“ปัญญามีขายที่นี่หรือ จะแย่งซื้อกันได้ที่ไหน
อย่างที่โก้หรูหราราคาเท่าไร จะให้พ่อขายนามาแลกเอา”
กลอน 2 บาทนี้ อยู่ในบทกลอนชื่อ “ เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน “ หรืออีกชื่อที่นิยมเรียกกัน “ ฉันจึงมาหาความหมาย” อันเป็นวรรคทองของบทกลอน แต่งโดย วิทยากร เชียงกูล เมื่อครั้งเป็นนักศึกษา คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตีพิมพ์ครั้งแรก ในหนังสือพิมพ์ยูงทอง เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2511 ซึ่งเป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เนื้อหาของกลอน เป็นการสะท้อน และเสียดสี บรรยากาศการศึกษาในมหาวิทยาลัยตอนนั้น ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อ “กระดาษแผ่นเดียว “ หรือปริญญาบัตร ไม่ใช่เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ มีปัญญา และมีจิตสำนึกรับใช้ประชาชน
กาลเวลาผ่านไป 40 กว่าปี อุปมาอุปมัย การศึกษาในระดับอุดมศึกษา ดั่ง การซื้อขายใบปริญญา กลายเป็นเรื่องพ้นสมัยไปเสียแล้ว เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องแข่งกันเรียน แย่งกันซื้อ “ปัญญา” เพราะ ปัญญา เป็นสินค้าสำเร็จรูปชื่อ “ ปริญญา” ที่มีวางขายอยู่ทั่วไป ในมหาวิทยาลัยจำนวนมากทั่วประเทศไทย ไม่มีเงินก็ซื้อได้ ด้วยบริการเงินกู้จาก กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ที่เป็นกลไกในการผันเงินงบประมาณ ไปเป็นรายได้ของธุรกิจการศึกษาอย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยมีนักศึกษาที่กู้เงินมาวื้อปริญญา เป็นคนรับภาระหนี้หลังเรียนจบแล้ว
เมื่อการศึกษากลายเป็นสินค้า ที่ครอบคลุมผู้บริโภค ตั้งแต่วัยอนุบาล ไปจนถึงผู้ใหญ่อายุ 30-40-50 ปี ที่ต้องการจะได้ปริญญา เป็นเครื่องหมายแสดงตนว่า มีความรู้ สติปัญญา เป็นใบเบิกทางในสังคมที่ให้ค่ากับกระดาษาแผ่นเดียว การซื้อขายความรู้ ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา มที่นับวันยิ่งทำกันแพร่หลาย ในรูปแบบต่างๆ กัน
"หากคุณมีปัญหาด้านวุฒิการศึกษา เช่น เรียนไม่จบ, เรียนไม่ตรงสายงาน, ปัญหาการสมัครเรียนต่อ, ต้องการนำวุฒิฯ ไปสมัครงานเพื่อให้ตรงกับสายงาน หรือเพื่อปรับขึ้นเงินเดือน ฯลฯ ที่นี่..ถือว่ามีผู้ใช้บริการมากที่สุด และไม่เคยมีปัญหาใดๆ ตามมาภายหลัง ได้ดำเนินการมากว่า 7 ปี โดยไม่มีปัญหาสักครั้ง สามารถตรวจสอบได้จากกระทรวง และมีชื่อในโรงเรียนอยู่จริง รับแก้ไขปัญหาเรียนไม่จบทุกกรณี ผ่านกระทรวง โดยใช้ไปสมัครงาน ศึกษาต่อทั้งใน และต่างประเทศ สามารถตรวจสอบได้ มีชื่อในฐานข้อมูลของโรงเรียนจริง รับประกันผลงานตรวจสอบได้จริง โดยไม่มีข้อกังขา จะใช้สมัครงาน หรือเรียนต่อก็สบายใจ ของจริงแน่นอน ”
นี่คือ ตัวอย่างข้อความในเว็บไซต์ ขายวุฒิการศึกษา ซึ่งโฆษณากันอย่างเปิดเผย โดยระบุค่าใช้จ่ายตามระดับวุฒิการศึกษา เช่น ประถมศึกษา 5,000-8,000 บาท มัธยมตอนต้น 12,000-20,000 บาท มัธยมศึกษาตอนปลาย 15,000-22,000 บาท ปวช.20,000-32,000 บาท ปวส.25,000-40,000 บาท ปริญญาตรี 37,000-90,000 บาท (เข้ารับปริญญาได้) ปริญญาโท 120,000-280,000 บาท (เข้ารับปริญญาได้) จนทำทำให้เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาเห็นว่า ถ้ต้องแจ้งความกับกองปราบปราม ให้ติดตาม หาตัวผู้ประกาศมาดำเนินคดี
