“เทพไท” แฉไข่แม้วส่งสารเทียบเชิญพรรคอะไหล่จัดตั้ง รบ.

“โฆษกมาร์ค” แขวะไข่แม้วปากกล้าขาสั่น หวั่นใจได้เสียงไม่ถึงครึ่ง ส่งสารเทียบเชิญพรรคอะไหล่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลล่วงหน้า มั่นใจ ปชป.กวาด 200 ที่นั่งพร้อมจับขั้วพรรคร่วมเดิมจัดตั้ง รบ.สำเร็จ จวก “ไอ้เต้น” ใส่ร้ายกองทัพโยง ปชป. ปัดข่าว “มาร์ค” ขี้นเหนือหวังเสริมดวงเมือง

วันนี้ (3 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยว่า เป็นเรื่องที่ดีที่กล้าแสดงความชัดเจนออกมา และควรที่จะแสดงจุดยืนเช่นนี้กับพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และลบภาพที่นายใหญ่ได้ส่งคนไปล็อบบี้พรรคการเมืองขนาดกลางบางพรรคที่จะจับมือเตรียมการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ถ้าพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะได้เลือก ส.ส.เข้ามากถึง 270 คนจริง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแบะท่าส่งเทียบจากนายใหญ่ไปล็อบบี้เช่นนี้ แต่คงประเมินแล้วว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงของ ส.ส.ไม่ถึง 200 เสียง จึงจำเป็นต้องเร่งหาพรรคการเมืองอะหลั่ยมาสำรองไว้ก่อน เพราะหากได้ ส.ส.ไม่เกินครึ่งหนึ่งของสภา พรรคเพื่อไทยก็หมดสิทธิ์ที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคเพื่อไทยจึงต้องออกมาปั่นกระแสผ่านสื่อและสำนักโพลต่างๆ ตามแนวทางการตลาดนำการเมืองที่นายใหญ่ถนัด ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้สึกหวั่นไหวต่อการปั่นกระแสสร้างภาพดังกล่าว เพราะเชื่อว่าพรรคจะได้รับการสนับสนุนจากประชนทั้งประเทศเกิน 200 เสียงแน่นอน พร้อมทั้งสามารถจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเพื่อสานงานต่อไปทันที

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่ม นปช. ที่ออกมากล่าวหาว่าทหารสั่งกำลังพลให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าว่า เป็นการแสดงเจตนาที่ใส่ร้ายกองทัพและพรรคประชาธิปัตย์ให้เสื่อมเสีย หากพรรคเพื่อไทยมีหลักฐานจริงก็ควรไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ใช่ออกมาให้สัมภาษณ์เป็นข่าวเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยการบิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นการยัดเยียดให้กองทัพกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นพวกเดียวกัน และสร้างภาพผู้ร้ายให้กับกองทัพ สอดรับกับแนวทางความเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.

ส่วนกระแสข่าวปล่อยที่ออกมาวิจารณ์ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ไปค้างที่วัดหนองเงือก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ก็เพื่อไปแก้เคล็ดและเสริมดวงชะตานั้น ตนเห็นว่าเป็นการปล่อยข่าวบิดเบือน เพราะส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ไม่ใช่เป็นคนงมงายกับเรื่องเหล่านี้ แต่เมื่อลงพื้นที่ไปสานต่อนโยบายของพรรคและพักค้างที่วัดดังกล่าว ซึ่งทางวัดได้จัดพิธีกรรมสืบชะตาตามปรเพณีของพื้นถิ่นภาคเหนือ นายกฯ ก็ถือโอกาสเข้าร่วม ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด เพราะปกตินายกฯ ก็นับถือศาสนาพุทธและเข้าร่วมพิธีทางศาสนาทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด แต่ไม่ถึงขั้นงมงายต้องบินไปดูหมดดูอีทีที่ประเทศพม่าเหมือนคนบางคน