รอง หน.เพื่อไทย เผย ส.ส.ส่อย้ายพรรคกลับเข้าสังกัดเดิมหมดแล้ว เว้น “เจ๊มิ่ง” สาบสูญ ปิดเครื่องหนี ขู่มารายงานตัวไม่ทันก็อดร่วมพรรค จี้ กกต.สอบเลือก กกต.จังหวัด ส่อไม่ชอบมาพากล ถูกชี้นำจากอำนาจรัฐ
วันนี้ (28 เม.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (27 เม.ย.) ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยที่ถูกมองว่าเตรียมย้ายสังกัดออกจากพรรค ได้กลับรายงานตัวทุกคนแล้ว ยกเว้นนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยที่ยังไม่ปรากฏตัวแต่อย่างใด ขณะที่พวกตนได้โทรศัพท์ไปหา แต่นายมิ่งขวัญปิดเครื่องจึงไม่ทราบว่าต้องติดต่อในวิธีใด ทั้งนี้ การจัดส่งรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.นั้นต้องรอ กกต.กำหนดวันอย่างชัดเจน พรรคจึงมีปฏิทินกำหนดเวลา ซึ่งหากนายมิ่งขวัญมารายงานตัวไม่ทันก็ไม่สามารถช่วยดำเนินการใดๆ ได้แล้ว นอกจากนี้ นายปลอดประสพยังร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ให้ตรวจสอบการเลือก กกต.จังหวัดแทนตำแหน่งที่ว่างใน 62 จังหวัด เนื่องจากพบว่ามีความไม่ชอบมาพากล โดยคณะกรรมการคัดสรรที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานนั้น ได้ถูกชี้นำและบีบบังคับจากฝ่ายมีอำนาจ ทำให้การเลือกตั้ง กกต.จังหวัดไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ดังนั้นจึงอยากให้ทาง กกต.ตรวจสอบ และหากพบว่าผิดจริงควรถอดถอนชื่อ กกต.จังหวัดนั้นออก รวมทั้งต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้สรรหา กกต.จังหวัดด้วย เพราะหากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริงจะส่งผลให้การเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นไม่ยุติธรรมเช่นเดียวกัน
สำหรับความเคลื่อนไหวที่พรรคเพื่อไทยขณะนี้ มีการประชุมนโยบายพรรค นำโดยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานในการประชุม ร่วมกับทีมนโยบายพรรค ที่มีนายปลอดประสพ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. นายสุชาติ ธาราดำรงเวช หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค นายสมาน เลิศวงศ์รัตน์ นายโอฬาร ชัยประวัติ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ นายปลอดประสพได้กล่าวในที่ประชุมว่า การประชุมในวันนี้ เน้น 2 เรื่อง คือ นโยบายแรงงาน และเกษตรกร ซึ่งนโยบายให้การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการทำการเกษตร รวมทั้งความเชื่อมโยงในเรื่องอุตสาหกรรม ทั้งนี้ จากการได้แถลงนโยบายแล้วที่ประชุมวันนี้จะหาข้อสรุปและจะปรับนโยบายเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับประชาชนกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยจะทำให้เป็นนิติบุคคล ซึ่งพรรคเองมีจุดยืนและเป็นศูนย์กลางของชนชั้นแรงงานและรากหญ้า