การซื้อขายปริญญาในรูปแบบนี้ ถือว่า เป็นวิวัฒนาการที่ยกระดับขึ้นจาก แบบเดิม ที่รียกว่า “เรียนง่าย จ่ายครบ จบแน่” แต่รูปแบบนี้จบโดยไม่ต้องเรียน แค่จ่ายค่าใบปริญญาก็จบได้
ก่อนหน้านั้น การซื้อขายความรู้อีกรูปแบบหนึ่งคือ การรับจ้างทำวิทยานิพนธ์ ระดับปริญญาโท ปริญญาเอก รับทำรายงาน การวิจัย ผลงานการศึกษา ราคาตั้งแต่ 25,000 -500,000 บาท
ที่เลวร้ายมากที่สุดคือ สถานศึกษา คือ มหาวิทยาลัย ทำตัวเป็นพ่อค้าขายปริญญาเสียเอง โดยการสร้างหลักสูตรในระดับปริญญาตรี โท เอก ที่ออกแบบให้ทุกคนที่สมัครเข้าเรียน สามารถจบการศึกษาได้อย่างแน่นอน หากจ่ายค่าธรรมเรียทมการศึกษาครบ
กรณีมหาวิทยาลัยอีสาน ขายใบประกาศนียบัตร บัณฑิต วิชาชีพครู ให้คนที่อยากเป็นครู นั้น อาจะเป็นเพียง 1 ในร้อย ของมหาวิทยาลัยที่ทำเช่นนี้ก็ได้ แต่บังเอิญถูกจับได้คาหนังคาเขาเท่านั้นเอง
มหาวิทยาลัยอีสาน เป็นสถาบันอุดมศึกษาของเอกชน ตั้งอยู่ที่ขอนแก่น ก่อตั้งโดยพันตรี ดร.อุดร แสวงการ และ ดร.จรรยา แสวงการ เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2545 ใช้ชื่อว่า "วิทยาลัยบัณฑิตบริหารธุรกิจ" ก่อนจะยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2552
นอกจากในจังหวัดขอนแก่นแล้ว มหาวิทยาลัยอีสาน ยังได้เปิดสอนในศูนย์การศึกษา นอกสถานที่ตั้งอีก 4 แห่ง คือ ศูนย์การศึกษา อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ,อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี , อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู และวิทยาลัยการพลศึกษาวิทยาเขตชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ โดยมีปณิธานประจำมหาวิทยาลัยว่า "ผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรม และจริยธรรม เพื่อสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการ สืบสานวัฒนธรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น"
สำหรับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยอีสาน คือ ดร.อัษฏางค์ แสวงการ เป็นบุตรชายของพันตรี ดร.อุดร แสวงการ และ ดร.จรรยา แสวงการ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยอีสาน
ดร.อัษฏางค์ จบการศึกษาปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฎเลย สาขาการบริหารโรงเรียน ปริญญาโทจากวิทยาลัยบัณฑิตสกลนคร สาขานโยบายและการวางแผนทางสังคม และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอะดัมสัน สาขาการบริหารการศึกษา โดย ดร.อัษฏางค์ เคยทำงานคลุกคลีในแวดวงการศึกษามามากมาย ทั้งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเทคโนโลยีธุรกิจอาชีวะ, อุปนายกโรงเรียนชีวศึกษาเอกชน ,คณะกรรมการสมาชิกคุรุสภา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน จังหวัดขอนแก่น, อธิการบดีวิทยาลัยบัณฑิตบริหารธุรกิจ ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังเคยทำงานด้านการเมือง โดยดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดขอนแก่น และเคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 จังหวัดขอนแก่น เมื่อปี พ.ศ.2543 ในนามพรรคเสรีธรรม