บก.น.4 บุกรวบ “สุรชัย แซ่ด่าน” แกนนำแดงสยาม หลังกลับจากปราศรัยท้องสนามหลวง ตามหมายจับคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อ้างไม่คิดหนีพร้อมสู้คดี เแต่ยังไม่ให้การและไม่ขอประกันตัว ยืนยันเจตนาเดิมในการรณรงค์ยกเลิกกฎหมายบางมาตรา
วันนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 02.30 น. พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น. 4 พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.บก.น.4 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.4 และสน.โชคชัย เข้าจับกุมตัว นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ อายุ 69 ปี หรือ สุรชัย แซ่ด่าน แกนนำกลุ่มแดงสยาม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลาอาญาที่ 27/2554 ลงวันที่ 7 ม.ค.54 ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยจับกุมได้ที่บริเวณซอยประชาราษฎร์ 3 อ.เมือง จ.นนทบุรี จากนั้นได้มีสมาชิกกลุ่มแดงสยามเดินทางมาให้กำลังใจและปักหลักติดตามสถานการณ์ประมาณ 30 คน
พ.ต.อ.อาณัติเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากนายสุรชัยเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการจับกุมตัวตามกฎหมาย เมื่อพบเจอผู้ต้องหาที่ไหนก็ต้องจับกุม ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งหรือปฏิบัติ 2 มาตรฐานแต่อย่างใด หลังจากนี้จะต้องทำการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด ก่อนที่จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาในวันพุธที่ 23 ก.พ. 54 ต่อไป
จากการสอบสวนนายสุรชัยให้การว่า ตนถูกจับกุมหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยที่ท้องสนามหลวง โดยได้เดินทางไปส่งเพื่อนที่ย่าน จ.นนทบุรี ระหว่างทางที่กำลังจะกลับเข้าบ้านพักก็ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก ซึ่งตนทราบข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่าถูกออกหมายจับ และคิดที่จะสู้คดีไปตามกฎหมายอยู่แล้วไม่ได้หลบหนี เพราะยังมีคดีหมิ่นอีกหลายคดีที่ต้องต่อสู้
นายสุรชัยกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ถูกจับกุมในครั้งนี้คาดว่าน่าจะมาจากการที่ตนปราศรัยหมิ่นเบื้องสูงที่ห้างอิมพีเรียล เมื่อปลายปี 53 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ตนจะไม่ให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธใดๆ และจะไม่ขอยื่นประกันตัว แต่หากพนักงานสอบสวนสามารถให้ประกันตัวได้ก็จะประกันออกมาสู้คดี และจะขอรณรงค์เกี่ยวกับการยกเลิกกฎหมายบางมาตราที่เคยรณรงค์มาตลอด
สำหรับ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเดิมว่า สุรชัย แซ่ด่าน เป็นนักเคลื่อนไหว และอดีตนักโทษการเมืองคดีคอมมิวนิสต์คนสุดท้ายของประเทศไทย เป็นอดีตคณะทำงานพรรคไทยรักไทย จังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันเป็นแกนนำกลุ่มแดงสยาม นายสุรชัยเดิมทีเป็นที่รู้จักดีในการเมืองช่วงหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา จากการเป็นสมาชิกคนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่เคลื่อนไหวแบบยุทธวิธีกองโจรในป่า ซึ่งต่อมาได้รับโทษถึงประหารชีวิตอันเนื่องจากคดีฆาตกรรมจากการปล้นรถไฟ แต่ต่อมาได้รับการพระราชทานอภัยโทษในปี พ.ศ. 2531
ต่อมา นายสุรชัยได้เข้าร่วมการเมืองในระบบรัฐสภาด้วยการเป็นสมาชิกพรรคความหวังใหม่ จากการชักชวนของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดนครศรีธรรมราช และผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง นายสุรชัย เข้าร่วมการชุมนุมขับไล่ คมช.ที่ท้องสนามหลวง และต่อมาได้แยกตัวออกมาจัดตั้งกลุ่ม “แดงสยาม” ร่วมกับนายจักรภพ เพ็ญแข โดยมิได้ข้องเกี่ยวอะไรกับกลุ่ม นปช.อีกต่อไป ในการขึ้นเวที นปช. เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2550 นายสุรชัยได้กล่าวหมิ่นประมาทนายชวน หลีกภัย และศาลอาญามีคำพิพากษาปรับ 50,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษเหลือ 25,000 บาท