xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” แฉ “ติ๊งต่าง” อดีตนักร้องวิ่งรอก - ฝาก สรส.เลือกข้างระหว่าง “คน 2 คน-เอเอสทีวี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” แฉ “ติ๊งต่าง” อดีตเป็นนักร้องวิ่งรอกตามที่ต่างๆ แต่โชคดีได้สามีไฮโซ ชี้เป็นเรื่องตลกเคยบอกจะปกป้องสถาบันฯ แต่ดันไปร่วมมือกับพวกซ้ายล้มเจ้าเพียงเพื่อจะกำจัดเอเอสทีวี เตือนถ้ายังไม่หยุดโจมตีพันธมิตรฯ จะแฉให้หมดตอนเป็นนักร้องเป็นแฟนใครบ้าง พร้อมฝากถึงพี่น้อง สรส.อย่าเป็นเครื่องมือของคนเพียงสองคนที่ทะเยอทะยานทำกระบวนการ สรส.พัง แนะให้บอกมาเลย ถ้าจะเชื่อคนสองคนนั้น และไม่ต้องการเป็นมิตรกับเอเอสทีวีซึ่งเป็นสื่อที่ยืนเคียงข้างมาด้วยตลอด

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”  

วันนี้ (30 เม.ย.) เวลาประมาณ 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า เมื่อสักครู่นายอมรพูดถึงเรื่องคุณติ๊งต่าง ชื่อจริงชื่อ กาญจนี วัลยะเสวี คนที่อยู่ในวงการบอกว่าสมัยก่อนเป็นนักร้องวิ่งรอกตามที่ต่างๆ ที่ที่หนึ่งที่มีคนไปเห็นคือครัวหลวง โรงแรมแมนดาริน จับพลัดจับผลูโชคดีได้สามีเป็นไฮโซ พวกกลุ่มศักดินานามสกุลวัลยะเสวี วันนี้ก็เลยออกมารับใช้อำมาตย์สายประชาธิปัตย์  พวกไฮโซแถวสุขุมวิทมาอาละวาดใหญ่ ล่าสุดก็ส่งข้อความพูดในทำนองว่าจะเชิญนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และให้กำลังใจนายสมศักดิ์ โกศัยสุข จะเชิญนายชัยวัฒน์ สุรวิชัย มาร่วม

น่าประหลาดใจพวกวัลยะเสวีรับใช้หม่อมราชวงศ์อะไรก็ไม่รู้ แล้วจะมาร่วมมือกับพวกซ้ายตกขอบ  แล้วรู้หรือเปล่าแต่ละคนที่เอ่ยชื่อมาว่าเกี่ยวพันกับการที่ไม่เอาสถาบันกษัตริย์ทั้งสิ้น มันน่าตลก แล้วจะทำสติกเกอร์ด่าว่าเอเอสทีวี

นายสนธิกล่าวว่า ความจริงตั้งใจพูดเรื่องเอเอสทีวี จะเล่าให้ฟังและอยากให้นายกาญจนี พวกไฮโซไฮซ้อได้สำเหนียก จำคำพูดตนใส่กบาลเอาไว้ด้วย ตนลูกเจ๊กลูกจีนไม่ได้มีศักดินาแบบพวกคุณ

“เอเอสทีวีเกิดขึ้นมา 5-6 ปี มันลำบากยากเย็น แต่ภายใต้ความลำบากยากเย็นมันเป็นความภูมิใจที่สุดในชีวิต เพราะเอเอสเอสทีวีไม่ใช่สื่อที่เลียแข้งเลียขาใคร ไม่ได้ขอเงินขอทองใครมา สังคมบ้านเมืองเดือดร้อนสื่ออื่นไม่เคยใส่ใจ  แต่เอเอสทีวีเดินหน้าสู้ให้กับความถูกต้อง แม้ว่าการสู้นั้นเป็นผลทำให้ถูกปฏิเสธรายได้ทางโฆษณา แต่เราก็ตัดใจเพราะว่าทุกอย่างอนิจจัง เอาชาติมาก่อน ทำได้แค่ไหนทำเต็มที่ ถ้าไม่ได้มีอันเป็นไปก็ช่างมัน แต่อย่างน้อยไม่เสียชาติเกิด” นายสนธิกล่าว   

นายสนธิกล่าวอีกว่า นางกาญจนี วัลยะเสวี และพวกไฮโซแถวสุขุมวิท แท้จริงแล้วก็ออกมาช่วยประชาธิปัตย์ และมาเที่ยวว่าเอเอสทีวี  สิ่งหนึ่งที่เอเอสทีวีทำ และทำมาหลังจากที่นายทักษิณออกนอกประเทศแล้ว และทำมาตลอด นั่นคือทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง การต่อสู้ของพวกที่ต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม ถามนายสุทธิ อัชฌาศัย ที่ระยองสิ มีสื่อมวลชนไหนสนใจ มีแค่เครือข่าวเอเอสทีวีเท่านั้นเอง

เราเห็นชีวิตพี่น้องที่ตายด้วยมลพิษ สำคัญกว่าการลงทุนทางปิโตรเคมีคอล  แล้วที่นายสุทธิ อัชฌาศัย ต่อสู้มาเท่าไหร่ สื่อเจ้าอื่นไม่เคยรายงานข่าวให้เลย  มีเอเอสทีวีเท่านั้น

นายสนธิยังกล่าวอีกว่า นอกจากปกป้องประชาธิปัตย์แล้ว คนอย่างนางกาญจนี วัลยะเสวี ที่อดีตเป็นนักร้อง ได้ดิบได้ดีเพราะจับผัวไฮโซ เคยทำอะไรให้ชาติบ้านเมืองบ้างนอกจากปกป้องพวกเดียวกันเท่านั้นเอง ตนไม่อยากพูด แต่ถ้ายังไม่หยุด ยังมาตอแยเดี๋ยวจะขุดให้หมด ว่าสมัยเป็นนักร้องนั้นมีใครบ้างที่เป็นแฟน

มีผู้หญิงที่สูงศักดิ์อยู่ในแวดวงไฮโซ เขาไม่ได้หลงบ้าไปกับพวกไฮโซบ้าๆ พวกนี้ เขากล้ามาชุมนุมที่นี่ ออกเงินออกทองพิมพ์หนังสือเพลงปลุกใจขายเอาเงินเข้าเอเอสทีวี ทำทุกอย่าง เพราะเขาไม่ได้คิดว่าเขาเป็นไฮโซ แต่เขาคิดว่าเป็นคนไทยที่ไม่ต้องการให้เสียชาติเกิด และมีนางตัวดีคนหนึ่งทะลึ่งเขียนไปบอกว่าที่เขาทำนี้ ทั้งพี่น้องทั้งผัว ไม่พอใจสิ่งที่เขาทำ ทำให้ชาติบ้านเมืองมันผิดตรงไหน

นายสนธิยังกล่าวอีกว่า ก็ต้องถือโอกาสฝากไปถึงพี่น้อง สรส.(สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์) ด้วยเช่นกัน พี่น้อง สรส.มีเฉพาะเครือข่าวเอเอสทีวีเท่านั้น ที่ยืนเคียงข้างสรส.ทุกๆกรณี ในขณะที่สื่อมวลชนทุกฉบับ ทีวีทุกช่อง ไม่สนใจหรอก สรส.จะทำอะไร จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องหรือไม่ แล้วถ้ามองย้อนหลังกลับไป จำได้หรือไม่ วันที่นายสาวิทย์ แก้วหวาน สไตรก์รถไฟ รถไฟหยุดทั่วประเทศ เขาด่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง หนังสือพิมพ์ก็ด่า มีเอเอสทีวีเท่านั้นที่ยืนอยู่ข้างคุณ

ฝากไปยังสมาชิก สรส.ทุกคน ตนขึ้นปราศรัยทีไร พูดตลอดเวลาว่ากฎหมายขายชาติ 11 ฉบับที่ร่างขึ้นในยุคนายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ นั้น ถ้าเรามีโอกาสต้องยกเลิกให้หมด เพราะเป็นกฎหมายทำลายรัฐวิสาหกิจ ใครมาว่าเราเปลี่ยนมิตรเป็นศัตรู  เรานี่คือมิตรแท้ที่แท้จริง

“สรส.อย่าได้ไปเป็นเครื่องมือของคนเพียงสองคน ที่เอาความทะเยอทะยานส่วนตัวมา แล้วทำให้กระบวนการสรส.ต้องพังทลาย หาก สรส.คิดว่าจะเชื่อคนสองคนนั้นและไม่ต้องการให้เอเอสทีวี หรือว่าเว็บไซท์ผู้จัดการหรือเครือข่ายเอเอสทีวี ที่ยืนข้าง สรส.มาตลอด ถ้าไม่ต้องการให้เรามายืนข้างในฐานะมิตรให้บอกมาเลย” นายสนธิกล่าว  

นายสนธิกล่าวอีกว่า การต่อสู้ของพันธมิตรฯมันเหมือนเรือที่กำลังแล่นในมหาสมุทร ขณะนี้เรื่องราวต่างๆ มันลึกลับซับซ้อน มีเงื่อนปมเยอะแยะไปหมด  ใครจะไปนึกว่าพวกตระกูลศักดินาวันนี้เสนอตัวมาร่วมกับพวกซ้ายตกขอบ เพียงเพื่อมาคัดค้านเอเอสทีวีไหนบอกปกป้องสถาบันกษัตริย์ แล้วไปร่วมมือกับซ้ายที่ต้องการล้มสถาบันได้อย่างไร เพื่อมาทะเลาะกับเอเอสทีวี มันจะบ้าหรือเปล่า

คลื่นลมที่อยู่ทุกวันนี้มันแรง ลมพายุแรง เรามีหน้าที่อย่างเดียวคือประคองเรือของเราให้พ้นคลื่นลมนี้ การประครองเรือลำนี้คืออะไร เรือลำนี้มีลำเรือแข็งแกร่ง เครื่องยนต์ดี กัปตันที่อยู่ในเรือ 4 คน และลูกเรือที่เป็นพันธมิตรฯทั่วประเทศ  ล้วนแต่สามัคคี ร่วมมือร่วมใจวิดน้ำที่ไหลเข้าเรือออก และใช้ธรรมนำหน้าเรือลำนี้  อีกไม่นานเมื่อเราประครองเรือได้ พอพ้นช่วงพายุได้ ก็จะเดินไปสู่ช่วงทะเลราบเรียบ

และวันนั้นก็จะมีเรือเราเหลืออยู่เพียงลำเดียว เรือสับปะรังเคที่ออกมาต่อสู้ให้ประชาธิปัตย์ จะต้องอับปางไปทุกลำ รอดูพอถึงวันนั้นพวกลิ่วล้อที่อยู่เรือต่างๆก็กระโดดจากเรือที่จะจม หนีมาขอขึ้นเรือเราอีก ถึงบอกว่ามาเป็นโฆษกประชาธิปัตย์อย่างไม่เป็นทางการ มาเป็นปากเสียงให้ประชาธิปัตย์  บ้าหรือเปล่ายึดตัวบุคคล และยึดคนอย่างนายอภิสิทธิ์ได้อย่างไร

