฝั่งนู้นไว้ด้วย บอกมาพบได้หลังเลือกตั้งแล้วค่อยมาพบแล้วกันนะ

ต่อรองอะไร ต่อรองเพียงว่า เฮ้ย ชนะมาแล้วกูต้องอยู่ได้นะ อย่ามาแตะนะ ก็เอาอะไร เอากองทัพไปต่อรอง ถ้ามึงมาแตะกูนะ ถึงจะปฏิวัติ ถึงจะออกเอ็กเซอร์ไซส์ ถึงจะกระเหี้ยนกระหือรือที่จะเล่นงานเขา ถ้าเขาไม่ปลด ไม่เล่นหรอก พวกเนี้ย แทนที่จะมองว่าชาติบ้านเมือง ใครมามันก็เป็นปัญหากับชาติบ้านเมือง ถ้าเอาประเทศชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง มันก็ควรจะทำหน้าที่ของตนเองตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่เอากองทัพไปต่อรองทางการเมือง ใช่มั้ยครับ

ก็เลยต่อรอง ต่อสายกับทางโน้นไปแล้ว ว่าเฮ้ย ถ้ามาไม่ปลด แล้ว 2 ให้สิทธิ์ในการที่ผมจะเลือกใครมาเป็นรัฐมนตรีฯ กลาโหมก็ได้นะ ผมเชื่อว่ามีการเจรจาต่อรองกันแบบนี้แล้วครับ

ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คือ ใครมากูก็อยู่ได้ กูอยู่ได้แต่ประเทศฉิบหาย ช่างมันครับ สถาบันฉิบหายช่างมันครับ ประชาชนฉิบหายช่างมันครับ ขอให้กูอยู่ได้ก็พอ นี่คือความคิดของคนพวกนี้

สิ่งที่น่ากังวลและน่าเป็นห่วงที่สุดคือ ประโยชน์ชาติ สถาบันหลักของบ้านเมืองจะอยู่อย่างไร เพราะใครๆ ก็คิดแต่ตัวเอง ไม่เคยคิดถึงประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันหลักของบ้านเมืองเลยครับ นี่คือความกังวลและปัญหาของชาติบ้านเมืองในขณะนี้ ถามว่ามีมั้ย มีครับ คนที่เริ่มมองว่า เฮ้ย นายกูนี่มันชักจะหลงกลิ่นไอการเมืองมากไปแล้ว มันกลายเป็นทำให้กองทัพกลายเป็นเหมือนตำรวจแล้ว คือตำรวจมีหน้าที่เกากะโปก และวิ่งเต้นเกาะแข้งเกาะขานักการเมือง

วันนี้ทหารกำลังจะทำตัวเหมือนตำรวจไปแล้วครับ คือคอยกอดแข้งกอดขา ลูบแข้งลูบเข่าลูบไข่นักการเมืองไปแล้วครับ ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรีเลยครับ

แต่ก่อนนี้นะ นายกรัฐมนตรี นักการเมือง มันกลัว ผบ.ทบ.จนขี้หดตดหาย แค่ ผบ.ทบ.ไอ ตบเท้า ปรึกษาหารือกัน กินกาแฟทุกเช้าที่บ้าน ผบ.ทบ. บ้านป๋าเปรม นักการเมืองเยี่ยวราดแล้วครับ วันนี้แค่นักการเมืองไอ ผบ.ทบ.เยี่ยวราดเลยครับ กลัว กลัวเขาปลด มันแย่ครับ ผมไม่เคยเจอครับ เพราะฉะนั้นวันนี้เคยเห็นมั้ย แล้วคนที่เป็นต้นแบบของเรื่องนี้ก็คือ พล.อ.อนุพงษ์ ไงครับ นายสมัครไปไหน จะยืนอยู่ข้างหลังเลยครับ ทำเป็นวอลล์เปเปอร์เลยครับ เดินตามตลอดเลยครับ เป็นวอลล์เปเปอร์ นั่นล่ะคือแบบอย่างของนายทหารที่ดีที่รุ่นน้อง ประยุทธ์เอาแบบอย่าง สุเทพอยู่ไหน กูยืนอยู่นั่น สุเทพชวนไปขี่ม้าก็ไป สุเทพเชิญไปนู่น ก็ไป ไปทอดกฐินสุราษฎร์ฯ ก็ไป สุเทพชวนไปนู่นไปนี่ก็ไป ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ภารกิจของทหารเลยครับ ศักดิ์ศรีไม่มีแล้ว

ผมเชื่อว่าทหารระดับล่างลงไปเขาคงอิดหนาระอาใจ คงไม่พอใจกับบรรยากาศนี้ คนที่คิดและมีความรู้สึกขมขื่นใจว่าทำไมพวกเราจะต้องไปก้มหัวให้นักการเมืองนั้น มีครับ เขามี เราต้องปรบมือให้กำลังใจคนพวกนั้น ที่เขารังเกียจนายเขา ที่ไปสยบคุกเข่าให้กับนักการเมือง นี่คือทหาร มีส่วนหัวเป็นอย่างนี้ ส่วนล่างลงมาเป็นอีกแบบหนึ่ง ส่วนที่จะเป็นแตงโมมันก็มีอยู่บ้าง ส่วนที่จะเป็นมะเขือเทศก็คงมีอยู่บ้าง แต่ว่าส่วนใหญ่ยังยึดมั่นในความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมเชื่อครับ ที่มันจะมีอาการเป๋ไปมันก็มีคนที่มาเล่นการเมือง แล้วเอากองทัพไปเป็นเครื่องมือย่ำยีศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของทหาร แล้วคนๆ นี้ วันหนึ่งข้างหน้าก็คือ อยากจะเป็นใหญ่ อยากจะตั้งตนเป็นแบบป๋าเปรม พี่น้องจำไว้เถอะ ผมทำนายไม่ผิดหรอกคนๆ นี้ อยากจะตีตัวเสมอตน เสมอท่าน อยากจะเป็นประมุข อยากจะเป็นเสาหลัก อยากจะเป็นใหญ่ในลักษณะมาทดแทนบารมีของ ฯพณฯ พล.อ.เปรม จึงพยายามสร้างบ้านของตัวเองให้ทหารตบเท้าเข้าไปอวยพรวันเกิด ปีใหม่ สร้างบารมี เป็นเงาทาบรัศมีกับผู้หลักผู้ใหญ่ ถ้าไม่คิดการใหญ่ ไม่อยากเป็นใหญ่ใฝ่สูง ไม่ทำตัวอย่างนี้หรอกครับ

เพราะฉะนั้นในส่วนของทหารมีปัญหาอยู่ตรงนี้ ส่วนพรรคการเมืองมีปัญหาอยู่ตรงนี้ และในส่วนของพรรคการเมืองปีกนี้ เวลานี้ กำลังแก้เกมให้กับตัวเอง เพราะสถานการณ์การเลือกตั้ง 1. ดูท่ากูแพ้แหงๆ ความจริงมันก็มีโอกาสแพ้สูงยิ่ง แล้ว 2. รู้สึกไม่พอใจกับการโหวตโนของพี่น้องประชาชน อยากจะดึงคะแนนโหวตโนกลับไป ก็เลยสร้างวาทกรรมขึ้นมาว่า ถ้าไปโหวตโนมากๆ จะเป็นการเปิดทางให้พวกนั้นมา ทักษิณมา ไปช่วยทักษิณหรือเปล่า เห็นหรือเปล่าวาทกรรมของเขาอันที่ 1 และอันที่ 2 ถ้าไปโหวตโนมากๆ ก็จะไม่มีพลังฝ่ายค้าน เลือกเขาดีกว่า เขายังเลวน้อยกว่า และเขาก็จะมาสร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมือง หรือพาบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า เขายังมีดีกว่าทางนู้น นี่คือสิ่งที่เขากำลังพยายามทำให้คนกลางๆ หวั่นไหว

ผมก็จะบอกว่า สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้ 1. เป็นเพียงการพยายามแก้เกมการเมืองที่ตัวเองเพลี่ยงพล้ำ และตัวเองผิดพลาด เสียหายแล้ว ที่ประชาชนหันหลังให้กับตัวเองเท่านั้นเองครับ ก็เลยพยายามจะทำลายความชอบธรรมในการรณรงค์ของพวกเราเพื่อดึงคนกลางๆ ที่โลเลให้กลับไปสนับสนุนเขา แต่ผมอยากจะกราบเรียนพี่น้องที่กลางๆ ที่ยังโลเล ถ้าท่านกลัวทักษิณ และถ้าท่านเกลียดทักษิณ ผมถามท่านหน่อยว่า ระหว่างนายอภิสิทธิ์ กับพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ใครที่กล้าสู้กับระบอบทักษิณ แบบเอาชีวิตเข้าแลกครับ ผมถามท่านหน่อย

