กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ชี้หากมีการนิรโทษกรรมต้องยอมรับเพราะกฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ แต่ถ้าไม่ต้องการใหั้มีกฎหมายนี้ก็ต้องไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ เผยยอดผู้ขอใช้สิทธิล่วงหน้าพุ่ง 2.7 ล้านคน กทม.มากสุดกว่า 1 ล้าน สั่ง กกต.จังหวัดให้เพิ่มสถานที่ลงคะแนน
ที่โรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน จ.ชลบุรี มีการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการโรงเรียนประชาธิปไตย ระดับประถมศึกษา ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมีผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอนวิชาสังคมศึกษาในพื้นที่ 15 จังหวัด 25 เขตพื้นที่การศึกษา 75 โรงเรียน รวม 165 คน เข้าร่วมประชุม โดยนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม เป็นประธาน
นายวิสุทธิ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ใช้เป็นหลักในการปกครองประเทศ แต่ความขัดแย้งหรือการตีความกฎหมายรัฐธรรมนูญ รวมถึง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญต่างๆ ยังมีปัญหาในการบังคับใช้ ทำให้ความคิดเห็นในการปฏิบัติตามกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายเกิดปัญหาและเกิดความแตกแยกในบ้านเมือง ซึ่งไม่แน่ชัดว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร แต่ขณะนี้กำลังจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. เพื่อเลือกผู้แทนของตนเข้าเป็นตัวแทนหรือเป็นรัฐบาล หากเลือกผู้แทนที่ดี และมีความรู้ ซื่อสัตย์สุจริตบ้านเมืองก็จะได้รับการพัฒนา และสามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ แต่หากเลือกคนไม่ดีก็จะทำให้ประเทศชาติขาดการพัฒนา เกิดการทุจริตและเป็นปัญหา วัฏจักรวนเวียนไปกระทำการทุจริตการเลือกตั้งในการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และกลับเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
นายวิสุทธิ์กล่าวว่า วันนี้อย่าใช้วิธีการในลักษณะพวกมากลากไป เพราะไม่ใช่ระบบประชาธิปไตย ถ้าจะเอาแต่ใจก็จะทำให้สังคมปั่นป่วน แต่เราก็ต้องเคารพเสียงข้างมาก ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่หากไม่สนหรือใช้พวกมากลากไปหายนะก็เกิดกับประเทศชาติ นักการเมืองจะโกงเงินหลวง ถ้าข้าราชการป้องกัน ถามว่านักการเมืองจะโกงได้หรือไม่ ในทางกลับกันหากข้าราชการเหยียบหัวเพื่อนเพื่อขึ้นเป็นใหญ่โดยร่วมมือกับนักการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นระบบสมรู้ร่วมคิด ดังนั้นเราต้องสร้างกระบวนการป้องกันการถอนทุนคืนของนักการเมือง เพราะส่วนใหญ่นักการเมืองเข้ามา มักจะเข้ามาถอนทุนคืนเพื่อนำไปใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากมีกระบวนการป้องกันนักการเมืองจะใช้วิธีการอะไรเพื่อมาถอนทุน หรือหากนักการเมืองที่มีตำแหน่งไปสั่งการกับข้าราชการ แต่ข้าราชการยินยอม อาจถึงขั้นคิดคุกได้
“หลายคนสอบถามถึงการนิรโทษกรรม ซึ่งตนไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงกับใคร แต่เห็นว่าเราต้องเคารพกติกา การนิรโทษกรรมหรือการล้างมลทินมีมาทุกยุคทุกสมัยไม่เห็นมีใครว่า เพราะกฎหมายได้เปิดช่องให้สามารถออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้ แต่หากไม่ให้มีกฎหมายดังกล่าว ก็ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ให้เสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ตรงนี้เราต้องยอมรับ”
นายวิสุทธิ์กล่าวถึงยอดผู้มาลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่้วงหน้านอกเขตจังหวัดรวมทั้งประเทศที่หมดเขตวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา่ว่า เท่าที่ได้รับรายงานมาเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.เวลา 18.00 น. มียอดรวมทั้งประเทศจำนวน 2,712,184 คน แต่ตัวเลขนี้ยังไม่ถือว่าเป็นตัวเลขที่แน่นอน เพราะยังมีบางจังหวัด ยังกรอกรายชื่อผู้มาลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไม่หมด แต่ยอดขณะนี้ในพื้นที่ กทม.มีผู้มาลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ามากที่สุดถึง1,117,519 คน ลำดับที่ 2 จ.ชลบุรี มีผู้มาลงทะเบียนขอใช้ล่วงหน้าจำนวน 215,232 คน และลำดับที่ 3 จ.สมุทรปราการ จำนวน 206,302 คน ทั้งนี้ หากใครที่เคยลงทะเบียนไว้แล้วไม่ได้แจ้งเปลี่ยนสถานที่เลือกตั้งล่วงหน้า ก็ขอให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่เคยลงทะเบียนไว้ ในวันที่ 26 มิ.ย. แต่หากไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิได้ก็ขอให้แจ้งเหตุผลที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ก่อนและหลังวันที่ 3 ก.ค.มีกำหนดระยะเวลา 7 วัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียสิทธิ
นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ในส่วนของการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งล่วงหน้าครั้งนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงวันและเวลา จากเดิม 2 วันมาเป็น 1 วัน และภายในระเยะเวลา 08.00-15.00 น.เท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะมีปัญหาในส่วนจังหวัดที่มีคนมาขอลงทะเบียนล่วงหน้่าไว้จำนวนมากเป็นหลักแสนคน เช่นที่ จ. ชลบุรี และ จ.สมุทรปราการ จึงได้สั่งการให้ กกต.จว.จัดเตรียมเพิ่มสถานที่เลือกตั้งล่วงหน้าไว้อำนวยความสะดวกเพื่อให้ทันภายในเวลาที่กำหนด โดยหาก กกต.จังหวัดประเมินยอดแล้วพบว่า มีจำนวนยอดผู้มาลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นจำนวนมากก็สมารถเพิ่มสถานที่เลือกตั้งล่วงหน้าได้แต่ต้องขออนุมัติมายัง กกต. เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา