ปาร์ตี้ลิสต์แดงซัด “หมอตุลย์-แก้วสรร” ใช้ กม.เป็นเครื่องบังหน้าดิสเครดิต “ปูแดง” จี้ทีม กม.พรรคเอาคืน ชี้เป็นคนใกล้ชิด ปชป. เหน็บเฟซบุ๊กลากไส้อภิสิทธิ์ ตอน “มาร์ค-เนวิน” คงไม่มีวันพรากจากกัน แนะมาร์ค-บรรหารสร้างละครเรื่อง “คู่แท้ทรมาน”
วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แพทย์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในฐานะแกนนำกลุ่มเสื้อหลากสีและเครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมคอร์รัปชันทักษิณ (คนท.) นำโดยนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการและอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) พยายามที่จะตรวจสอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ผ่านทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอนั้น เป็นการกระทำที่ต้องการจะให้สังคมเกิดความสับสน คนกลุ่มนี้กระทำโดยไม่สุจริต และมีภาวะแอบแฝงเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อคะแนนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์โดยใช้วิธีการของกฎหมายมาเป็นเครื่องบังหน้า อีกทั้งขั้นตอนของกฎหมายนั้นต้องใช้เวลาเกินกว่าหลังการเลือกตั้งไปอีกนานกว่าจะตัดสินชี้ถูกหรือผิดได้ เพราะฉะนั้นทางทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยก็จะเร่งดำเนินการต่อเรื่องนี้ด้วย เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อคะแนนของพรรคเพื่อไทยอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการผิดต่อมาตรากฎหมายการเลือกตั้งด้วย
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ความพยายามของกลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ที่พูดจายั่วยุ เสียดสีนั้นไม่สามารถทำร้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ จึงเลือกที่จะใช้กระบวนการโดยการใช้แก้วหน้าม้าออกมาทำลาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เห็นได้จากการที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เคยพูดหลายครั้งว่านายแก้วสรรเป็นคนที่ทำงานให้กับพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด ตนจึงอยากถามว่านี่คือการแบ่งงานกันทำของพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่
นายณัฐวุฒิยังต่อกล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนบทความจากใจอภิสิทธิ์ ถึงคนไทยทั้งประเทศ ผ่านทางเว็บไซต์เฟซบุ๊กว่า ตนคิดว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นลากไส้อภิสิทธิ์ ถึงประชาชนมากกว่า อย่างกรณีนายอภิสิทธิ์เขียนถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าไม่เคยขึ้นไปบนเวที แต่ก็ปกป้องสิทธิกลุ่มพันธมิตรฯ มาโดยตลอดนั้น ตนก็อยากจะทราบว่าเหตุใดนายอภิสิทธิ์ถึงไม่ปกป้องสิทธิของกลุ่มคนเสื้อแดงบ้าง หรือเป็นเพราะกลุ่มเสื้อแดงมีความคิดที่ตรงข้ามกับนายอภิสิทธิ์ อีกทั้งนายอภิสิทธิ์ยังบอกว่าตนเองแสดงจุดยืนว่าไม่เห็นชอบกับการเข้ายึดสนามบินหรือทำเนียบรัฐบาล ตนเห็นว่าคงเป็นแค่จุดยืนบนดินเท่านั้น แต่ทางกลับกันคนของพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมากก็ไปปรากฏตัวบนเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ มาโดยตลอด
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังยอมรับเป็นครั้งแรกว่าได้มีการพบกับนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญจริง ซึ่งเป็นวันที่นายพสิษฐ์มาบอกกับนายอภิสิทธิ์ว่าพรรคพลังประชาชนกำลังจะถูกยุบพรรค และนายอภิสิทธิ์พูดว่าพรรคเดียวมันก็ยังไม่จบ และน่าจะจบไปในคราวเดียวกัน โดยตนได้รับรู้เรื่องนี้จากนายพสิษฐ์ แต่นายอภิสิทธิ์กลับไม่เขียนลงไปในบันทึกฉบับนี้
นายณัฐวุฒิยังกล่าวต่อถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้ตัดสินเปลี่ยนขั้วทางการเมือง มาจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายอภิสิทธิ์เขียนถึงนายเนวินโดยมีใจความว่า “ผมเข้าใจดีถึงความรู้สึกของพี่น้องจำนวนไม่น้อยที่แสลงใจกับภาพที่คุณเนวินเข้ามาโอบกอดผม ผมมองอย่างให้ความเป็นธรรมกับคุณเนวินว่า การตัดสินใจย้ายขั้วทิ้งคุณทักษิณ ที่คุณเนวิน เรียกว่า “นาย” ย่อมเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากไม่น้อย คำพูดที่คุณเนวินฝากไปถึงคุณทักษิณที่ว่า “มันจบแล้วครับนาย” ด้วยเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอเบ้าคงจะยังเป็นบาดแผลในใจคุณเนวินมาจนถึงวันนี้ ไม่ว่าคนจะมองคุณเนวินในภาพอย่างไร แต่ในวันนั้นผมเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าคุณเนวินได้ตัดสินใจทางการเมืองเพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้” ตนคิดว่าคงไม่มีใครเข้าใจนายเนวินเท่ากับนายอภิสิทธิ์อีกแล้ว นายอภิสิทธิ์และนายเนวินคงไม่มีวันพรากจากกัน ถึงขนาดที่ว่าตนอ่านแล้วยังกลั้นใจเอาไว้ไม่อยู่ และนี่คือการปราศรัยต่อประชาชนว่าหากเลือกพรรคประชาธิปัตย์ก็จะได้นายเนวินอย่างแน่นอน ตนก็ขอให้ทั้งคู่ได้ประสบความสำเร็จทางการเมืองร่วมกัน ส่วนกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒน จะสร้างละคร โดยมีตัวละครเอกคือนายอภิสิทธิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ตนคิดว่าถ้าจะสร้างก็ไม่ขัดข้อง แต่ตัวเอกทั้ง 2 ตัวมีความคิดที่ขัดแย้งกัน จึงอยากจะแนะนำให้นายบรรหารสร้างละครที่มีตัวเอกเป็นนายอภิสิทธิ์และนายเนวิน โดยใช้ชื่อว่าคู่แท้ทรมานน่าจะเหมาะสมมากกว่า
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ยอมหยุดพูดถึงกองกำลังชุดดำนั้น ตนคิดว่านายสุเทพน่าจะไปพบแพทย์ เพราะรู้สึกว่าจะเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งถ้านายสุเทพรู้ว่ามีกลุ่มกองกำลังชุดดำเหตุใดนายสุเทพที่มีฐานะเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงถึงไม่เข้าจัดการปัญหานี้ให้เรียบร้อยตามที่ออกมาระบุ ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมที่จะพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่ง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะเพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง กลัวถูกพรรคการเมืองอื่นครหานั้น ตนอยากจะเรียนว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีความพยายามต้องการที่จะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ แบบดื้อดึงจะเอาให้ได้ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์แค่แสดงท่าทีเปิดเผยแบบตรงไปตรงมาที่จะเข้าพบเพื่อปรึกษาหารือหรือรับฟังข้อชี้แนะหรือข้อแสดงความคิดเห็นเท่านั้น