ท่านพึ่งเขาได้ไหม ตลอดเวลาที่เขามีอำนาจ กุมอำนาจรัฐ และวันนี้ถ้าเขาจะกวาดล้างทักษิณ เขาเป็นรัฐบาลรักษาการ เขาก็ทำได้ เขาเคยทำเอาขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณเหมือนพวกเราสู้มั้ย มีมั้ยครับ แล้วทำไมจะต้องมาสร้างวาทกรรมมาหลอกพวกเรา ว่าเลือกเพื่อจะเอาพวกนั้นมาสู้กับทักษิณ ถ้าท่านต้องการเลือกคนไปสู้กับทักษิณ ต้องโหวตโนเลือกพวกเรานี่ พวกเราต่างหากที่จะเป็นกำลังสำคัญในการสู้กับระบอบทักษิณ และก็สู้กับระบอบอภิสิทธิ์ด้วย เพราะทั้งสองระบอบนี้มันโกงบ้านกินเมืองทั้งนั้น ท่านอย่าไปหวั่นไหวครับ ท่านอย่าไปวิตกกังวลว่าจะไม่มีคนสู้กับระบอบทักษิณ ขอให้มันมาเถอะครับ คนที่จะเอากับมันถึงเลือดถึงเนื้อ ถึงชีวิต เพื่อไม่ยอมให้มันมาปู้ยี่ปู้ยำชาติบ้านเมือง มีแต่พวกเรานี่เท่านั้น และเราจะไม่ถอยไปไหนครับ อย่าไปฟังลมปากของไอ้คนบางคน นี่แหมเป็นพวกทักษิณแล้วสิ สนธิเป็นพวกทักษิณ โธ่ น้ำกับน้ำมัน มันไม่มีวันจะเข้าเป็นเนื้อเดียวกันได้ครับ

ไอ้ที่เรารณรงค์โหวตโน ไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกใคร ไม่ใช่ว่าเราไปชื่นชมระบอบทักษิณ เราไม่เลือกทั้งสองฝ่ายครับพี่น้อง แต่เราพร้อมจะรบกับมัน ขอให้มันมาเถอะ ใช่มั้ยครับ ถ้าพี่น้องอยากจะมีคนสู้กับระบอบนี้ ท่านไปหาคนไปเลยในแผ่นดินนี้ ไปให้ทั่วแผ่นดินเลย ไปเลย มีใครสู้กับทักษิณเหมือนพวกเราล่ะ มีมั้ย พวกเราเจ็บ พวกเราตาย พวกเราสู้มา พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้ว ทำไมจะต้องไปฟังลมปากของคนตอแหลล่ะครับ

ไอ้คนพวกนี้มันได้แต่ตอแหล มันไม่สู้จริง ถ้ามันสู้จริงบ้านเมืองไม่เป็นอย่างนี้ ใช่มั้ยครับ บ้านเมืองมันเสียหายมามากแล้ว เพราะมันไม่มีคนกล้า มันมีแต่คนขี้ขลาดตาขาว โธ่ มันอยากเป็นนายกฯ อยากมีอำนาจ แล้วมันก็ได้แต่กอดเก้าอี้ มันไม่ทำห่าอะไรเลยครับ จะบอกให้ ขออภัยนะครับ ขอถอนคำว่าห่าแล้วกันครับ มันเจ็บใจจริงๆ ครับ แต่ละคนนี่หน้าด้าน เป็นอีแอบ อยากเป็นนายกฯ ไอ้คนที่เขาปฏิวัติเสร็จก็ อยากเป็นเหลือเกิน พอเป็นแล้วไม่ทำอะไรเลย เป็นขิงเน่าไปเลยครับ

พออีกคนหนึ่ง แหม แต่งหน้าทาแป้ง ทาแป้งขาวนวลเชียว เป็นพระเอกลิเกเลย มาก็เหมือนกันครับ ไม่ทำอะไรเลย แล้วยังมาสร้างวาทกรรม บอก ผมน่ะเป็นนายกฯ ที่ทักษิณสั่งไม่ได้

พี่น้องครับ นึกว่าเท่ห์ นึกว่าเท่ห์ว่าทักษิณสั่งไม่ได้ โธ่ ไอ้หนู ทักษิณมันจะไปสั่งอะไรมึงวะ มันไม่ใช่หัวหน้าพรรค ถูกมั้ยครับ แต่ถ้าคุณไปอยู่พรรคเพื่อไทยสิ มันถึงจะสั่งได้ แล้วทำไมคุณไม่บอกว่าทักษิณสั่งไม่ได้ แต่สั่งได้เฉพาะสุเทพ กับเนวิน ประวิตร ค้าบบ

ก็ใครสั่งคุณ ทุกเรื่อง ไอ้ 3 ตัวนี้เป็นคนสั่งคุณทั้งนั้น ใช่มั้ยครับ แล้ววันนี้มาให้สัมภาษณ์ เลขาฯ พรรคคุณบอกว่า เลือกตั้งคราวนี้ไอ้พวกเผาบ้านเผาเมืองอยากจะเป็นวีรบุรุษ จะมาเอาผลการเลือกตั้งชุบตัวเองให้เป็นวีรบุรุษ อันนี้ถูกครับ ไอ้พวกเผาบ้านเผาเมืองมันก็อยากเป็นวีรบุรุษ มันไม่อยากเป็นอาชญากร มันไม่อยากเป็นผู้ก่อการร้าย มันก็หวังเอาผลการเลือกตั้งไปฟอกความผิดของมัน นี่คือเกมของเขา ใช่มั้ยครับ

เช่นเดียวกัน ทำไมคุณไม่พูดอีกครึ่งหนึ่งล่ะ คุณก็เหมือนกัน คุณก็ต้องการอยากจะเป็นวีรบุรุษ อยากจะเป็นพระเอกบนความหายนะของชาติบ้านเมืองโดยไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้เขาเผาบ้านเผาเมือง คุณกำลังพยายามสร้างภาพคุณให้เป็นพระเอก เป็นวีรบุรุษ โดยการ กูไม่ทำอะไรเลย ใครจะเผาก็ช่างมัน ประชาชนจะตายก็ช่างมัน แต่ก็อยากเป็นพระเอก อยากเป็นวีรบุรุษ มันต่างอะไรกับพวกเผาบ้านเผาเมือง เผาแล้วอยากจะเป็นวีรบุรุษ คนปล่อยให้เขาเผาแล้วก็อยากเป็นวีรบุรุษเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ

มันพูดเอาดีใส่ตัว ต่างคนก็ต่างพูดเอาดีใส่ตัว นี่คือปีกฝ่ายนี้เป็นอย่างนี้ ส่วนปีกฝ่ายนี้ก็บอกแล้ว เผาบ้านเผาเมืองเสร็จกูก็หวังผลเลือกตั้งมาฟอกความผิด ถูกมั้ยครับ หวังเอาผลเลือกตั้งเพื่อฟื้นอำนาจกลับคืนมา เพราะช่องทางการเลือกตั้งนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาฟื้นอำนาจกลับคืนมา โดยการทุ่มรณรงค์หาเสียงเต็มที่ ทุกกระบวนท่า ไม่ว่าซื้อ ไม่ว่าจ้าง ไม่ว่าทำทุกกอย่าง มันทำหมด ฝ่ายนี้ก็ทำแบบนี้ กลับมามีอำนาจแน่นอน มันกลัวอยู่อย่างเดียว มันกลัว 2 อย่าง หนึ่ง กลัวทหารปฏิวัติ สอง กลัวประชาชนพันธมิตรฯ ลุกขึ้นมาขับไล่มันครับ ใช่มั้ย มันไม่ได้กลัวเลยไอ้น้ำหน้าอย่างพวกคุณน่ะ ต่อให้คุณเป็นฝ่ายค้านไป 100 ปี มันก็ไม่กลัวครับ เขาไม่กลัวหรอก เขากลัวทหารปฏิวัติ กับกลัวประชาชนไล่

เวลานี้การข่าวของผมน่ะแม่น มันกลัวทหารปฏิวัติ ไอ้ฝั่งนู้นมันคิดว่ามันชนะการเลือกตั้งแน่ มันต่อสายแล้วครับ มันต่อสายแล้ว มันส่งคนเข้าไปต่อสายแล้วว่า ขอคุณอย่าขัดขวางการเลือกตั้ง ถ้าผมชนะมา ผมรับประกันว่าจะไม่ปลดคุณ และให้สิทธิ์คุณในการเลือกใครก็ได้มาเป็นรัฐมนตรีฯ กลาโหม โอเคมั้ย เพื่อเป็นหลักประกันแน่นอน อ่ะ โอเค มีน้ำจิ้มไปหน่อยนึง แค่นี้มันก็จบแล้วครับ

