“ประยุทธ์” เซ็นโยกผู้พัน 157 นาย คุม “ทหารราบ-ทหารม้า-ทหารปืนใหญ่ -ปตอ.” ดัน “สายเหยี่ยว” คุมหน่วยปฏิวัติในกรุง ตอบแทน “ปราบแดง" รับสถานการณ์เลือกตั้ง ดันทหารซี้เขมรแก้ชายแดน ส่ง “หลานป๋าเปรม” ลงใต้อีกครั้ง คุมทหารพราน จัดหน่วยรับ พล.ร.7 กองพลใหม่คุมเหนือ
วันนี้ (13 พ.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ลงนามในคำสั่งกองทัพบกที่ 99/2554 ให้นายทหารรับราชการและปรับระดับเงินเดือน หรือที่เรียกว่า การโยกย้ายระดับผู้บังคับกองพัน ระดับพันเอก และพันโท จำนวน 157 นาย เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2554 แต่เพิ่งมีการแจกจ่ายคำสั่ง ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่า เป็นการโยกย้ายนายทหารระดับผู้บังคับหน่วยคุมกำลัง เพื่อตอบแทนนายทหารที่เคยทำงานในการกระชับพื้นที่เสื้อแดง และเพื่อความมั่นใจในการรับสถานการณ์การดูแลความมั่นคงภายใน ในช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง และการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการรองรับ การตั้งกองพลทหารราบที่ 7 (พล.ร.7) กองพลใหม่ และ การแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในส่วนของกองทัพภาค 1 มีการจัดวางตัว นายทหารในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ซึ่งเป็นหน่วยกำลังหลักของการรักษาความสงบภายในกทม. และขุมกำลังปฏิวัติใหม่ โดยนายทหารบางคน ถือเป็นนายทหารสายเหยี่ยว เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ภายใน อาทิ พ.อ.อาสาศึก ขันติรัตน์ (ตท.28) รองผู้บังคับกองพันที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (รองผบ.ร.1 พัน 4 รอ.) ขึ้นเป็น ผู้บังคับกองพันที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ผบ.ร.1 พัน 4 รอ.) คนใหม่ แทนพ.อ.ชลัช แจ่มใส ที่ย้ายไปเป็น รองผอ.กองกำลังพล กองทัพน้อย1 (รองผอ.กกพ.ทน.1) และมี พ.ท.สิทธิศักดิ์ ธิวันนา (ตท.32) จาก ผู้ช่วยนายทหารฝ่ายยุทธการกองทัพภาค1 (ผช.ฝยก.ทภ.1) มาเป็น รองผบ.ร.1 พัน 4 รอ.
พ.อ.วณัฐ ลัทธศักดิ์ศิริ เป็น รองเสนาธิการกองพลที่1 รักษาพระองค์ (รองเสธ. พล.1รอ.) และ พ.อ.วนา แคล้วปลอดทุกข์ รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (รองผบ.ร.31รอ.) ขยับเป็น รองเสธ.พล.1รอ. เช่นกัน แต่ที่น่าจับตามอง พ.อ.กัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ (ตท.26) ซึ่งเคยมีบทบาทในการกระชับพื้นที่เสื้อแดงที่ราชประสงค์ และซอยรางน้ำ เมื่อพ.ค.ปีที่แล้ว ได้ขยับจาก เสธ.ร.31 รอ. เป็น รอง ผบ.ร.31รอ. เพื่อจ่อเป็น ผบ.ร.31รอ.คนต่อไป
พ.ท. จักรพงษ์ เส-ลา (ตท.34) จาก รองผบ.ร.31 พัน 3 รอ.ขยับเป็น ผบ.ร.31พัน1รอ.แทน พ.ท.อัศวิน บุนนาค ที่ขยับขึ้นเป็น เสธ.ร.31รอ., พ.อ. ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล (ตท.27) ขยับจาก เสธ.ร.11รอ. ขึ้นเป็น รองผบ.ร.11รอ. พ.ท.หนุน ศันสนาคม (ตท.31) รองเสธ.ร.11รอ.) เป็น ผบ.ร.11พัน2รอ. พ.ท.จักรชัย ศรีคชา ผบ.ร.11พัน 2รอ. มาเป็น เสธ.ร.11รอ.พ.ต.เผ่าพันธุ์ เจนนุวัตร (ตท.33) รองผบ.ร.1พัน1รอ.เป็น รองเสธ.ร.11รอ.
พ.ท.จิรโรจน์ ธูปเทียนรัตน์ (ตท.31) ผช.นายทหารประสานงานการยิง ป.1รอ. เป็น ผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่1 รักษาพระองค์ (ผบ.ป.พัน1 รอ.) พ.ต.สิฐิจักษ์ ร่มโพธ์ชี (ตท.31) เป็นผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่11รักษาพระองค์ (ผบ.ป.พัน 11 รอ.), พ.ท.วุทธยา จันทมาศ (ตท.28) เป็น หัวหน้าฝ่ายยุทธการ กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) หน่วยกำลังปฏิวัติของกองทัพภาค1 ที่ จ.กาญจนบุรี ขึ้นเป็น ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 29 (ผบ.ร.29 พัน1) พันโท อัษฎาวุธ ปันยารชุน (ตท.29) หัวหน้าฝ่ายกำลังพล พล.ร.9 เป็นผู้บังคับกองพันที่ 1 กรมทหารราบที่ 19 (ผบ.ร.19 พัน1)
ส่วนของทหารม้า พ.ท.เศกสรรค์ ภัทรนาวิก (ตท.32) เป็น ผบ.ม.พัน 22 พ.ท.ณรงค์ สมิตทันต์ (ตท.30) เป็น ผบ.พันศม.
สำหรับกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) หน่วยกำลังในกรุงฯพ.ท. ปานเทพ อิ่มสุ่น (ตท.31) เป็น ผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 (ผบ.ปตอ.พัน 2) แทน พ.ท.ธิษณ เกิดประเสริฐ ที่ขยับเป็นพันเอก ตำแหน่งหัวหน้าส่วนปฏิบัติการศูนย์ป้องกันภัยทางอากาศ (ศปภอ.), พ.ท. ศักดิ์ชัย พงค์พนาไกร (ตท.31) เป็น ผบ.ปตอ.พัน 6 แทน พ.ท.อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี ที่ถูกย้ายเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน พล.ปตอ.
นอกจากนี้ มีการจัดทัพนายทหารในกองทัพภาค 2 เพื่อรับศึกชายแดนไทย-กัมพูชา ใหม่ พ.อ. ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ (ตท.27) เสธ.ร.23 ขยับมาเป็น ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 26 (ผบ.กรม ทพ.26) สลับตำแหน่งกับ พ.อ. อุดล บุญธรรมเจริญ ที่ มาเป็น เสธ.ร.23 เพื่อดูแลชายแดนปราสาทตาเมือน-ตาควาย จ.สุรินทร์ เนื่องจาก พ.อ.ณัฎฐ์ เป็น นายทหารที่มีความสนิทสนมกับ นายทหารกัมพูชาและทำงานด้านการประสานงานกับเขมรมาตลอด
พ.ท.ภาคภูมิ นภากาศ รองผบ.ทหารพราน 26 เป็นหัวหน้าฝ่ายข่าว พล.ร.6 โดยให้ พ.ต.ปิยะ นงชนา รอง ผบ.ร.23 พัน3 มาเป็น รองผบ.ทหารพราน 26 (รองผบ.กรมทพ.26) พ.ท.สุรกิจ กาฬเนตร รองผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 23 (รองผบ.กรม ทพ.23) ที่ดูแลพื้นที่เขาพระวิหาร ได้ขยับเป็น ผู้บังคับกองพันที่1 กรมทหารราบที่ 6 (ผบ.ร.6 พัน1 )แทน พ.ท.ประจวบ มูลดับ ที่ขยับเป็น เสธ.ร.6 โดยที่ พ.อ.ประเวศสุทธิ สุทธิประภา เสธ.ร.6 เป็น รองผบ.ร.6 และพ.ต.พิทักษ์ชัย กิ่งเกตุ รองผบ.ร.16 พัน3 มาเป็น รองผบ.ทพ.23 แทน
ในส่วนของ พล.ร.3 พ.ท.ณรงค์ วิชาญาณวรวุฒิ หน.ฝ่ายส่งกำลังบำรุง พล.ร.3 เป็น ผบ.ร.3 พัน2, พ.ท. ณรงค์ สวนแก้ว(ตท.25) ผบ.ร.13พัน1 ซึ่งเป็น ผบ.กองกำลังเฉพาะกิจ 980 ไทย-ดาร์ฟูร์ ประเทศซูดาน ที่ยังคงปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ซูดาน ได้ขยับเป็น พันเอก เสธ.ร.13 โดยมี พ.ท.จักรพงษ์ โพธิ์นาแค เป็น ผบ.ร.13 พัน 1 แทน
นอกจากนี้ การจัดทัพนายทหารในกองทัพภาค 3 เพื่อดูแลพื้นที่ภาคเหนือ มีการจัดผบ.หน่วยของ กรมทหารราบที่ 7 (ร.7) และ กรมทหารราบที่ 17 (ร.17) เพื่อรองรับการตั้ง กองพลใหม่อย่าง กองพลทหารราบที่ 7 (พล.ร.7) อาทิ พ.ท.วันชัย มณีวรรณ (ตท.32) หัวหน้าฝ่ายยุทธการ พล.ร.4 เป็น ผบ.ร.17 พัน 2 พ.ท.เจษฎา เงินกอบทอง ผบ.ร.7 พัน 5 เป็น รองผบ.ร.7 พ.ท.ชายแดน กฤษณสุวรรณ (ตท.27) เป็น ผบ.ร.7 พัน 2 เป็น ผบ.ร.7 พัน 5 พ.ท.ชายชาญ ธีรพิเชษฐพงศ์ จเรพล.ร.4 เป็น ผบ.ร.7 พัน 2
สำหรับกองทัพภาค 4 ภาคใต้ พ.อ.นิติ ติณสูลานนท์ (ตท.26) หลานชาย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ขยับจาก ผบ.ร.5 พัน 2 กลับพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้อีกครั้ง มาเป็น ผบ.กรมทหารพรานที่ 44 (ผบ.กรม ทพ.44) , พ.ท. ณรงค์ ตันติสิทธิพร (ตท.27) ผบ.ร.25 พัน1 เป็น ผบ.ร.5 พัน2 พ.ท.ธรรมรัตน์ อองพลากร (ตท.31) เป็น ผบ.ร.25 พัน1 พ.ท.พรชัย นิ่มทัศนศริ (ตท.34) เป็น ผบ.พันพัฒนาที่ 4 พ.ท.ภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว (ตท.31) เป็น ผบ.ร.15 พัน 2 พ.ท.สฐิรพงษ์ อาจหาญ (ตท.32) เป็น ผบ.ร.151 พัน 2 พ.ท.พีรพงศ์ วัลลภาทิตย์ (ตท.34) เป็น ผบ.ร.152 พัน 3