“ไอ้เต้น” ฉะ “แก้วสรร” สร้างวาทกรรมกล่าวหาเพื่อไทยเตรียมนิรโทษกรรม “นช.แม้ว” ยันไม่คิดทำเพื่อนายใหญ่คนเดียว แต่จะหารือกับทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความปรองดอง เหน็บรังเกียจนิรโทษกรรม แต่ไม่รังเกียจคราบไคลเผด็จการที่แปดเปื้อนอยู่เต็มตัว วอนอย่าใส่ร้ายป้ายสีกล่าวหาจัดแก๊งตามราวี “มาร์ค” ยันไม่เคยทำ มีแต่ถูกรังแก ขู่แฉรายชื่อบุคคลในขบวนการทำลายล้าง โวมีหลักฐานได้รางวัลรถยุโรปสุดหรู แถมรู้อีกว่าจะมีการโกงวันลงคะแนนล่วงหน้าหลายจังหวัดภาคอีสาน แนะ ขรก.ที่จะช่วยทุจริตให้เลิกทำ เพราะนี่้คือคำเตือนของพรรคที่จะได้เป็นรัฐบาล
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของ นายแก้วสรร อติโพธิ เครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมคอรัปชั่นทักษิณ (คนท.) และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน (กลุ่มคนเสื้อหลากสี) ที่จะกล่าวโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ฐานให้การเท็จต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีซุกหุ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า สังคมคงจะได้เห็นว่าพอใกล้วันเลือกตั้งก็จะมีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวโดยมีวัตถุประสงค์ชัดว่าต้องการให้เกิดผลกระทบในทางบวกหรือลบ กับพรรคการเมืองที่แข่งในสนามเลือกตั้ง
โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเองได้ประสบอยู่ก็ชัดเจนว่าเป็นบุคคลหน้าเก่าเป็นขาประจำที่ผูกพยาบาทอาฆาตพรรคนี้สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ วิธีการที่ใช้ขณะนี้ คือ เริ่มต้นจากสร้างวาทกรรมขึ้นมาให้เป็นประเด็นปัญหาในสังคม และหลังจากนั้น ก็เคลื่อนไหวตามวาทกรรที่ตัวเองเพื่ออธิบายเป็นเหตุผลว่ามีความจำเป็นที่จะต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องบ้านเมือง เป็นพฤติกรรมชงเองกินเองของกลุ่มคนที่ทำหน้าที่เคลื่อนไหวต่อสัญญาณกับพรรคการเมืองบางพรรคต่อสัญญาณกับอำนาจนอกระบบบางกลุ่มอยู่ตลอดเวลา ชัดๆ คือ กลุ่มนายแก้วสรร อติโพธิ กับ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และคณะ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า วาทกรรมที่ชงเองกินเองมีสองเรือง คือ หนึ่งเรื่องการพยายามอธิบายให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อน ว่า พรรคเพื่อไทย ต้องการเป็นรัฐบาลเพื่อต้องการนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นด้านหลัก พูดถึงว่าการเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย คราวนี้ เพื่อคนๆ เดียว ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ตนยืนยันว่า พรรคเสนอตัวต่อประชาชนในสนามเลือกตั้ง เพราะมั่นใจว่าผลงานที่ผ่านมา และนโยบายที่เรามีจะสามารถแก้ปัญหาทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมให้ประเทศได้ และเราเดินหน้าด้วยนโยบายไม่เคยมีพฤติการณ์ไปก้าวก่าย หรือใช้พฤติกรรมหาเสียงไม่สร้างสรรค์รุกรานฝ่ายอื่น ก็เดินอย่างนี้ตลอด และถ้าพรรคเราได้เป็นรัฐบาลมีทางเดียว คือ ประชาชนส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน เป็นรัฐบาลโดยอำนาจประชาชนเท่านั้นไม่ใช่อำนาจอื่น
ขอให้ นายแก้วสรร และคณะ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ เข้าใจตรงกันว่า ประชาชนเขามีสติปัญญาวิเคราะห์สถานการณ์เองได้ ไม่ใช่อยู่ๆ ไม่ใช่พรรคมาทำล่อลวง หรือชักจูงให้เข้าใจผิดมาลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทยทั้งประเทศ และขอให้คนกลุ่มนี้เคารพความเห็นของประชาชนด้วย ไม่มีหรอกที่จะนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียว แต่เรามีแนวคิดสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงกับคนในชาติ และจะเกิดขี้นได้ต่อเมื่อหากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้ใจให้เป็นรัฐบาล ก็จะต้องหารือและเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลต่างๆ องค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและแนวทางการปรองดองก็น่าจะเกิดจากวงนั้น ดังนั้น คำว่านิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือให้ใครยังอยู่อีกไกล และไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของพรรค แต่อยู่ในวาระของการปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนมุมมองทัศนะจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่เวลาเอามาพูดเพียงมีการตัดต่อชนกันเฉพาะพรรคเพื่อไทย นิรโทษกรรมทันทีอย่างนี้ไม่ตรงข้อเท็จจริง
“การนิรโทษกรรมเป็นเครื่องมือหนึ่งที่หลายประเทศใช้ในการปรองดองเพื่อแก้ปัญหาการแตกแยกของคนในชาติ แต่นี่ไม่ใช่เครื่องเดียวแต่มีอีกลายชิ้น ส่วนประเทศไทยจะเลือกใช้อันไหนรอถึงวันนั้นถึงค่อยมาร่วมพิจารณกัน แต่วาทกรรมที่ นายแก้วสรร และพรรคประชาธิปัตย์ กับพวกนำมาใช้เพื่อมุ่งหมายต้องการให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่ต้องการ”
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องต่อมาขณะนี้มีความพยามอธิบายว่าพรรคเพื่อไทยกำลังเดินแผนบันได 4 ขั้น โดยบอกว่า เราจะมาสร้างความแตกแยกเพิ่มให้กับบ้านเมือง ขอยืนยันว่า ตั้งแต่ทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย และเดินสายกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทุกเวที และได้มีโอกาสหารือกับผู้บริหารพรรคทุกวงประชุม ไม่เคยมีการปรากฏแผนบันได 4 ขั้น เอามาพูดในพรรคการเมืองนี้ แต่ตนไม่ทราบว่าเอามาจากไหนอย่างไร และพูดจนจะกลายเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย และถ้า นายแก้วสรร รู้สึกรังเกียจไม่สบายใจกับคำว่าแผนบันได 4 ขั้น น่าจะหันหน้ามอง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพราะ นายอภิสิทธิ์ และ พรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาตามแผนบันได 4 ขั้นของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.แต่ที่พรรคเพื่อไทยไม่มี แต่ถ้ามีๆ แต่ลิฟต์ธรรมดา และบันไดธรรมดาเท่านั้น
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การนิรโทษกรรม ถ้านายแก้วสรรกับพวกรู้สึกว่ารังเกียจคำนี้ และต่อต้านให้ได้ ตนจะชี้เป้าให้ก็ได้ ว่า ในประเทศไทยมีคนกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ทำเรื่องนี้ คือ กลุ่มผู้ทำรัฐประหาร และกลุ่มเผด็จการทหารผู้ใช้กำลังปราบปรามและเข่นฆ่าประชาชน ครั้งล่าสุดที่มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม คือ ครั้งที่ คมช.ยึดอำนาจ พอยึดอำนาจแล้วก็ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวเองก็เอาอำนาจที่ปล้นจากประชาชนไปตั้ง นายแก้วสรร เป็น คตส.
“นายแก้วสรร เวลาดูกระจก เห็นหน้าตัวเองแล้วไม่นึกรังเกียจคราบไคลของเผด็จการที่แปดเปื้อนอยู่เต็มตัวบ้างหรือ และนายแก้วสรร ที่มาออกฤทธิ์ก็มาจากกระบวนการที่ปล้นอำนาจจากประชาชนแล้วนิรโทษกรรมตัวเองไม่ใช่หรือ อันนี้ชัด”
ส่วนที่กล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทยไปจัดตั้งอบรมประชาชนให้ไปเคลื่อนไหวขัดขวาง หรือแสดงอาการไม่พอใจเมื่อ นายอภิสิทธิ์ ไปหาเสียงนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะเรามั่นใจว่านโยบายของเราชนะใจของประชาชนได้ และเรามั่นใจว่า สองปีกว่าที่นายอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลยิ่งทำพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงมากขึ้น ไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินการเช่นนั้น และภาพที่แสดงออกต่อนายอภิสิทธิ์ ก็เป็นไปโดยธรรมชาติ เพราะฉะนั้นขออย่าได้ใส่ร้ายป้ายสีกันอย่างนี้ ซึ่งการที่ประชาชนคนใดจะแสดงออกอย่างไรจะไปบังคับ หรือหวงห้ามไม่ได้ แต่แบบจัดตั้ง หรือเป็นกระบวนการที่จะทำลายพรรคการเมืองอื่นไม่มี มีแต่กลุ่มคนที่พยามขัดขวางทำลายพรรคเพื่อไทย