เพราะฉะนั้นฝ่ายนู้นเขาเคลียร์กันแบบนี้ แต่นายอภิสิทธิ์กำลังจะบอกว่า ไอ้นู่นมันมาเคลียร์กับเราผ่านคุณสนธิแล้ว อย่างนู้นอย่างนี้ ถ้าคุณพูดพล่อยๆ ไม่มีหลักฐาน ระวังจะโดนดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทได้นะ ถ้าผมเป็นนายกฯ แล้วรู้ว่าไอ้หมอนี่มันไปเจอกัน ไปมีการจ่ายเงินจ่ายทองซื้อกันนะ ผมจะต้องเอาข้อมูลมาตีแผ่วันนี้ เวทีนี้ก็เจ๊งแล้ว ใช่มั้ยครับ สนธิก็เจ๊งแล้ว เอาหลักฐานมาตีแผ่สิ เหมือนผมเอาหลักฐานมาตีแผ่น่ะ ผมบอกว่าเนี่ย ครอบครัวศิริโชคล้มละลายแล้ว ผมเอาคำสั่งมาตีแผ่ แล้วทำไมมึงไม่เถียงกูล่ะ อย่างนี้สิ ถูกหรือเปล่า

คุณเป็นนายกฯ มีสำนักข่าวกรอง มีสภาความมั่นคงฯ มีตำรวจสันติบาล มี ศรภ. มีเครื่องมือการข่าว คุณจะดักฟัง คุณจะติดตาม คุณรู้ทั้งนั้น ถ้ามันมีจริง ใช่มั้ยครับ มีหรือมันจะเล็ดรอดสายตาคุณไปได้ นี่มันเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ปั้นน้ำเป็นตัว โป้ปดมดเท็จแท้ๆ มันไม่มีมูลความจริง แต่มันต้องการทำลายเครดิตของแกนนำและผู้นำของพวกเรา เลว/ไม่เลวครับ

เพราะฉะนั้นท่าทีของฝั่งนี้ เรารู้แล้วว่าสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ถ้ากลับมา วุ่นวายแน่ครับ คนที่จะได้ประโยชน์จากฝั่งนี้คือกลุ่มทุนของเขา กลุ่มทุนใหญ่ที่สนับสนุน กลุ่มทุนกลางๆ เล็กๆ ต้องไปเป็นสมุนบริวารพวกนี้จึงจะอยู่ได้ ข้าราชการมันไม่แตะเฉพาะ ผบ.ทบ.ในช่วงแรก แต่ข้าราชการอื่นๆ คุณโดนแน่ เดี๋ยวสักพักพออำนาจรัฐมันแข็งแกร่งแล้ว เดี๋ยวมันค่อยตามเช็กบัญชีทีหลังครับ เรารู้สันดานและนิสัยมันครับ

เช่นเดียวกันกับพวกเรา แกนนำพันธมิตรฯ พวกเราบนเวทีนี้ ตอนนี้มันยังไม่อยากมายุ่งกับเรา เพราะมันไม่ต้องการเปิดศึกหลายด้าน แต่เมื่อไรมันได้อำนาจรัฐมา แล้วอำนาจรัฐมันเข้มแข็งแล้ว มันไล่บี้พวกเราแน่ และพวกเราก็ต้องสู้ยิบตา ใช่มั้ยครับ ส่วนไอ้หมอนั่น พอไม่ได้เป็นนายกฯ รับรองมันหนีไปอยู่ต่างประเทศ ไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือ รอบ้านเมืองสงบ มีโอกาสจะเป็นนายกฯ อีกรอบ มันถึงจะโผล่หน้ากลับมาให้เราเห็น

นี่ผมฟันธงได้เลย เพราะฉะนั้นสถานการณ์วันนี้ ไอ้เรื่องที่ไปร้องเรียนคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ว่าเราไม่เห็นด้วยนะ ผมเห็นด้วย คุณแก้วสรรทำไปเลย หมอตุลย์ทำไปเลย ทำไปเลยยยย อัญเชิญำพ่อเจ้าประคุณ เราสนับสนุนอยู่แล้ว ขอให้คุณออกหน้า แล้วอย่าทำเรื่องนี้เรื่องเดียว ทำหลายๆ เรื่องครับ แล้วถ้าจะไม่ให้เขาครหาว่าคุณเป็นเครื่องมือของพรรคประชาธิปัตย์ คุณเล่นงานคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่มันโกงด้วยสิ ไปร้องเรียน ป.ป.ช.ด้วยสิ มีตั้งหลายเรื่อง พรรคร่วมรัฐบาล ทำไมคุณไม่ร้องเรียน ใช่มั้ยครับ เอาด้วย พวกเราจะได้สนับสนุนเหมือนกับ 21 องค์กรเอกชนที่เขาออกมา อย่างนี้เราสนับสนุนใช่มั้ยครับ เขาจะได้ไม่ครหาว่า ทำไมทะลึ่งเสือกมาร้องเรียนเอาตอนหาเสียงเลือกตั้ง ตอนก่อนนี้ทำไมไม่ทำ หรือหลังจากเลือกตั้ง ทำก็ได้ ใช่มั้ยครับ แต่ไม่เป็นไรทำตอนนี้ก็เดินหน้าไปเลย ยินดีสนับสนุนครับ

