“เพื่อแม้ว” ได้ทีเรียงหน้าถล่ม “ครม.มาร์ค” อนุมัติงบทิ้งทวนสุดอัปยศ “วิชาญ” สู่รู้ั้ อ้างส่วนใหญ่งบที่เสนอเป็นลักษณะแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน บอกพบข้อมูล กอ.รมน.ส่งทหารลงพื้นที่ตรวจยาเสพติด 2 คน แต่เบิกเงิน 4 คน “วิรุฬ” เชื่อแจกงบเพื่อหาเสียง
วันนี้ (5 พ.ค.) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.ในฐานะประธานภาค กทม.แถลงถึงการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่อนุมัติงบในโครงการต่างๆ จำนวนมาก ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ บอกแล้วว่า จะยุบสภาในสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค.แต่กลับเร่งรีบพิจารณากว่า 200 โครงการ พร้อมทั้งอนุมัติเม็ดเงินจำนวนแสนล้านบาท และประชุม ครม.ไม่เคยประชุมรวบรัดอย่างนี้ การพิจารณาในช่วงกลางดึกเช่นนี้เหมือนกับตีไก่ง่วง เท่าที่ตนได้สอบถามจากพรรคพวกใน ครม.ทราบว่า เรื่องต่างๆ ที่นำมาพิจารณาบางเรื่องไม่ทราบว่ามีการบรรจุเข้ามาในวาระ และส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยในลักษณะแลกเปลี่ยนกัน เพื่อให้งานเดินหน้าได้
นอกจากนั้น ยังพบว่า หลายโครงการที่รัฐบาลอนุมัติส่อเจตนาเดิมจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เช่น กรณีการจัดซื้อรถถัง ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่า การอภิปรายจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และยังมีวาระจรที่มีการเสนอแต่หัวเรื่อง แต่กลับได้รับการอนุมัติในหลักการ ขณะเดียวกัน ยังมีการอนุมัติงบอุดหนุนเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น กระทรวงสาธารณสุข ขอตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมต้องเร่งพิจารณาอนุมัติ ในการประชุมครั้งนี้เป็นการต่อรองหรือเอาใจข้าราชการหรือไม่ เป็นการเตรียมความพร้อมในเรื่องเม็ดเงินงบประมาณไว้สำหรับใช้จ่ายในการป้องกันการทุจริตหรือผลประโยชน์ในการเลือกตั้งหรือไม่
นายวิชาญ กล่าวว่า ยังพบว่า มีกำลังทหารจาก กอ.รมน.ทั่วทุกภาคเข้าไปในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.มีการเพิ่มกำลังทหาร 4 นายต่อหนึ่งเขต โดยบอกว่า เข้ามาเพื่อตรวจยาเสพติด แต่ตนตั้งข้อสังเกตว่าทำไมต้องเข้ามาในช่วงนี้ ขอให้ไปติดตามดูในเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะบางเขตมีอยู่ในพื้นที่แค่ 2 คน แต่อีก 2 คนเป็นการเบิกค่าใช้จ่ายลอย ขอให้ กกต.เข้ามาตรวจสอบว่าเป็นการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ถูกต้องหรือไม่ ทุกอย่างอนุมัติเร็วเกินไปหรือไม่ มีการผูกพันงบประมาณในหลายโครงการ จัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ ซึ่งชัดเจนว่าหวังผลทางการเมืองแน่นอน
ด้าน นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอนุมัติกว่า 200 โครงการ และใช้เวลาสั้นมาก ในขณะที่รัฐบาลประกาศยุบสภาแล้ว ถือว่าเป็นการเตรียมที่จะเอางบประมาณของรัฐไปหาเสียง โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ที่ได้รับงบประมาณ 169 ล้านบาท ตามโครงการธงฟ้าลดค่าครองชีพประชาชน และต้องดำเนินการโครงการให้เสร็จภายใน 90 วัน โดยอ้างว่า เพื่อแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของประชาชน และส่วนตัวเห็นว่าการบรรเทาปัญหาค่าครองชีพด้วยการอนุมัติเงิน 169 ล้านบาท ไม่เพียงพอ เพราะราคาสินค้าสูงขึ้น โดยเฉพาะไข่ไก่ น้ำมันปาล์ม เนื้อหมู คิดว่า เป็นการหาเสียงในพื้นที่ตัวเองมากกว่า เป็นการทำงานที่ไม่โปร่งใส ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดและไม่โปร่งใส เพราะเป็นการนำงบประมาณไปหาเสียง
นายประเกียรติ นาสิมมา กล่าวว่า ในวันที่ 9 พ.ค.นี้ ทางพรรคได้เตรียมการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบ กรณีที่นายรัฐมนตรี และ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที ที่อนุมัติให้บอร์ดทีโอที ให้เซ็นสัญญากับกลุ่มร่วมค้าเอสแอล ซึ่งถือว่าเป็นการทุจริตมหาศาลเรื่องหนึ่ง เพราะเรื่องเหล่านี้ยังมีปัญหากันอยู่ในชั้นศาล
