“สุวิทย์ หาทอง” อดีตผู้นำแรงงาน ผู้สมัครบัญชีรายชื่อจากค่าย ควม.ยันหากได้ร่วม รบ.ชูนโยบายตั้งธนาคารแรงงาน จัดตั้ง 1 สหภาพแรงงาน 1 กองทุน พร้อมระงับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง
วันนี้ (31 พ.ค.) นายสุวิทย์ หาทอง อดีตประธานสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคความหวังใหม่ หมายเลข 34 เปิดเผยว่า หากพรรคความหวังใหม่ ได้ร่วมรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายด้านแรงงานสามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที นโยบายหลัก ได้แก่ 1.การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการ โดยสนับสนุนให้จัดตั้ง 1 สหภาพแรงงาน 1 กองทุนๆ ละ2 ล้านบาท 2.ให้สัตยาบันอนุสัญญาไอแอลโอ ฉบับที่ 87 เสรีภาพในการสมาคม และฉบับ 98 สิทธิในการเจรจาต่อรองและคุ้มครองสิทธิในการจัดตั้ง 3.จัดตั้งธนาคารแรงงาน และจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการไปทำงานต่างประเทศ 4.ต้องยกเลิกกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจทันที ระงับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน ได้แก่ คุ้มครองแรงงานนอกระบบ ให้มีสิทธิ และประโยชน์สวัสดิการต่างๆ เช่น ผู้รับงานไปทำที่บ้าน ผู้ขับแท๊กซี่ และรถจักรยานยนต์รับจ้าง พนักงานบริการนวด หาบเร่แผงลอย อาชีพอิสระ พนักงานรักษาความปลอดภัย
ส่วนเรื่องประกันสังคมต้องให้เป็นอิสระและออกจากระบบราชการ โดยให้ประชาชนและผู้ประกันตนได้รับการบริการทางการแพทย์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำจะกำหนดให้เท่าทียมกันทั่วประเทศ ส่งเสริมให้เสถานประกอบการมีโครงสร้างค่าจ้างประจำปี และยกเลิกการจ้างงานระบบเหมาค่าแรง ด้านกฎหมายจัดทำประมวลกฎหมายแรงงาน และเร่งดำเนินการให้ระบบแรงงานสัมพันธ์อยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน รวมทั้งให้ลูกจ้างมีสิทธิเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานโดยสมัครใจตลอดใจ แม้ว่าจะออกจากงานแล้วก็ยังคงเป็นสมาชิกตลอดไป นอกจากนี้ โครงสร้างคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจปัจจุบันต้องแก้ไขให้มีผู้แทนพนักงานรัฐวิสาหกิจร่วมเป็นกรรมการในสัดส่วนหนึ่งในสามของคณะกรรมการทั้งหมด และด้านแรงงานต่างด้าวต้องจัดระบบการบริหารแรงงานต่างด้าวให้สมดุลกับกำลังแรงงานของประเทศ
“นโยบายทั้งหมดจะนำไปสู่เป้าหมายของผู้ใช้แรงงานทั้งหมดของประเทศ นั่นคือ หลักประกันความมั่นคงในการทำงาน ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้มแข็งเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของทุกคนอย่างยั่งยืนนในอนาคต” นายสุวิทย์ กล่าวท้ายสุด
วันนี้ (31 พ.ค.) นายสุวิทย์ หาทอง อดีตประธานสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคความหวังใหม่ หมายเลข 34 เปิดเผยว่า หากพรรคความหวังใหม่ ได้ร่วมรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายด้านแรงงานสามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที นโยบายหลัก ได้แก่ 1.การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการ โดยสนับสนุนให้จัดตั้ง 1 สหภาพแรงงาน 1 กองทุนๆ ละ2 ล้านบาท 2.ให้สัตยาบันอนุสัญญาไอแอลโอ ฉบับที่ 87 เสรีภาพในการสมาคม และฉบับ 98 สิทธิในการเจรจาต่อรองและคุ้มครองสิทธิในการจัดตั้ง 3.จัดตั้งธนาคารแรงงาน และจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการไปทำงานต่างประเทศ 4.ต้องยกเลิกกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจทันที ระงับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน ได้แก่ คุ้มครองแรงงานนอกระบบ ให้มีสิทธิ และประโยชน์สวัสดิการต่างๆ เช่น ผู้รับงานไปทำที่บ้าน ผู้ขับแท๊กซี่ และรถจักรยานยนต์รับจ้าง พนักงานบริการนวด หาบเร่แผงลอย อาชีพอิสระ พนักงานรักษาความปลอดภัย
ส่วนเรื่องประกันสังคมต้องให้เป็นอิสระและออกจากระบบราชการ โดยให้ประชาชนและผู้ประกันตนได้รับการบริการทางการแพทย์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำจะกำหนดให้เท่าทียมกันทั่วประเทศ ส่งเสริมให้เสถานประกอบการมีโครงสร้างค่าจ้างประจำปี และยกเลิกการจ้างงานระบบเหมาค่าแรง ด้านกฎหมายจัดทำประมวลกฎหมายแรงงาน และเร่งดำเนินการให้ระบบแรงงานสัมพันธ์อยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน รวมทั้งให้ลูกจ้างมีสิทธิเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานโดยสมัครใจตลอดใจ แม้ว่าจะออกจากงานแล้วก็ยังคงเป็นสมาชิกตลอดไป นอกจากนี้ โครงสร้างคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจปัจจุบันต้องแก้ไขให้มีผู้แทนพนักงานรัฐวิสาหกิจร่วมเป็นกรรมการในสัดส่วนหนึ่งในสามของคณะกรรมการทั้งหมด และด้านแรงงานต่างด้าวต้องจัดระบบการบริหารแรงงานต่างด้าวให้สมดุลกับกำลังแรงงานของประเทศ
“นโยบายทั้งหมดจะนำไปสู่เป้าหมายของผู้ใช้แรงงานทั้งหมดของประเทศ นั่นคือ หลักประกันความมั่นคงในการทำงาน ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้มแข็งเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของทุกคนอย่างยั่งยืนนในอนาคต” นายสุวิทย์ กล่าวท้ายสุด