แต่ยังไงมันก็หยุดระบอบอำนาจเขาไม่ได้ เพราะถ้ายิ่งลักษณ์หลุดจากตำแหน่งนายกฯ เขาก็โหวตเอาคนใดคนหนึ่งขึ้นมาแทนเหมือนเดิม ใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นเราเนี่ย พลังโหวตโนต้องการขุดรากถอนโคนทั้งสองระบอบ ไม่ว่าระบอบอภิสิทธิ์-ระบอบทักษิณ เพราะเราเห็นปัญหาและธาตุแท้ของนักการเมืองหมดไส้หมดพุงแล้ว

มาถึงบทตรงนี้ ท่าทีของพวกเราที่ตัดสินใจโหวตโน ไม่ประสงค์ลงคะแนน พี่น้องที่ไม่เข้าใจจงเข้าใจเสียว่านี่คือการสร้างพลังอำนาจที่จะต่อรองและทำให้พวกเรามีความเข้มแข็ง มีแต่ทำให้พี่น้องพันธมิตรประชาชนฯ เข้มแข็งเท่านั้น จึงจะเป็นหลักประกันว่าระบอบทักษิณจะไม่สามารถฟื้นคืนชีพกลับมา ไม่ใช่ไปให้โอกาสนายแหลอีกรอบหนึ่งครับ

เราให้มาแล้ว คุณพิสูจน์มาแล้ว คุณเห็นแล้ว แต่ใครล่ะที่สู้กับระบอบนี้ ถ้าไม่ใช่พวกเรา ใช่มั้ยครับ เอาล่ะครับวันนี้พูดมา เขาบอกว่าใกล้หมดเวลาแล้วเหลืออีก 20 นาที อ๋อ ไม่ใช่เขาบอกหมดเวลาแล้ว ก้ถือว่าพอสมควรแก่เวลานะครับ นี่กี่โมงกี่ยามแล้ว สี่ทุ่มแล้ว ยังมีเรื่องที่อยากจะพูดคุยให้มุมมองกับพี่น้องที่อยู่ที่นี่และอยู่ทางบ้านว่า เราต้องมองการเมืองโดยเอาประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง อย่ายึดติดกับบุคคลใดหรือพรรคใดเป็นที่ตั้ง เอาประโยชน์ชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ถ้าท่านคิดดีกว่าพวกเรา คิดว่าทำอะไรที่มันดีกว่านี้ และเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมือง บอกมาเถอะครับ เรายินดีที่จะปฏิบัติตามและรับฟังความเห็น แต่วันนี้นี่คือโอกาสและทางเลือกที่ดีที่สุดที่ประชาชนอย่างพวกเราจะกระทำได้ในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ครับ

ผมเชื่อว่าเรามีเหตุผลและเคารพเหตุผล แต่เหตุผลที่ท่านมาพูดว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าลงอย่างนี้มันจะเป็นอย่างนั้น มันไม่มีเหตุผลหักล้างทำให้เราเชื่อ เพราะฉะนั้นทุกอย่างเป็นไปตามที่เรารณรงค์โฆษณา เลือกใครมันก็ฉลาดพอๆ กัน แก้ปัญหาไม่ได้ ไม่ว่าควายใส่เสื้อสีฟ้า หรือควายใส่เสื้อสีแดง มันก็คือๆ กัน พอๆ กันล่ะครับ เพราะฉะนั้นกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน โก้จะตาย มีเกียรติและเท่ห์ที่สุดครับ เป็นทางเลือกทางออกของบ้านเมืองครับ

เอาล่ะ ปิดท้ายด้วยเพลงที่ไม่ร้องไม่ได้ครับ

(เพลง : ศรัทธา)
กำลังโหลดความคิดเห็น