ชาติไทยพัฒนาเปิดตัวนโยบายกุญแจ 2 ดอก กู้ซื้อบ้านดอกเบี้ย 1% 10 ปี ผ่อนเดือนละ 2 พัน “ชุมพล” เดินตลาดยิ่งจริญ โชว์ปรุงสุกี้ ชี้พวกโจมตี “ปู-มาร์ค” แค่แย่งเสียงเรื่องธรรมดา ไม่ทำลายปรองดอง ชี้หลังเลือกตั้งอะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ แต่อย่าลากกองทัพจุ้น แย้มผุดแผนปรองดองเร็วๆ นี้
วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่โรงแรมอินเตอร์คอนฯ นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วยนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมกันเปิดตัว “นโยบายกุญแจ 2 ดอก” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดให้จีดีพีเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายใน 5 ปีด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง และรถยนต์ โดยจะเสนอเงินกู้ซื้อบ้าน ดอกเบี้ยคงที่ 1% เป็นเวลา 10 ปี ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้น 2,000 บาท
นายชุมพลกล่าวว่า อยากเห็นคนไทยทุกคนมีกุญแจ 2 ดอก คือ ดอกหนึ่งเป็นกุญแจไขเข้าบ้าน อีกดอกหนึ่งเป็นกุญแจไขรถยนต์ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการกินดีอยู่ดี และเป็นสัญลักษณ์ว่าพรรคชาติไทยชาติไทยพัฒนาจะทำทุกอย่างให้เศรษฐกิจดีขึ้นเพื่อทุกคน ทั้งชาวไร่ชาวนา สาวโรงงาน หรือคนกินเงินเดือน
ขณะที่ นายประดิษฐ์กล่าวว่า นโยบายกุญแจ 2 ดอกของพรรคชาติไทยพัฒนาเน้นการปฏิบัติได้จริง ต่างจากนโยบายเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่ออกมาในแนว ลดแลกแจกแถม ซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศในระยะยาวได้ แต่นโยบายกุญแจ 2 ดอกจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงและเป็นเศรษฐกิจระยะยาว ไม่ได้ต้องการให้ประชาชนเป็นหนี้ แต่ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาปากท้องได้ทันที นอกจากนี้ เจ้าของบ้าน เจ้าของทรัพย์สินสามารถส่งมอบเป็นมรดกให้กับลูกหลานได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่านโยบายดังกล่าวจะทำให้คนทั่วไปที่มีรายได้ 6,000 บาท สามารถกู้เงินเพื่อซื้อบ้านหลังละ 500,000 บาทได้ โดยจ่ายเงินผ่อนในราคาใกล้เคียงกับการเช่าบ้านที่เสียๆเปล่าๆไป
ขณะที่เมื่อช่วงเช้า นายชุมพลพร้อมด้วยนายวิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรค ได้ลงพื้นที่หาเสียงกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดยิ่งเจริญ ซึ่งก่อนหาเสียงนายชุมพลและคณะสักการะท้าวมหาพรหมณ์ประจำตลาดยิ่งเจริญ ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้นายชุมพลยังได้โชว์ปรุงสุกี้ร่วมกับแม่ค้าในตลาด
จากนั้นนายชุมพลได้ให้สัมภาษณ์ถึงบรรยากาศการเลือกตั้งที่ยังมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง มีการขุดคุ้ยเรื่องซุกหุ้นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และการหาเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสื้อแดงยังตามป่วนว่า ทั้งหมดเป็นแต่เพียงคำพูด ซึ่งอยู่ในช่วงของบรรยากาศหาเสียงเลือกตั้ง เป็นธรรมดาที่แต่ละฝ่ายพยายามแย่งชิงเสียงจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประกาศไม่ร่วมงงานกับพรรคนั้นแต่จะร่วมงานกับพรรคนี้ การท้าทายให้มีการดีเบต การโจมตีจุดอ่อน แม้แต่แต่เรื่องโพลก็ถือว่ามีส่วน ซึงไม่น่าถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เอาไว้หลังการเลือกตั้งผลออกมาเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที ช่วงหาเสียงเลือกตั้งยังเอาอะไรแน่นอนไม่ได้ อย่างกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีการยื่นให้ตรวจสอบกรณีซุกหุ้นก็ยังถือว่าดีที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว จะซุกหุ้นหรือไม่ซุกหุ้น อะไรก็แล้วแต่จริงไม่จริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้น บรรยากศของการเลือกตั้ง เรื่องของตัวบุคคลหรือมีถ้อยคำโผล่เข้ามาก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่น่าถือสาเป็นเรื่องใหญ่โต เพราะท้ายสุดแล้วอะไรที่เป็นความจริงก็ต้องเป็นความจริง
เมื่อถามว่าจะเป็นการทำลายบรรยากาศการปรองดองด้วยหรือไม่ นายชุมพลกล่าวว่า ไม่ เพราะเป็นเพียงผิวเผินในเรื่องของคำพูดเท่านั้น การปรองดองต้องมีหลักการและจะต้องมีหัวใจที่จะปรองดอง ไม่ใช่เอาคำพูดมาปรองกันมันไม่ใช่ รวมถึงต้องมีหลักการและมีบุคคลที่จะมาปรองดองให้ ไม่ใช่คู่กรณีปรองดองกันเอง ไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกัน เมื่อถามว่าคนที่ยื่นให้ตรวจสอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์มีการมองว่าเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ นายชุมพลกล่าวว่า มีสิทธิ์ที่จะมองได้ และคนที่ไปยื่นก็มีสิทธิ์ ส่วนจะจริงเท็จอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่น่าถือเป็นเรื่องใหญ่โต ก็อย่างที่นายบรรหาร ศิลปอาชา บอกว่ามันเป็นแค่ละครไม่ใช่ของจริง ที่จะเอาพระเอกนางเอกมาแต่งงานกัน มันเป็นแค่นิยาย ไว้หลังเลือกตั้ง เพราะอะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน ดังนั้นต้องพึงสังวรณ์ไว้ว่าประชาธิปไตยต้องได้รับการพัฒนาต่อไป ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการออกเสียงเลือกตั้ง และต้องยึดเสียงประชาชนเป็นหลักในการพิจารณาอะไรต่อไป
“ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดีแล้ว แต่สิ่งที่ไม่ควรจะทำคือไปตะกุยคนในกองทัพ เขาอยู่ของเขาดีๆ ก็ไม่มีอะไร บรรดาผู้มีสีจะคุยอะไรกันก็แสดงความคิดเห็นได้ แต่ความคิดเห็นนั้นจะตกผลึกของสังคมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นคนละเรื่องกัน หากพรรคการเมืองจะเข้าไปหารือกับกองทัพ ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่พรรคชาติไทยพัฒนาคงไม่ไปพบ แต่จะไปหาเสียงในค่ายทหาร” นายชุมพลกล่าว
เมื่อถามว่า แผนบันได 4 ขั้นที่จะเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้ายกลับบ้าน เป็นไปได้หรือไม่ นายชุมพลกล่าวว่า ตนยังไม่เห็นเลยว่าบันได 4 ขั้นเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าจะกี่ร้อยขั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนออะไรก็ตามที ตอนนี้ปรองดองเป็นเรื่องใหญ่ ต้องทำให้กระแสปรองดองครอบงำสังคมให้ได้ก่อน เพื่อไปสู่ความสงบของประเทศ เศรษฐกิจ สังคมจะเดินหน้าได้ขึ้นอยู่กับการปรองดอง ส่วนจะมีวิธีการอย่างไร พรรคและคณะกำลังเตรียมแผนการเอาไว้แล้วซึ่งจะออกมาเร็วๆ นี้