“ผมทราบข้อมูลมาว่า ตัวละครหลายตัวในกระบวนการโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ กระบวนการสืบทอดอำนาจ คมช.ได้จับมือรวมกลุ่มทำภารกิจนี้อยู่ ที่โผล่ออกมาแล้วสองสามคนที่เห็นมายื่นหนังสือ แล้วมีอีก และอีกวันสองวันผมจะเอาข้อมูลเอารายชื่อมาเปิดให้ทราบ บางคนถึงกับได้รถยุโรปราคาแพงมาใช้ได้ ถึงกับมีบอดี้การ์ดมาดูแลความปลอดภัย บางคนเงียบหายไปแล้วยังได้มีการประชุมปฏิบัติการกับเขาด้วย ผมเรียกร้องว่า หยุดเถอะ อย่าทำร้ายจิตใจประชาชนมากกว่านี้ และอย่าทำลายโอกาสในการเดินก้าวพ้นวิกฤตของประเทศไทยอีกเลย หากไม่หยุดเดี๋ยวก็คงจะต้องมีการเปิดชื่อกันให้ประชาชนได้รับทราบกันจะบอกด้วยว่ารถยี่ห้อไหน รุ่นไหน จะบอกด้วยว่าที่มาเดินตามเป็นบอดี้การ์ดกี่คน จะเอากันแบบนั้นก็ได้”
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ประการต่อมา การเลือกตั้งล่วงหน้า 26 มิ.ย.เราทราบมาว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าคราวนี้ มีพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงเรื่องความตรงไปตรงมา เรื่องความปลอดภัยของหีบบัตรลงคะแนน จังหวัดที่ว่า เช่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลฯ โคราช ศรีสะเกษ ยโสธร เขาบอกว่า จังหวัดเหล่านี้มีกลุ่มบุคคลที่ยืนอยู่กับอำนาจรัฐ จะใช้ข้าราชการตำรวจบางคน จะใช้ข้าราชการฝ่ายปกครองบางคนเล่นกลกับบัตรเลือกตั้ง หีบลงคะแนน เรื่องนี้เราไม่ได้นิ่งนอนใจ และฝ่ายกฎหมายหรือผู้สมัครในพื้นที่ของพรรค ก็จะต้องทำงานตรวจสอบสอดประสานกันอย่างเข้มข้นเพื่อดูแลการเลือกตั้งล่วงหน้าให้ปลอดภัยไม่ให้
“ใครมาใช้วิชามารเพื่อให้ผลคะแนนในหีบพลิกไปเป็นของตัวเองได้ ซึ่งจังหวัดเหล่านี้เป็นจังหวัดที่อยู่ในอำนาจของนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง และต้องการเหลือเกินที่จะมีที่นั่งในพื้นที่ภาคอีสาน ดังนั้น จึงต้องพูดดังๆ ให้คนกลุ่มนี้ได้สำนึกด้วยว่า เรารู้และเราจะไม่ยินยอมให้เกิดเหตุการณ์เหล่านั้น และขอให้ข้าราชการบางคนหยุดพฤติกรรมอย่างนี้เสีย และหลังเลือกตั้งมีแนวโน้มสูงว่าจะเปลี่ยนรัฐบาล ขอให้รับใช้ประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งนี่คือ เสียงเรียกร้องจากพรรคการเมืองที่เชื่อว่าจะได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล”
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่หลายพื้นที่ ตนพบว่า เวลาเราพูดถึงนโยบาย แทปเล็ตพีซี หมายถึงคอมพิวเตอร์มือถือหนึ่งเครื่องต่อนักเรียนหนึ่งคน ได้รับความสนใจจากนักเรียนและผู้ปกครอง และตนได้ประสานเพื่อให้นำแทปเล็ตพีซีมาดู (นำแทปเล็ตพีซีมาโชว์) หลังพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลหลังการศึกษาแรกเปิดการเรียน การสอน นักเรียนประถมหนึ่งจะมีอุปกรณ์นี้ถือไปโรงเรียนปีแรกจะแจก 8 แสนเครื่อง ในนี้จะมีโปรแกรมที่เหมาะกับการเรียนรู้ของเด็กในวัยเริ่มต้นและตัวเครื่องก็จะใช้อินเตอร์เนตโดยจะสอดรับกับฟรีไวไฟ
นอกจากนี้ ยังมีความคิดที่จะขยายผล ยกระดับการเรียนรู้ของสังคมไทยให้เติบโตไปอีก กำลังมีคนลองทำโครงการดิจิตอลตำบล โดยเชื่อมคอมพ์ระบบแลนด์เข้าด้วย และจะสอดประสานกับลูกหลานให้มีคอมพิวเตอร์ทุกคนในวัยเรียน และตนยืนยันว่า ทำได้ไม่ต้องใช้เงินเป็นแสนล้านบาท เหมือน นายอภิสิทธิ์ พยายามบอกว่าโครงการใหม่ๆ ของพรรคเพื่อไทยจะใช้เงินเป็นแสนล้านบาท ซึ่งการที่นายอภิสิทธิ์พูดเป็นอาการของคนคิดไม่ออก บอกไม่ถูก