พท.เปิดตัว “นิติภูมิ-บัณฑูร-ประภัสร์” ซัด “มาร์ค” ป้ายสี จี้ กกต.สอบถ่ายรูปบัตรในคูหา

เพื่อไทยเปิดตัว “นิติภูมิ-บัณฑูร-ประภัสร์” ลงส.ส.บัญชีรายชื่อ “ติวเตอร์หมู” โวมาฟื้นฟูสัมพันธ์ ตปท. ด้านอดีตผู้ว่าฯ รฟม.ชูทำชาติให้มีเกียรติในเวทีโลก ขณะที่ “ปลอด” ซัด “มาร์ค” ดูถูกชาวบ้าน ป้ายสีพรรค ยันไม่ได้ทำเพื่อ นช.แม้ว คนเดียว โวชนะ ปชป.ถึง 50 ที่นั่ง ส่วน “เทือก” แก้ไฟใต้ไม่ได้ก็โยนผิดให้คนอื่น เผยนัดลงมติเลือกปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 พรุ่งนี้ จี้ กกต.สอบบางพรรคให้ชาวบ้านถ่ายรูปบัตรในคูหา

วันนี้ (15 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยได้ทำการเปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัครที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ในระบบแบบบัญชีรายชื่อ ได้แก่ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ คอลัมนิสต์ชื่อดัง นายบัณฑูร สุภัควณิช อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

โดยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความยินดีที่ได้รับทั้ง 3 คนเข้ามาร่วมงานกัน เพราะทั้ง 3 คนก็ถือว่าเป็นบุคคลที่เป็นที่สุดมาแล้ว ทั้งนี้สมาชิกใหม่ของพรรคเพื่อไทยจะได้ไม่ได้เข้ามาอยู่ในฐานะเพียงแค่ผู้อาศัย แต่จะเป็นเจ้าของบ้านร่วมกัน

ด้าน ร.ต.อ.นิติภูมิกล่าวว่า ตนเป็นนักคิดนักเขียนมานาน แต่ก็อยากจะใช้ประสบการณ์ที่มีมารับใช้ประชาชน เพราะลำพังแค่การเขียนหนังสือคงจะรับใช้ประชาชนไม่ได้มากนัก จึงตัดสินมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และงานที่ตนอยากจะฟื้นฟูให้เร็วที่สุดก็คือ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะเท่าที่ผ่านมาประเทศไทยมีปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอด ขณะที่นายบัณฑูรกล่าวว่า ตนเคยร่วมงานกับพรรคการเมืองสมัยทำงานเป็นผู้อำนวยการสำนักงบประมาณซึ่งก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของประเทศมาเยอะ และในขณะนี้ตนก็ได้เกษียณอายุการทำงานแล้ว จึงตัดสินมาทำงานรับใช้ประชาชนกับพรรคเพื่อไทย

เช่นเดียวกับนายประภัสร์กล่าวว่า หากตนได้เข้ามารับใช้ประชาชน ตนก็ขอเลือกทำงานในด้านของคมนาคม เพื่อที่จะให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็ว และประหยัดในการทำงานมากที่สุด และที่สำคัญนั้นตนอยากจะเห็นประเทศไทยกลับมาสู่ความมั่งคั่ง และมีเกียรติบนเวทีระดับโลกอย่างที่เคยเป็น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตัวตลก

ทางด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปทำการหาเสียงกับพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีการกล่าวพาดพิงมาถึงพรรคเพื่อไทยว่า หาประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ ก็จะไม่ได้มาเป็นรัฐบาล และเมื่อเลือกไปปัญหาก็ไม่จบ และก็จะได้เพียงแค่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย เพราะพรรคเพื่อไทยทำเพื่อคน ๆ เดียวนั้น ตนคิดว่านายอภิสิทธิ์ไม่ถูกต้องที่พูดเช่นนี้ เพราะถือว่าเป็นการดูถูกประชาชน ไม่เชื่อถือในระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งยังเป็นการใส่ร้ายป้ายสีต่อพรรคเพื่อไทย เพื่อต้องการให้เกิดความเสียหายด้วย เพราะฉะนั้นตนขอย้ำว่านโยบายของพรรคเพื่อเป็นนโยบายที่เน้นประชาชนเป็นสำคัญ และก็ไม่ได้ทำเพื่อคนคนเดียวด้วย อย่างกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ทุกอย่างก็จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย และก็จะได้รับการพิจารณาเหมือนกับคนอื่นๆ

นายปลอดประสพกล่าวต่อว่า ในการเลือกตั้งขณะนี้นายอภิสิทธิ์ ได้ออกมาระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้คะแนนแตกต่างจากพรรคเพื่อไทยประมาณ 4-5 เสียงนั้น ตนคิดว่านายอภิสิทธิ์ พูดเพียงเพื่อกลัวความพ่ายแพ้ อยากจะให้คนอื่นๆ เข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ และก็เป็นการพูดเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองหากจะตั้งรัฐบาล และสุดท้ายตนคิดว่านายอภิสิทธิ์น่าจะตกวิชาคณิตศาสตร์ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นฝ่ายได้คะแนนเสียงมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ถึง 40-50 เสียงมากกว่า ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกมาระบุว่า ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ที่ก่อขึ้นมานั้น ตนคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อตอนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลก็เคยประกาศนโยบายเรื่องนี้เอาไว้ แต่พอทำไม่ได้กลับโยนความผิดให้กับผู้อื่น เพราะฉะนั้นหากพรรคประชาธิปัตย์ทำไม่ได้อย่างที่พูดก็ควรที่จะเงียบ ๆ ไปจะดีกว่า

นอกจากนี้ นายปลอดประสพยังเปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคมนี้ พรรคเพื่อไทยจะมีการเรียกประชุมว่าที่ผู้สมัครทั้งแบบระบบบัญชีรายชื่อ 125 คน และระบบแบ่งเขตอีก 375 คน เพื่อสัมมนาเกี่ยวกับกฎหมายในการเลือกตั้ง และจะมีการลงมติเลือกผู้ที่จะมาเป็นระบบบัญชีรายชื่อเป็นลำดับที่หนึ่ง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเดินทางมาที่พรรคในวันพรุ่งนี้ด้วยหรือไม่ นายปลอดประสพกล่าวว่า อย่าให้ตนถึงกับต้องเอ่ยชื่อเลย เอาเป็นว่าคนที่ลงรับสมัครเลือกตั้งก็ต้องมาหมด

ทั้งนี้ นายปลอดประสพยังกล่าวเปิดเผยว่า ในขณะนี้ได้มีพรรคการเมืองบางพรรค ส่อจะทำการทุจริต โดยให้ประชาชนที่เดินทางไปลงคะแนนเสียงพกพากล้องถ่ายรูปเข้าไปในคูหา เพื่อถ่ายรูปบัตรคะแนนเสียงของตนเอง และให้นำรูปดังกล่าวไปรับเงินได้ ตนอยากจะเตือนไปยังทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย