ภูมิใจห้อยเปิดนโยบาย 9 ข้อ ภายใต้สโลแกนพูดแล้วทำได้ “ชวรัตน์” ฟุ้งกวาด ส.ส.เขต 60-80 ปาร์ตี้ลิสต์ 30-40 คน ด้าน “บุญจง” มักน้อย รักษาเก้าอี้ ส.ส.เดิมกว่า 50 คนได้ก็ถือว่าสอบผ่าน ขณะที่พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินเปิดตัว “กรพจน์ อัศวินวิจิตร” เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ชูนโยบายสังคมมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง สร้างเศรษฐกิจยั่งยืน “สุวัจน์” มั่นใจมีเลือกตั้งแน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 เม.ย.) พรรคภูมิใจไทย ทำการเปิดตัวนโยบายพรรค บริเวณที่ทำการพรรค ถนนพหลโยธิน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง เช่น นายเนวิน ชิดชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นางพรทิวา นาคาศัย เลขาธิการพรรค นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ประธาน ส.ส.พรรค และรวมถึงสมาชิก และ ส.ส.พร้อมว่าที่ผู้สมัครของพรรค
โดยพรรคภูมิใจไทยได้แถลงนโยบาย 9 ข้อ ภายใต้แนวคิดพูดแล้วทำ ประกอบด้วย 1.น้ำมีเงิน สร้างทางน้ำเข้าไร่นาเกษตรกร 2.สร้างศูนย์ฝึกนักกีฬาอาชีพสู้แล้วรวย 3.เงินสะพัดในท้องที่กองทุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดละ 1,000,000 บาทต่อปี 4.ชีวิตดีมีงานทำ กองทุนจ้างงาน 1,000,000 ตำแหน่ง
5.ปลูกแล้วไม่เป็นหนี้ กองทุนประกันราคาสินค้าเกษตร ข้าวเปลือกตันละ 20,000 บาท 6.ลดภาษีมูลค่าเพิ่มลงร้อยละ 2 ให้ของถูกลง 7.ตู้เอทีเอ็มไร่นาเกษตรกร 8.ทำดีมีรายได้ กองทุนสวัสดิการผู้บำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม และ 9.สร้างที่ทำกินที่ค้าขาย 1,000,000 คน
นายชวรัตน์กล่าวว่า ทางพรรคได้คาดหวังจำนวนที่นั่ง ส.ส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้าประมาณ 60-80 ที่นั่ง และบัญชีรายชื่อประมาณ 30-40 ที่นั่ง รวมแล้วกว่า 100 ที่นั่ง และเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่มีปัจจัยใดๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเชื่อว่าขณะนี้ ทุกพรรคมีความพร้อมเตรียมตัวเลือกตั้ง แต่พรรคภูมิใจไทยได้เปรียบกว่าทุกพรรค เพราะมีการเตรียมพร้อมตลอดเวลา จะยุบสภาเมื่อไหร่ก็ไม่เป็นอุปสรรคปัญหา
นายชวรัตน์กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเปิดตัวนโยบายครั้งนี้เป็นการเน้นเพิ่มมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน ให้ซื้อสินค้าที่มีราคาถูกลง ปรับปรุงภาษี เพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้จ่ายสินค้าของประชาชน โดยเฉพาะชาวรากหญ้า
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า แนวทางของพรรคหลังจากเปิดนโยบาย จะให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคทุกคน นำนโยบายไปบอกประชาชนในพื้นที่รับทราบว่า พรรคต้องการทำอะไรเพื่อพี่น้องประชาชน ส่วนการห้ามชูนโยบายปกป้องสถาบันเพื่อการหาเสียง คงไม่มีผลกระทบอะไร แต่ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียกประชุมในวันที่ 2 พ.ค. ถึงกฎกติกา แต่แนวทางของพรรคคือปกป้องสถาบันอยู่แล้ว และไม่เชื่อว่า กกต.จะห้ามใช้คำว่าปกป้องสถาบัน เพราะคำนี้เป็นสโลแกนของพรรคตั้งแต่แรก หากเป็นการขึ้นพระบรมฉายาลักษณ์อย่างนี้คงทำไม่ได้แน่นอน