“เพราะวันหนึ่งประชาธิปัตย์ต้องฉิบหายไป แล้ววันนั้นคุณจะเอาหน้าไว้ที่ไหน ที่พูดอยู่ทุกวันนี้ ที่กระแดะ อวดปากดี เพราะคิดว่าประชาธิปัตย์จะอยู่ค้ำฟ้าหรืออย่างไร  ทะลึ่งไม่เข้าเรื่อง  เคยถามว่าอดีตเคยทำงานอะไรไม่ยอมบอก บอกว่าพ่อแม่เลี้ยงมา โธ่เอ๊ย คนๆนึงถ้าไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองแล้ว มันจะซื่อสัตย์กับคนอื่นได้หรือ อย่ามาทะลึ่งกับตน ถ้ามาทะลึ่งกับตนจะขุดออกมาให้หมด ตนเป็นคนไม่อยากพูด เพราะรำคาญมานานแล้วแต่ถือว่าไม่มีราคา” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวต่อว่า การต่อสู้แต่ละครั้ง บทเรียนที่เข้ามาไม่เหมือนกัน มารที่เข้ามาหาเราก็ไม่เหมือนกัน แต่อย่างที่คนพูด มารไม่มี บารมีไม่มา ชาติบ้านเมืองจะพินาศ ฉิบหาย เสียดินแดน นางกาญจนีไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สนอย่างเดียวต้องออกมาลุยเอเอสทีวี ดูแลลูก ดูแลผัวตัวเองให้ดีก่อนเถอะ

คนที่จริงใจต่อชาติบ้านเมือง และถ้าไม่โง่ยิ่งกว่าควาย ต้องรู้อยู่แล้วว่าวันนี้นายอภิสิทธิ์กำลังทำให้ไทยเสียดินแดน เมื่อไหร่ถึงจะเริ่มมีปัญญาเสียที

นายสนธิกล่าวว่า ธรรมดาแล้วเราไม่เคยทวงบุญคุณใคร แต่วันนี้ต้องพูด เราผ่านเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์มา เอเอสทีวีถ้าอยากสบายไม่ต้องมาลำบากอย่างนี้หรอก แต่ด้วยความที่ชาติต้องมาก่อน ไม่ว่าจะนายเติมศักดิ์ นายปานเทพ เก๋ อุษณี เก๋ กมลพร นุ๊กตอนเช้า แหม่ม และอีกหลายคน คนพวกนี้เขาเป็นสื่อมวลชน แต่เป็นสื่อมวลชนที่กล้าลุกขึ้นมาสู้เพื่อชาติบ้านเมือง

จำได้หรือไม่ ตนบอกทำไมรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ท่ามกลางพี่น้อง เพราะเราเป็นคนประเภทเดียวกัน เหมือนอย่างนายพิภพ ธงไชย พูด 1-2 วันที่ผ่านมา หลังจากปราศรัย บอกตนว่าวันนี้เสียเพื่อนไปแล้ว 2 คน ตนบอกไปว่าเสียไป 2 คน แต่ได้เพื่อนอย่างสนธิไม่ดีใจหรือ

เห็นใจพี่น้อง ทนายสุวัตรพูด นายปานเทพ อาจารย์เทพมนตรี พูด พูดจนตนขี้เกียจฟังแล้ว เพราะสิ่งที่พูดเป็นความจริงหมด และเราก็ไม่เข้าใจว่าชาติบ้านเมืองทุกวันนี้ ถูกปกครองโดยคนที่มีคุณวุฒิสูง ชาติวุฒิดี แต่ทำไมมันชั่วช้าขนาดนี้ ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นจาก 2 ตัว คืออัตตา หลงตัวเอง กูผิดไม่ได้ เหมือนพรรคกาเมืองใหม่ คนที่มีปัญหาก็หลงตัวเอง ตนไม่เคยคิดเป็นแกนนำ พี่น้องให้ออกเมื่อไหร่ตนจะกราบเท้าแล้วไปทันทีเลย อยากอยู่อย่างเงียบๆ แต่พร้อมรับใช้พี่น้องเมื่อพี่น้องต้องการ  แต่คนบางคนไปหลงตัวเอง คิดว่าเมื่อออกจากเราไปแล้วจะมีพี่น้องพันธมิตรฯตามไปอีกเยอะ การมาสู้ครั้งนี้ ตนบอก พล.ต.จำลองเอง ให้ พล.ต.จำลองนำ ตนขออยู่ข้างหลัง

นายสนธิกล่าวอีกว่า วันนี้กินข้าวเที่ยงกับนายปานเทพ บอกว่าหน้าที่ตนมีอยู่อย่างหนึ่ง นอกเหนือจากทำงานให้ประชาชนแล้ว คือต้องเปิดโอกาสให้ปานเทพ ได้แสดงศักยภาพของคนที่มีปัญญา เพราะตนเป็นพระอาทิตย์ที่เริ่มจะตกดินแล้ว ไม่ยึดถือ ไม่ต้องการโด่งดัง ถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นหลังต้องมารับไม้ต่อ  จะทำได้อย่างเดียวคือรับลูกปืนแทน แต่สาธุอย่าให้เกิดอีกเลย

บอกนายปานเทพให้จำไว้ กรณีนายสมศักดิ์ และนายสาวิทย์ ว่าเมื่อรับใช้มวลชนถึงจุดหนึ่งแล้วได้ศรัทธาจากมวลชน  อย่าหลงตัวเอง ให้ระลึกอยู่เสมอว่าเป็นผู้รับใช้มวลชน ถ้าไม่ต้องการรับใช้มวลชนอย่ามายืนอยู่ที่นี่ และรับใช้มวลชนต้องฟังมวลชน ทำอะไรต้องถามมวลชนก่อน อย่างโหวตโนต้องถามมวลชนเอาหรือไม่เอา ถ้าเอาค่อยเดินหน้า

เรามีแต่ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มารับไม่ต่อจากเรา เราไม่ยึดติดกับชื่อเสียงหรือเกียรติยศ ยึดติดอย่างเดียวคือเมื่อใดมวลชนต้องการให้ทำงานให้ เราก็จะกลับมาทำ  

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่ออีกว่า การที่เราเอาธรรมนำหน้า คนถามมาว่าธรรมคืออะไร ธรรมข้อแรกก็คือ เอาความจริงนำหน้า  ความจริงก็คือการทำงานอะไรก็ตาม การพูดอะไรก็ตามบนเวที ไม่ว่าพูดวันนี้ หรือช่วง 193 วัน หรือสมัยชุมนุมที่สะพานชมัยมรุเชฐ พูดเหมือนกันหมด เพราะว่านั่นคือความจริงไม่เคยมีการบิดเบือน

เรื่องที่สอง เมื่อเราเอาความจริงนำหน้า เอาธรรมนำหน้าแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือเอาปัญญาที่มีโยนให้กับมวลชน ให้มวลชนคิดเอง ตัดสินใจเอง ไม่ต้องชี้นำ เพราะมวลชนพันธมิตรฯไม่ใช่มวลชนที่โง่

คำว่าธรรมนำหน้าจึงลึกซึ้ง เพราะธรรมนั้นไม่มีวันผิด และเมื่อใช้ธรรมนำหน้าแล้ว ธรรมไม่เข้าใครออกใคร ไม่เข้าใครออกใครอย่างไร ตนยังจำเหตุการณ์ได้ เห็นหลวงตามหาบัวนั่งเทศน์พระที่เป็นเกจิองค์สำคัญในอีสานที่มีลูกศิษย์เป็นพันๆ ท่านเทศน์ ท่านดุ บอกว่าจะตายในสมาธิหรือไง  ให้ออกจากสมาธิ และเอาจิตไปพิจารณาเรื่องราวต่างๆให้เป็นหลักไตรลักษณ์ ทำไมถึงโง่อย่างนี้

ทำไมหลวงตามหาบัวถึงพูดอย่างนี้ เพราะเมื่อท่านเอาธรรมพูดแล้ว ธรรมไม่เข้าใครออกใคร จะเป็นนายทักษิณ หรือนายอภิสิทธิ์ ไม่มีข้อยกเว้น หรือแม้แต่ตน วันนี้พันธมิตรฯเอาธรรมนำหน้า ใครขายชาติบ้านเมืองก็ต้องลุกออกมาสู้  ต่อให้หล่อลากดินก็ต้องสู้ ต่อให้ลากไปข้างหลังก็ต้องสู้ ต่อให้หันหลังให้ เราก็ต้องสู้
กำลังโหลดความคิดเห็น