กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ชี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ขาดคุณสมบัติเพียบ เหตุนอนหลับทับสิทธิ เป็นบุคคลล้มละลาย แนะให้เร่งยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งภายใน 7 วันเพื่อวินิจฉัยคุณสมบัติเป็นการด่วน ไฟเขียว ก.ม.ม.เสียงข้างน้อยส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ไม่เป็นโมฆะ หากคุณสมบัติครบถ้วน
วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ถ.แจ้งวัฒนะ นายประพันธ์ นัยโกวิท คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ในวันนี้ กกต.ได้มีการประชุมเพื่อประกาศรายชื่อบุคคลผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทั้งนี้ มีผู้ที่ขาดคุณสมบัติเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ที่ไม่มีชื่อในประกาศของ กกต.หรือผู้ไม่มีสิทธิลงสมัคร ขอให้พิจารณาดูว่า หากเห็นว่าตนเองเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติ ในการลงสมัครก็ขอให้รีบไปดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ กกต.ประกาศรายชื่อผู้สมัคร ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจะเป็นผู้พิจารณาว่าให้เป็นผู้มีคุณสมบัติลงสมัครหรือไม่ หากศาลฎีกาเห็นว่ามีคุณสมบัติเพียงพอ กกต.ก็จะเพิ่มชื่อให้เป็นผู้ลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อต่อไป ส่วน ส.ส.แบ่งเขตเลือกตั้งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต.ซึ่ง กกต.ประจำเขตจะเป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตาม เมื่อประกาศรายชื่อแล้วผู้ใดไม่มีชื่อก็สามารถไปยื่นคำร้องที่ต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้ ภายในเวลา 7 วัน ทั้งนี้ ผู้ใดที่ขาดคุณสมบัติเนื่องจากถูกลงโทษ หากปรากฏว่า มี พ.ร.บ.ล้างมลทิน กกต.ก็จะถือว่าผู้นั้นเป็นผู้สิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งได้
นายประพันธ์ กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองใหม่ว่า ทาง กกต.ได้ประกาศให้เป็นผู้มีสิทธิลงสมัครเลือกตั้ง เนื่องจากใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 40 ระบุว่า การไม่ปฏิบัติตามมาตรา 37 มาตรา 38 หรือมาตรา 39 ของพรรคการเมืองไม่มีผลกระทบต่อการสมัคร และการได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของสมาชิก ซึ่งพรรคการเมืองนั้นส่งเข้าสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น การที่พรรคการเมืองใหม่ จะส่งผู้สมัคร ส.ส.หากผ่านความเห็นชอบของกรรมการบริหารพรรคก็ไม่กระทบกับการที่จะได้รับเลือกให้ลงสมัคร ส่วนจะขาดคุณสมบัติที่ไม่กระทำตามมติที่ประชุมใหญ่ของพรรคนั้น ถือเป็นเรื่องของพรรคที่จะดำเนินการ หากผู้ใดที่พรรคส่งลงสมัครอย่างถูกต้อง และทาง กกต.ได้ประกาศรายชื่อไปแล้วทาง กกต.ก็ยินดีรับสมัคร
เมื่อถามว่า รายชื่อที่ถูกตัดสิทธิ์ส่วนใหญ่ขาดคุณสมบัติอย่างไร นายประพันธ์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่อยู่ในกรณีที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา หรือเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอย่างไม่ถูกต้อง เป็นบุคคลล้มละลาย