“ชุมพล” การันตี ชทพ.-ภท.นอนเตียงเดียวกันแล้วไม่คิดหย่า บอกเร็วไปที่จะพูดถึงสูตรตั้งรัฐบาล ต้องรอตัวเลขหลังเลือกตั้ง เปรยพรรคใหญ่อาจจะได้แค่ 110 เสียง ชี้รัฐบาลผสมจะให้ปลอดภัยต้อง 300 เสียงขึ้น
วันนี้(27 พ.ค.) นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ระหว่างช่วยนายสดใส โรจนวิชัย หรือสดใส รุ่งโพธิ์ทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ปทุมธานี หาเสียงที่ตลาดพรพัฒน์ และตลาดนัดรังสิต ถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยออกมาระบุว่าพร้อมจับมือกับพรรคที่ได้อันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาลว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาได้ทำสัญญาประชาคมแต่ยังไม่ได้มีการหารือซึ่งกันและกัน ดังนั้น ในช่วงนี้ขอให้เป็นการแสดงความคิดเห็นของแต่ละฝ่าย จะจับมือกันอย่างไรไว้คุยกันทีหลัง ไม่มีปัญหา ไว้หลังเลือกตั้งให้ได้ตัวเลขที่ชัดเจนก่อน แต่เวลานี้ยังเป็นสัญญาประชาคมไว้ที่ประกาศกันไว้
ส่วนที่พรรคใหญ่ประกาศว่าหากได้เสียงข้างมากจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียวนั้น นายชุมพลกล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยิน ปัญหาอยู่ที่ว่าตัวเลขพรรคใหญ่ได้เท่าไหร่ การจัดตั้งรัฐบาลผสมในเมืองไทยตัวเลขต้อง 300 เสียงขึ้นไปถึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มั่นคงได้ ทำงานได้อย่างสบายใจ เพราะเวลาไปโหวตในสภาอย่าลืมว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีโหวตไม่ได้ ดังนั้นทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับตัวเลข พรรคใหญ่อาจจะได้แค่ 110 เสียงก็ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจนถึงตอนนี้มีการทาบทามพรรคเข้าร่วมรัฐบาลหรือยัง นายชุมพลกล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา พรรคชาติไทยพัฒนาตอนนี้เป็นตัวของตัวเอง ขณะนี้เป็นเรื่องของการแสดงความคิดเห็นที่กระจัดกระจาย เพราะสถานการณ์ตอนนี้เป็นแต่เพียงว่าเป็นบรรยากาศของการเลือกตั้งเท่านั้น สิ่งที่เราติดใจและอยากให้ทุกฝ่ายเคารพและยอมรับ คือ ขอให้บรรยากาศการเลือกตั้งเป็นไปตามธรรมชาติ และตามครรลองระบอบประชาธิปไตยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่าใช้ความรุนแรง และอะไรที่จะนำไปสู่ความไม่ปรองดองก็ขอให้ละเว้น เพราะประเทศชาติต้องการความปรองดองมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสูตรรัฐบาลคือพรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน โดยตัดพรรคภูมิใจไทยออก นายชุมพลกล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะพูดอะไรทั้งสิ้น ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยนอนเตียงเดียวกันแล้ว เมื่อถามว่าอาจจะหย่าร้างกันก็ได้ นายชุมพลกล่าวว่า จะให้หย่าร้างกันบนเตียงหรือ คงไม่น่าจะเกิดขึ้นในทางการเมืองเมื่อพูดจากันแล้วต้องทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้
ด้าน นายสดใส กล่าวถึงการหาเสียงในจังหวัดปทุมธานีว่า ต้องยอมรับว่าเขต 4 ปทุมธานีเป็นการเลือกตั้งแบบศึกช้างชนช้าง เพราะพื้นที่เดิมเป็นของพรรคการเมืองหนึ่ง แต่ตนเคยเป็นอดีต ส.ว.ซึ่งมีคะแนนเสียงมากที่สุด และได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลง รวมถึงชาวบ้านทั่วไปที่เบื่อหน่ายการทะเลาะเบาะแว้ง ให้ความสนใจนโยบายของพรรคในเรื่องการปรองดอง ส่วนจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนถือเป็นความตั้งใจจริงของพรรคชาติไทยพัฒนาที่เดินทางสายกลาง
“ขณะนี้มีการเล่นการเมืองแบบยึกยัก คือมาแบบใต้ดิน และเหนือเมฆ เชื่อว่าสื่อทุกคนคงทราบดี มีการพูดคุยกันผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ลักษณะสัญญาว่าจะให้ ส่วนจะเป็นพรรคไหนอย่างไรอยากให้ กกต.ตรวจสอบ มีแน่นอนที่มีการไปจัดตั้งหัวคะแนน ถ้าจะให้บริสุทธิ์ยุติธรรมที่ กกต.ตั้งไว้ และเป็นไปอย่างที่ทุกพรรคอยากเห็นการเลือกตั้งที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย ก็ขอให้ กกต.เข้มแข็ง”