นายบุญจงกล่าวว่า ขณะนี้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคทั้งเขตและบัญชีรายชื่อมี 200 กว่าคน โดยเป้าหมายจำนวน ส.ส.ของพรรคคือ 60 คน แต่ที่สำคัญคือต้องรักษา ส.ส.เก่าที่มี 50 กว่าคนไว้ให้ได้ ถ้าได้เท่านี้ก็ถือว่าสอบผ่านแล้ว หากได้นอกเหนือจากนี้คือกำไร โดยพื้นที่ที่มีโอกาสได้ ส.ส.เพิ่ม เช่น ภาคอีสานตอนใต้ ภาคกลาง รวมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ และเชื่อว่านโยบายของพรรคจะเข้าถึงประชาชน โดยเฉพาะสโลแกนที่ว่า “พูดแล้วทำได้” แน่นอนว่าทำได้คือต้องเป็นรัฐบาล แต่จะได้เป็นหรือไม่นั้นต้องดูผลการเลือกตั้งหลังจากนี้ ซึ่งเชื่อว่าไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงเกินครึ่งแน่นอน ดังนั้น การตั้งรัฐบาลต้องอาศัยพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน
วันเดียวกัน พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินได้แถลงเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค โดยมี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ นายพินิจ จารุสมบัติ แกนนำพรรคเข้าร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วย โดยหลังการเปิดตัวได้ทำพิธีเปิดป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อหาเสียง โดยมีสโลแกนว่า “รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย พลังไทยสร้างชาติ”
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน แถลงว่าทีมเศรษฐกิจของพรรค มี นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นหัวหน้าทีม พร้อมด้วย นายมนตรี จิระโพธิ์ทัย ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายภิรมย์ จันทร์ถาวร อาจารย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายกรพจน์กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินเป็นพรรคที่มีศักยภาพที่จะทำงานเพื่อประชาชน โดยทางพรรคจะชูนโยบายสังคมมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง สร้างเศรษฐกิจยั่งยืน โดยจะเป็นการกระจายรายได้ให้กับประชาชน อย่างทั่วถึง เน้นการดูแลราคาสินค้าให้มีความเหมาะสม รวมถึงการพัฒนาภาคการเกษตร
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้น่าจะเป็นช่วงที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่น่าจะมีเหตุการณ์อื่น มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นตามที่นายกฯประกาศไว้แน่นอน การเลือกตั้งถือเป็นทางออกที่ดีให้กับประเทศ และทุกฝ่ายต้องช่วยกันประคับประคองเพื่อให้การเลือกตั้งเกิดขึ้น ช่วยกันไม่ให้มีการทุจริต ให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม หากเลือกตั้งสะอาดทุกฝ่ายก็จะยอมรับ พรรคการเมืองและนักการเมืองก็ต้องพิสูจน์ว่าประชาธิปไตยเกิดขึ้นแล้ว ถึงแม้ปัญหาไทย กัมพูชาจะน่าเป็นห่วง แต่เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ส่วนข่าวปฏิวัติรัฐประหารนั้น ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ออกมาให้ความมั่นใจแล้ว จากนี้ไปถือว่าเป็นการนับถอยหลังเข้าสู่การลือกตั้ง
ส่วนกรณีที่พรรคเพี่อไทยยังออกมาบอกว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง นั้น เป็นกลยุทธ์ของแต่ละพรรคการเมือง สถานการณ์ตอนนี้ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้ง ถ้าการเลือกตั้งไม่ชัดเจน แต่ละพรรคสงวนท่าทีกันแล้ว
“ทุกพรรคต่างก็มีนโยบายประชานิยม เพราะพื้นฐานนโยบายประชานิยมช่วยลงไปดูคนระดับรากหญ้า ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องทีดี แต่ก็ต้องดูโครงสร้างด้านเศรษฐกิจของประเทศด้วย อย่าให้เป็นภาระทางเศรษฐกิจในอนาคตข้างหน้า” นายสุวัจน์กล่าว
ทั้งนี้ การเลือกตั้งไม่ควรหลีกทางให้ใคร แต่ควรส่งผู้สมัครดีๆ เพื่อแย่งชิงพื้นที่กัน ไม่ควรฮั้วกัน หรือรู้เห็นเป็นใจกัน แต่ต้องส่งผู้สมัครลงไปเพื่อให้มีทางเลือกให้กับประชาชนมากที่สุด และแต่ละพรรคควรสนอนโยบายดีๆ ให้กับประชาชน และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าจะเลือกพรรคไหน