นายกฯ เห็นพ้อง “ฮุน เซน” เสนอเงื่อนไขแก้ปัญหาขัดแย้ง ถือเป็นเรื่องดี แต่เขมรต้องจริงใจหยุดแผนขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เลิกนำปัญหาความขัดแย้งเข้าสู่เวทีต่างๆ พร้อมต้องถอนกำลังทหารออกจากบริเวณพระวิหารด้วย ยันพยายามช่วยเหลือ “วีระ-ราตรี” ต่อเนื่อง
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังท่าอากาศยานดอนเมือง ด้วยรถยนต์ประจำตำแหน่ง เบนซ์ s600 สีดำ หมายเลขทะเบียน ษห 3834 โดย นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปลงพื้นที่หาเสียงใน จ.สุโขทัย ถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรี กัมพูชา มีข้อเสนอ 3 ข้อในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทความขัดแย้งเรื่องปราสาทพระวิหาร ว่า ความจริงการแก้ปัญหาที่จะเห็น คือ การพูดคุยกัน และกรอบที่มีอยู่แล้ว คือ เจบีซี หากเห็นว่า เจบีซีเป็นเวทีที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เราต้องเริ่มต้นจากการเข้าใจว่า กรอบเจบีซีที่มีเอ็มโอยูที่ระบุไว้ชัด ว่า พื้นที่ตรงนั้นต้องไม่มีใครเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไร ฉะนั้น หากจะใช้กลไกเดิมต้องเคารพเอ็มโอยู ซึ่งหมายถึงกัมพูชาต้องถอนคนออกไปนอกพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนถ้าหากเห็นว่าในพื้นที่ตรงนั้นจะมาตกลงบริหารร่วมกันทั้งสองฝ่าย ตนคิดว่ากัมพูชาก็ควรจะแสดงความจริงใจตรงนี้ด้วยการถอนเรื่องออกจากศาลโลก และด้วยการที่บอกกับมรดกโลกว่าการเดินหน้าที่จะไปขึ้นมรดกโลกฝ่ายเดียวนั้น จะหยุดเอาไว้ และค่อยมาคุยกับฝ่ายไทยก่อน ตนว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีระหว่างสองประเทศ
เมื่อถามว่า เป็นการถอนออกมาตั้งต้นกันใหม่ และให้มีการขึ้นทะเบียนร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ครับ ถอนมาตั้งต้นกันใหม่ ดูพื้นที่ทั้งหมดตรงนั้นและดูว่าจะทำอย่างไร แต่ถ้าหากบอกว่าอยากจะทำแนวนี้ แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังไปฟ้องศาลโลกไปเดินหน้าขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว ขณะเดียวกันก็ยังทำให้เกิดเหตุการณ์การปะทะ แต่ก็ไปเวทีต่างประเทศตนว่าก็ไม่สอดคล้องกับข้อเสนอที่พูดมาทั้งหมด
เมื่อถามว่า ทางกัมพูชาดูมีท่าทีอ่อนลง จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้พูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นท่าทีที่ชัดเจนตนและทางรัฐบาลไทยก็ยินดีคุย แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บอก ไม่เช่นนั้นการพูดคุยกันก็ทำไป แต่ปรากฏว่า กัมพูชาก็ไปเดินทางด้านอื่นอีก เมื่อถามต่อว่า แต่ในขณะนี้กระบวนการพิจารณาของศาลโลกก็ดำเนินการไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ากัมพูชาเห็นว่าแนวทางนี้ดีที่สุดก็ให้นำเรื่องออกมาจากองค์กรต่างๆซะ กลับมานั่งคุยกันสองฝ่ายปฎิบัติตามเอ็มโอยูก็หมดเรื่อง
เมื่อถามว่า คิดว่า แนวทางนี้เป็นแนวทางที่จะได้ประเทศทั้งสองฝ่ายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าดีที่สุด เพราะว่านั้นก็คือเจตนารมณ์ตั้งแต่ต้นของการทำเอ็มโอยู เพื่อไม้ให้มีปัญหาเขตแดนมาทำให้เกิดการกระทบกระทั่งและจะได้ไม่เดือนร้อนพี่น้องประชาชนบริเวณชายแดน ไม่กระทบความสัมพันธ์สองประเทศ ตนต้องการเห็นชายแดนมีความสงบ แต่ละประเทศรักษาสิทธิ์ของตนเอง และความสัมพันธ์ก็ส่งเสริมกันไป เพราะอยู่ในอาเซียนด้วยกันอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า จะมีการสอบสวนท่าทีของกัมพูชาให้ชัดเจนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนจะคุยกับทางกระทรวงให้ไปดำเนินการ แต่ตอนนี้ยังมีเรื่องอยู่ในเวทีอื่นๆ เพราะฉะนั้นก็ต้องให้มั่นใจเวทีอื่นๆก่อน เมื่อถามว่า หากเราสามารถดูแลท่าทีโดยรวมของไทยกับกัมพูชาได้ การที่เราจะนำนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ถูกกัมพูชาควบคุมตัวออกมาได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นส่วนที่เราพยายามทำอย่างต่อเนื่อง