“สนธิ” เผยเหตุ “อัญชะลี” ปัดขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เพราะสนิทสนม “จุติ” กลัวกระทบประชาธิปัตย์ ขณะที่ “ลุงวัฒน์” ต้องหนีคุกไปอยู่เขมร แต่เวทีมัฆวานฯ ด่าฮุนเซน ระบุพี่น้องพันธมิตรฯ ใจนักเลงพอ ใครมีอะไรพูดมาตรงๆ พร้อมให้อภัย อย่ามาตะแบงหรืออวดดี ย้ำหนุน “โหวตโน” หนักหัวใคร ฝากข้อคิดให้ทักษิณ “ทุกสิ่งเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”
เมื่อเวลา 21.15 น.วันที่ 26 เม.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า การเดินทางของพวกเราต้องใช้ความอดทนและใช้ธรรมนำหน้า เพราะมีวิชามารมากมายไปหมด วันนี้ โทรทัศน์ไทยพีบีเอส (รายการตอบโจทย์) ได้มาสัมภาษณ์ตนไปออกรายการหลังจากที่นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้กล่าวพาดพิงถึง จึงมาเล่าให้ฟังว่าได้พูดอะไรไปบ้าง โดยผู้ดำเนินรายการได้ถามว่า ทำไมจึงมีเรื่องกับนางสาวอัญชะลี ไพรีรัก ตนจึงตอบว่า ตนไม่มีเรื่องกับนางสาวอัญชะลี แต่นางสาวอัญชะลีมีเรื่องกับพี่น้องพันธมิตรฯ เพราะนางสาวอัญชะลีบอกว่าตนเองเป็นสื่อ ไม่มีเวลามาขึ้นเวที ขอทำงานสื่อดีกว่า แต่พี่น้องพันธมิตรฯ มีปัญญา เลยถามต่อว่า แล้วทำไมนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ นางสาวกมลพร วรกุล นางสาวอุษณีย์ เอกอุษณีย์ นายเติมศักดิ์ จารุปราณ และคนอื่นๆ ไม่ใช่สื่อมวลชนหรือ ทำไมมีเวลา เมื่อพันธมิตรฯ ถามกลับอย่างนี้ นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย นายประพันธ์ คูณมี และหลายๆ คนก็มาอธิบาย พอมีการอธิบายจึงกลายเป็นศึกระหว่างนางสาวอัญชะลีกับ “สมณะนะจ๊ะ” และพี่น้องพันธมิตรฯ
นายสนธิกล่าวต่อว่า ตนได้อธิบายให้คนที่สัมภาษณ์ฟังว่า นางสาวอัญชะลีสนิทสนมกับนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที จึงไปนั่งหน้าห้อง ไม่ได้เป็นเลขาฯ แต่ทำตัวเป็นเลขาฯ ใหญ่ เพราะมีความสนิทสนมกับพี่สาวนายจุติ นอกจากนี้ นางสาวอัญชะลียังเรียกนายวัฒนา อัศวเหม ว่าลุงวัฒน์ เพราะพ่อของนางสาวอัญชะลีเป็นหนี้บุญคุณนายวัฒนา ซึ่งขณะนี้นายวัฒนาหลบหนีไปอยู่ที่เขมร (หลังจากศาลมีคำพิพากษาจำคุกคดีทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน) แปลงสัญชาติเป็นเขมรและถือพาสปอร์ตเขมร ดังนั้น นางสาวอัญชะลีจะมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ก็กระไรอยู่ เพราะไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์ของนายจุติที่สนิทสนมด้วย ขณะที่เวทีพันธมิตรฯ ทุกคนก็เล่นงานนายฮุนเซนอยู่ ก็จะเป็นอันตรายต่อลุงวัฒน์ แต่นางสาวอัญชะลีพูดไม่ได้ พูดไม่ออก จึงหาทางเลี่ยง เพราะคิดว่ายังคงจะหลอกพันธมิตรฯ ได้อยู่ เลยกลายเป็นเรื่องเป็นราวที่กระทบกระทั่งกันมาตลอด
“ผมไม่รู้จะพูดอะไร เพราะผมไม่มีอะไรกะเขา เขาบอกว่าอยู่เอเอสทีวี บาทหนึ่งก็ไม่ได้ แต่ตอนที่เขาไปเรียนออสเตรเลีย มีเถ้าแก่คนหนึ่งที่ลูกชายเคยไปเรียนออสเตรเลีย ได้เปิดบัญชีไว้ให้ลูกชายที่เซนต์ลูเซีย รัฐควีนส์แลนด์ มันมีเงินเหลืออยู่ 10,500 เหรียญออสเตรเลีย เถ้าแก่คนนั้นเลยเขียนเช็คให้อัญชะลีไป 10,000 เหรียญฯ ลองเดาเอาว่าเถ้าแก่คนนั้นเป็นใคร”
นายสนธิกล่าวต่อว่า ใครมีอะไรกับพันธมิตรฯ ก็ขอให้พูดจากันตรงๆ ได้เลย พี่น้องพันธมิตรฯ ใจนักเลงพอ ถ้ามีอะไรพูดกันมาตรงๆ ก็ให้อภัยกันได้ทุกคน วันนี้ใครก็ตามที่มาขอโทษว่าผิดพลาดไปแล้วเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เราก็พร้อมที่จะให้อภัย แต่ไม่ใช่มาตะแบง มาอวดดี มาดูถูก หรือมาบอกว่าสมาชิกพรรคการเมืองใหม่สายพันธมิตรฯ เป็นโจรห้าร้อย
“แล้วมาหาว่าผมเป็นเถ้าแก่สั่งมา ผมไม่ห่วงหรอก ผมไม่สนใจ พี่ลอง พี่พิภพ ก็ยังบอกว่า คนที่เริ่มโหวตโนไม่ใช่สนธิ อย่างไรก็ตาม ถึงไม่ใช่คนเริ่มแต่ผมเห็นด้วย แล้วมันหนักหัวกบาลใคร จำเอาไว้ เราจะโหวตโน แล้วหนักหัวกบาลใคร นี่คือสิ่งที่ผมพูด ผมไม่เคยปิดบังอะไร”
นายสนธิกล่าวต่อว่า ผู้สัมภาษณ์ได้ถามตนว่ามีอะไรจะแนะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (อดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ) หรือไม่ ตนได้ตอบว่า ไม่มีอะไรจะแนะนำ เนื่องจาก 1.อายุใกล้เคียงกัน แก่กว่ากันเพียง 1 ปี 2.พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเศรษฐีแสนล้าน 3.พ.ต.ท.ทักษิณเป็นถึงอดีตนายกฯ ตนจึงแนะนำเขาไม่ได้ แต่อยากจะให้ข้อคิดเพียงข้อเดียว คือ “ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป” ฝากให้เอาไปคิด
ผู้สัมภาษณ์ได้ถามต่อว่า รักอะไรและเกลียดอะไรมาก ตนบอกว่าลืมไปหมดแล้ว เพราะได้พัฒนาตัวเองจนลืมความรัก ความเกลียด มีแต่ปัจจุบันวันนี้ที่จำได้ว่าต้องยืนอยู่กับพี่น้องเพื่อต่อสู้ช่วงชิงเอาดินแดนไทยกลับมาให้ได้ และให้นายวีระ สมความคิด นางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ได้กลับมาประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ และต่อสู้เพื่อโหวตโนเท่านั้น
